ส่องอสังหาฯ 3จังหวัดภาคใต้ เฉียดแสนล้าน. รายใหญ่-ค้าปลีก ปักหมุด "เมืองคอน"
หากพูดถึงการท่องเที่ยวทางภาคใต้แล้ว มีอีกหลายจังหวัดที่รัฐบาลพยายามส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชนและดึงเงินเข้าประเทศ ซึ่งใน 3 จังหวัดทางภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดสงขลา และสุราษฎร์ธานี ถูกจัดเป็นเมืองยอดนิยมที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว ในขณะที่จังหวัดเมืองรองอย่าง นครศรีธรรมราช เป็น 1 ใน 9 จังหวัดทางภาคใต้ ที่อยู่จัดอันดับให้เป็นเมืองรอง
ซึ่งปัจจุบัน ด้วยนโยบายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ได้จัดแคมเปญ " 55เส้นทางท่องเที่ยวเมืองรอง " เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ได้รู้จักและเดินทางไปท่องเที่ยว จับจ่ายใช้สอย โดยในปี 2560 สัดส่วนรายได้จากการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 18.25% ของจีดีพี ขณะที่ในปีนี้ ททท.คาดจะมีตัวเลขรายได้รวมอยู่ที่ 3.38 ล้านล้านบาท ตลอดทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 40.2 ล้านคน คนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศเพิ่มเป็น 170 ล้านคนต่อครั้ง
ทั้งนี้ จะพบว่า " เมืองรอง " ที่ว่า มีถึง 55 จังหวัด คิดเป็น 3 ใน 4 ของจำนวนจังหวัดทั้งหมดในประเทศไทย ตัดเมืองหลวงอย่าง กรุงเทพฯออก หัวเมืองใหญ่ตามแต่ละภาค เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น รวมทั้งนครราชสีมา ที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในสยามประเทศ ปริมณฑลทั้ง 5 (นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปทุมธานี และนนทบุรี) และเมืองยอดนิยม ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง กาญจนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กระบี่ พังงา สงขลา สุราษฎร์ธานี อยุธยา สระบุรี นับรวมเมืองหลักทั้งหมดได้ 22 จังหวัด ก็จะเหลือเมืองรองให้ไปเที่ยวกัน
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของภาคการท่องเที่ยว ย่อมจะส่งผลดีถึงภาคเศรษฐกิจของแต่ละเมือง ทำใหธุรกิจเติบโต รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่จะล้อไปตามการขยายตัวของประชากร และความต้องการในด้านที่อยู่อาศัย
อย่างเช่น จ.นครศรีธรรมราช "เมืองคอน" มีผู้ประกอบการภาคอสังหาฯรายใหญ่ และธุรกิจค้าปลีกจากส่วนกลางเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งบริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด ที่ล่าสุดมีการเปิดให้บริการแบรนด์"ฟอร์จูน" บริษัทศุภาลัย จำกัด (มหาชน) โครงการบ้านจัดสรร ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่จากกลุ่มบริษัทเซ็นทรัล เป็นต้น เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ จำนวนประชากรที่มีค่อนข้างเยอะ รวมถึงท่าอากาศยานนานชาตินครศรีธรรมราชในอนาคต รวมถึง การลงทุนจากบริษัทต่างประเทศเข้ามายังภาคใต้ มีมูลค่าสูงขึ้น โดยจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการลงทุนสูงสุดในปีที่ผ่านมา
โดยทางศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้จัดทำรายงานสรุปผลการสำรวจ อุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในช่วงครึ่งหลังปี 2561 ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดในภาคใต้ ได้แก่ สงขลา , สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช โดยนับเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย จากการสำรวจพบว่า มีโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขายจำนวน 290 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวมทั้งสิ้น 25,262 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 99,314 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรร 242 โครงการ มีหน่วยในผังจำนวน 19,269 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 75,014 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 26 โครงการ มีหน่วยในผังจำนวน 5,585 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 13,148 ล้านบาท และโครงการวิลล่า 22 โครงการ มีหน่วยในผังจำนวน 408 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 11,153 ล้านบาท
