ก่อนที่ความทรงจำจะเลือนหายไปตามกาลเวลา จึงได้เวลาในการนำสิ่งต่าง ๆ ที่ได้ประสบพบเจอ มาบอกเล่าสู่กันฟัง
การเดินทางในครั้งนี้ ถือเป็นการเดินทางที่ไกลที่สุดตั้งแต่เกิดมา และเป็นการเดินทางที่ประทับใจและไม่เสียดายเวลาเลย
เพราะทุกวินาทีมีคุณค่าและมาพร้อมกับความทรงจำดี ๆ ที่ได้ออกไปค้นหาอีกครั้ง

ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่มอบโอกาสในการเดินทางครั้งนี้ และเราจะมาร่วมกันจดจำทุกวินาทีไปด้วยกัน

การนำเสนอเรื่องราวในกระทู้นี้ ไม่เน้นภาพสวย เราเน้นความจริงและมีความตั้งใจที่อยากจะถ่ายทอดสิ่งที่ได้พอเจอมาให้ทุกท่านได้รับชม
ต้องอภัยในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ที่ไม่สามารถให้รายละเอียดได้ รู้เพียงแค่ว่า แบกร่างไปเที่ยวให้ได้ก็พอ

พร้อมกันไหมทุกคน เรามาเริ่มการเดินทางกันดีกว่า
เมืองที่เดินทางไปเที่ยวได้แก่ Lima - Arequipa - Colca Canyon - Puno - Lake Titicaca - Cusco
ออกเดินทาง ด้วยเที่ยวบิน BA2239 GATWICK - LIMA  เวลาเครื่องออก 12.20  ถึงที่หมาย 18.55 (ระยะเวลาในการเดินทาง 12.35 ชั่วโมง)


สำหรับคืนนี้เราพักกันที่โรงแรม Jose Antonio Hotel (Miraflores) โรงแรมนี้มีหลายสาขา สภาพห้องของที่นี้ก็ตามภาพข้างล่างนี้
โดนบริษัททัวร์ได้มีของกำนัลตอนรับ วางไว้บนเตียง เป็นภาพเช็ดหน้า, กระเป๋าใส่เหรียญ, แทคกระเป๋า, พวงกุญแจ และ ขนมเค้ก

ข้อดีของโรงแรมนี้คือ อยู่ในตัวเมือง ใกล้ศูนย์การค้า และมีความสะดวกในการเดินทาง
ข้อเสีย ไม่มีน้ำดื่มให้ฟรี แต่มีน้ำดื่มในมินิบาร์ แนะนำว่า เดินออกไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ โรงแรม ราคาไม่แพง

ข้าพเจ้ามีเวลาเที่ยวเอง 2 วัน ก่อนที่ทางบริษัททัวร์จะมารับไปเที่ยวตามโปรแกรมที่กำหนดไว้ มาดูกันว่า 2 วันนี้ ข้าพเจ้าจะแบกร่างไปเที่ยวที่ไหน
และจะมีอะไรให้น่าค้นหาสำหรับประเทศนี้
สำหรับอาหารมื้อแรกของวันนี้ได้แก่ อาหารเรียกน้ำย่อย คือ มันบด กับปอเปี้ยห่อชีส ทานคู่กับอโวคาโดบด 
ส่วนอาหารจานหลักได้แก่ สปาเก็ตตี้ไก่ และ ข้าวผัดปลาทอดราดน้ำซอส (พอทานได้เพื่อมีแรงเดินเที่ยวรอบตัวเมืองต่อไป)
สำหรับบรรยากาศรอบ ๆ ตัวเมืองนั้น ทาง จขกท. เลือกที่จะขี่จักรยานชมเมือง แทนการเดิน เพราะน่าจะไปได้ไกลกว่า ดังนั้น จึงทำการค้นหา
ทัวร์ปั่นจักรยานรอบเมือง ก็ได้พบกับบริษัททัวร์แห่งนี้ ราคาที่จ่ายไปคือ 57 ดอลล่าร์ต่อคน รวมอาหารกลางวัน เป็นทริป 4 ชั่วโมง
ช่วงที่ไป อากาศเย็น ปั่นจักรยานได้สบาย ๆ ไม่ร้อน ไม่มีเหงื่อออก จากนี้ไป โปรดรับชมภาพรอบ ๆ เมืองได้เลย