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า จากการสำรวจในช่วงครึ่งหลังปี 2561 มีหน่วยเหลือขายจำนวน 7,680 หน่วย หรือร้อยละ 30.4 ของหน่วยในผังโครงการทั้งหมด โดยโครงการบ้านจัดสรรมีหน่วยเหลือขายจำนวน 6,704 หน่วย หรือร้อยละ 34.8 ของหน่วยในผังโครงการบ้านจัดสรรทั้งหมด โครงการอาคารชุดมีหน่วยเหลือขายจำนวน 794 หน่วย หรือร้อยละ 14.2 ของหน่วยในผังโครงการอาคารชุดทั้งหมด และโครงการวิลล่ามีหน่วยเหลือขายจำนวน 182 หน่วย หรือร้อยละ 44.6 ของหน่วยในผังโครงการวิลล่าทั้งหมด
โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดสงขลา มีจำนวน 135 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 11,816 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 42,047 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 3,543 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 13,183 ล้านบาท
จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีจำนวน 121 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 7,802 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 36,698 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 2,543 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 13,760 ล้านบาท โครงการบ้านจัดสรร มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 2,204 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 7,543 ล้านบาท โครงการอาคารชุด เหลือขาย157 หน่วย มูลค่า 847 ล้านบาท และโครงการวิลล่า เหลือขาย 182 หน่วย มูลค่า 5,370 ล้านบาท
ทั้งนี้ หน่วยเหลือขายโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุดจำนวน 2,361 หน่วย เป็นบ้านเดี่ยวมากที่สุด ร้อยละ 42.1 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท
โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีจำนวน 34 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 5,644 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 20,569 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 1,594 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 6,158 ล้านบาท โครงการบ้านจัดสรรมีหน่วยเหลือขายมาก 1,534 หน่วย มูลค่า 6,083 ล้านบาท.
เครดิต
https://mgronline.com/stockmarket/detail/9620000067193
ส่องอสังหาฯ 3จังหวัดภาคใต้ เฉียดแสนล้าน. รายใหญ่-ค้าปลีก ปักหมุด "เมืองคอน"
หากพูดถึงการท่องเที่ยวทางภาคใต้แล้ว มีอีกหลายจังหวัดที่รัฐบาลพยายามส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชนและดึงเงินเข้าประเทศ ซึ่งใน 3 จังหวัดทางภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดสงขลา และสุราษฎร์ธานี ถูกจัดเป็นเมืองยอดนิยมที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว ในขณะที่จังหวัดเมืองรองอย่าง นครศรีธรรมราช เป็น 1 ใน 9 จังหวัดทางภาคใต้ ที่อยู่จัดอันดับให้เป็นเมืองรอง
ซึ่งปัจจุบัน ด้วยนโยบายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ได้จัดแคมเปญ " 55เส้นทางท่องเที่ยวเมืองรอง " เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ได้รู้จักและเดินทางไปท่องเที่ยว จับจ่ายใช้สอย โดยในปี 2560 สัดส่วนรายได้จากการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 18.25% ของจีดีพี ขณะที่ในปีนี้ ททท.คาดจะมีตัวเลขรายได้รวมอยู่ที่ 3.38 ล้านล้านบาท ตลอดทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 40.2 ล้านคน คนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศเพิ่มเป็น 170 ล้านคนต่อครั้ง
ทั้งนี้ จะพบว่า " เมืองรอง " ที่ว่า มีถึง 55 จังหวัด คิดเป็น 3 ใน 4 ของจำนวนจังหวัดทั้งหมดในประเทศไทย ตัดเมืองหลวงอย่าง กรุงเทพฯออก หัวเมืองใหญ่ตามแต่ละภาค เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น รวมทั้งนครราชสีมา ที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในสยามประเทศ ปริมณฑลทั้ง 5 (นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปทุมธานี และนนทบุรี) และเมืองยอดนิยม ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง กาญจนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กระบี่ พังงา สงขลา สุราษฎร์ธานี อยุธยา สระบุรี นับรวมเมืองหลักทั้งหมดได้ 22 จังหวัด ก็จะเหลือเมืองรองให้ไปเที่ยวกัน
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของภาคการท่องเที่ยว ย่อมจะส่งผลดีถึงภาคเศรษฐกิจของแต่ละเมือง ทำใหธุรกิจเติบโต รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่จะล้อไปตามการขยายตัวของประชากร และความต้องการในด้านที่อยู่อาศัย
อย่างเช่น จ.นครศรีธรรมราช "เมืองคอน" มีผู้ประกอบการภาคอสังหาฯรายใหญ่ และธุรกิจค้าปลีกจากส่วนกลางเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งบริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด ที่ล่าสุดมีการเปิดให้บริการแบรนด์"ฟอร์จูน" บริษัทศุภาลัย จำกัด (มหาชน) โครงการบ้านจัดสรร ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่จากกลุ่มบริษัทเซ็นทรัล เป็นต้น เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ จำนวนประชากรที่มีค่อนข้างเยอะ รวมถึงท่าอากาศยานนานชาตินครศรีธรรมราชในอนาคต รวมถึง การลงทุนจากบริษัทต่างประเทศเข้ามายังภาคใต้ มีมูลค่าสูงขึ้น โดยจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการลงทุนสูงสุดในปีที่ผ่านมา
โดยทางศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้จัดทำรายงานสรุปผลการสำรวจ อุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในช่วงครึ่งหลังปี 2561 ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดในภาคใต้ ได้แก่ สงขลา , สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช โดยนับเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย จากการสำรวจพบว่า มีโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขายจำนวน 290 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวมทั้งสิ้น 25,262 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 99,314 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรร 242 โครงการ มีหน่วยในผังจำนวน 19,269 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 75,014 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 26 โครงการ มีหน่วยในผังจำนวน 5,585 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 13,148 ล้านบาท และโครงการวิลล่า 22 โครงการ มีหน่วยในผังจำนวน 408 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 11,153 ล้านบาท
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า จากการสำรวจในช่วงครึ่งหลังปี 2561 มีหน่วยเหลือขายจำนวน 7,680 หน่วย หรือร้อยละ 30.4 ของหน่วยในผังโครงการทั้งหมด โดยโครงการบ้านจัดสรรมีหน่วยเหลือขายจำนวน 6,704 หน่วย หรือร้อยละ 34.8 ของหน่วยในผังโครงการบ้านจัดสรรทั้งหมด โครงการอาคารชุดมีหน่วยเหลือขายจำนวน 794 หน่วย หรือร้อยละ 14.2 ของหน่วยในผังโครงการอาคารชุดทั้งหมด และโครงการวิลล่ามีหน่วยเหลือขายจำนวน 182 หน่วย หรือร้อยละ 44.6 ของหน่วยในผังโครงการวิลล่าทั้งหมด
โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดสงขลา มีจำนวน 135 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 11,816 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 42,047 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 3,543 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 13,183 ล้านบาท
จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีจำนวน 121 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 7,802 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 36,698 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 2,543 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 13,760 ล้านบาท โครงการบ้านจัดสรร มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 2,204 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 7,543 ล้านบาท โครงการอาคารชุด เหลือขาย157 หน่วย มูลค่า 847 ล้านบาท และโครงการวิลล่า เหลือขาย 182 หน่วย มูลค่า 5,370 ล้านบาท
ทั้งนี้ หน่วยเหลือขายโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุดจำนวน 2,361 หน่วย เป็นบ้านเดี่ยวมากที่สุด ร้อยละ 42.1 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท
โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีจำนวน 34 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 5,644 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 20,569 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 1,594 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 6,158 ล้านบาท โครงการบ้านจัดสรรมีหน่วยเหลือขายมาก 1,534 หน่วย มูลค่า 6,083 ล้านบาท.
เครดิต https://mgronline.com/stockmarket/detail/9620000067193