สะพานข้ามแห่งนี้ มีความเชื่อกันว่า ถ้ากลั้นหายใจ อธิฐาน และเดินข้ามไปอีกฝั่ง คำอธิฐานจะเป็นจริง สำหรับข้าพเจ้านั้น อธิฐานให้อากาศดี
และมีแสงแดด ตลอดการเดินทางในทริปนี้ ซึ่งปรากฎว่า คำอธิฐานส่งผลรุนแรงมาก เรียกได้ว่า ผิวดำกลับมาเลยทีเดียว (แดดแรงเวอร์)
แวะพักทานอาหารกลางวันริมทะเล ทางทัวร์ได้จัดอาหารท้องถิ่นมาให้ ได้แก่ ยำปลาดิบ นั้นเอง หรือชื่อเต็ม ๆ คือเซบิเช่ (CEVICHE)
ขอบอกว่า อร่อยมาก สำหรับผู้ที่ชื่นชอบปลาดิบ รสชาติเปรี้ยว เผ็ดนิด ๆ คือรสชาติที่คนไทยคุ้นเคย ใครชอบเผ็ด ๆ บอกเค้าได้เลย 

เนื่องด้วยที่เปรู ปลูกข้าวโพดเยอะมาก บ้านเราเรียกข้าวโพดแบบนี้ว่า ข้าวโพดข้าวเหนียว ซึ่งส่วนตัวไม่ชอบเท่าไร ก็พอทานได้ แต่อาหาร
หลาย ๆ อย่างที่นี่ ชอบใส่ข้าวโพดแบบนี้มาเป็นส่วนประกอบเสมอ ที่สำคัญข้าวโพดเม็ดใหญ่มาก

เราจะพากันไปนั่งรถตุ๊กตุ๊ก ขึ้นเขาไปชมเมืองกันนะจ๊ะ ยาวไป ยาวไป

ไปเที่ยวกันต่อ ยังมีอะไรให้น่าค้นหาอีกเยอะ กับทัวร์โบสถ์ และพิพิธภัณฑ์ Lima City Tour - Larco Museum
Walking Tour of Colonial Lima, Capital of the Vice Royalty of Peru Lima Downtown to the Larco Museum we will have lunch there.

นี่คือทางเข้าไปพิพิธภัณฑ์และห้องอาหาร

และนี่คืออาหารกลางวันของเรา มันช่างแตกต่างจากวันแรกที่กินเหลือเกิน อร่อยมาก ห้องอาหารตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเยอะมาก
ร้านแน่นมาก ต้องมีการจองโตีะไว้ล่วงหน้า 

ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ เป็นการรวบรวมวัตถุโบราณของชาวอินคา (บางส่วน) มาไว้ที่นี่ โดยจะมีพวกเครื่องปั้นดิน เครื่องเงิน ทอง และของใช้ต่าง ๆ
ก่อนการชมของจริง จะมีวิดีทัศน์ให้ชมประมาณ 10 นาที เพื่อให้เข้าใจถึงที่มาที่ไปของวิวัตนาการและความเชื่อของชาวอินคา

สำหรับใครที่เป็นทาสแมว ต่อไปพลาดที่จะไปเดินเที่ยวสวนสาธารณะ ชื่อ Kennedy Park ซึ่งที่นี่มีแมวน่ารัก มากมายให้ได้ชม และต้องของชื่นชม
ที่ทางรัฐบาลที่นั้น ดูแลนายท่าน (แมว) ได้เป็นอย่างดี มีการฉีดยา และตรวจโรค มีการให้อาหาร โดยนายท่านแต่ละตัว อวบ อ้วน สุขภาพดีทุกตัว

สำหรับการเดินทางในวันต่อไปนั้น เดียวเรามาต่อกันในกระทู้ถัดไป ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่ข้าพเจ้าจะนำมาแบ่งปันในครั้งนี้