ช่วงนี้มีเรื่องราวของเมสซี่ใน pantip เยอะพอควร เลยเอามุมมองของ บ.บู๋ และสำนวนมันๆ มาให้อ่านกันครับ
บทความ บ.บู๋ #เมสซี่ในสีฟ้าขาว
คำเตือน: บทความมีขนาดยาวพอสมควร และขอความกรุณาอย่าเถียงกันเรื่อง เมสซี่ กับ โรนัลโด้ นะครับ เพราะนั่นไม่ใช่ประเด็นของเรื่องนี้
ก่อนอื่นอยากให้ทุกท่านหลับตาหรือไม่ต้องหลับตาก็ได้แล้วนึกถึงดาวเตะที่เก่งที่สุดตลอดกาลในโลกนี้และดาวอังคารมา 5 คน โดยไม่ต้องเรียงลำดับนะครับ เพราะเดี๋ยวมันจะเถียงกันวุ่นวายขายปลาช่อนไปเสียเปล่าๆ
ไม่รู้ว่าจะตรงกันหรือเปล่านะ สำหรับผม แน่นอนว่าในโลกลูกหนังยุคเก่า
มันก็ต้อง เปเล่ กับ ดิเอโก้ มาราโดน่า เนื่องจากไม่มีใครเหนือดุจเทวดากว่า 2 คนนี้อีกแล้ว
หลังจากหมดยุคของ 2 คนนี้ ดาวเตะยอดเยี่ยมตลอดกาลที่สมควรถูกวางเอาไว้บนหิ้งคนต่อมาในมุมมองของผม คือ ซีเนดีน ซีดาน
ส่วนในยุคปัจจุบัน หรือในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาก็ชัดเจนที่สุดอยู่ 2 คน
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลีโอเนล เมสซี่
ป่วยการที่จะเถียงกันว่าใครเก่งกว่า เพราะติ่งของแต่ละฝ่ายย่อมหาเหตุผลที่มีน้ำหนักมาเอาชนะคะคานกันได้อยู่แล้ว ส่วนใครจะรักใครหรือชอบใครมากกว่ากัน อันนี้ก็สุดแล้วแต่
ทว่าความแตกต่างในทำเนียบดาวเตะระดับเบญจภาคีชุดนี้ คือ ลีโอเนล เมสซี่ ดันเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่เคยประสบความสำเร็จกับทีมชาติชุดใหญ่ (ไม่นับทีมเยาวชนหรือตอนคว้าเหรียญทองโอลิมปิก)
เจ้าของสมญา "ไข่ดำ" เอ๊ย! "ไข่มุกดำ" หรือที่แฟนบอลบางประเทศเรียกแบบติดตลกว่า "ลุงเล่ ตรงข้าม" หรือ "ลุงเล่ โต๊ะยิ้ม" เป็นแชมป์โลกถึง 3 สมัย
"พี่เตี้ยดึงส์ดาว" ก็เคยเสกให้ อาร์เจนติน่า คว้าแชมป์โลก 1 สมัย แถมเหิมเกริมถึงขั้นเอาตีนเหยียบฟ้าขึ้นไปขอยืมหัตถ์จากพระเจ้ามาช่วยให้ตัวเองเป็นแชมป์อีกต่างหาก
"ซิซู" ก็ฟาดทั้งแชมป์โลกและแชมป์ยุโรป
สำหรับดาวเตะจอมสับอย่าง "I เจ๊ตโด้" ดูจะเหนือความคาดหมายมากที่สุด ด้วยค่าที่เป็นผู้เล่นของทีมชาติโปรตุเกส ซึ่งโอกาสประสบความสำเร็จในระดับแชมป์นั้นมีน้อยมาก จึงไม่มีใครคาดหวังว่าเขาจะเป็นแชมป์สักเท่าไหร่ - สุดท้ายก็ยังอุตส่าห์คว้าแชมป์ ยูโร 2016 อย่างเย้ยหยันยอดดาวเตะอีกคนที่สวรรค์ส่งลงมาเป็นคู่แข่งของเขาโดยเฉพาะ
"คิง เลโอ" จึงเป็นยอดดาวเตะระดับเบญจภาคีเพียงคนเดียวที่ยังไม่เคยได้แชมป์กับทีมชาติชุดใหญ่จากความพยายามในรอบชิงชนะเลิศทั้งหมด 4 ครั้ง (ฟุตบอลโลก 1 โกปา อเมริกา 3)
ขนาดแชมป์ระดับทวีปอย่าง โกปา อเมริกา ที่มีอัตราการไขว่ขว้าได้ง่ายกว่าฟุตบอลโลกเป็นไหนๆ ก็ยังทำได้แค่ "พระรอง" เท่านั้น
ประหนึ่งตอนเด็กๆ เคยไปเยี่..วรดจอมปลวกริมศาลเจ้าแม่จิ๋..เหล็ก (Iron Pu..y) แบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์จนถูกสาบให้ประสบความไม่สำเร็จกับทีมชาติ ก่อนกลายเป็นปมด้อยกระทั่งทุกวันนี้ทั้งที่จะว่าไป อาร์เจนติน่า ก็อุดมด้วยดาวดังและมีขุมกำลังที่แข็งแกร่ง เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับ โปรตุเกส ของคู่แข่งอีกคนหนึ่ง
ในสายตาของท่านผู้ชมทางบ้านอย่างผม ลีโอเนล เมสซี่ เป็นดาวเตะที่มีความมหัศจรรย์กว่า คริสเตีย โน่ โรนัลโด้ นะครับ
ดังฉะนั้น เมื่อดูจากความมหัศจรรย์ของเขา ต่อให้องค์ประกอบของทีมไม่ค่อยโสภาอย่างไร หรือฟุตบอลต้องเล่นกันเป็นทีมอย่างไร มันก็ควรเสกแชมป์ให้ทีมชาติเพียงลำพังเหมือนที่ดาวเตะรุ่นน้าของเขาอย่าง ดิเอโก้ มาราโดน่า เคยทำสำแดงฤทธาออกมาให้เห็น
เคยมีการวิเคราะห์หาสาเหตุกันมาแล้วนะครับว่าทำไม ลีโอเนล เมสซี่ ถึงไม่ระเบิดตูมตามกับทีมชาติ แต่ผมขอหยุดไว้ตรงนี้ก่อน เพื่อให้ทุกท่านไปดูสถิติของสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกผู้นี้
"คิง เลโอ" ลงเล่นให้ทีมชาติสีฟ้า-ขาว ทั้งหมด 136 นัด โดยทำได้ถึง 68 ประตู
อืมมมมมม...นี่มันเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมบรรลัยเลยนี่หว่า เขาคือดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ อาร์เจนติน่า เหนือกว่าดาวซัลโวฟุตบอล 1978 อย่าง มาริโอ แคมเปส แถมทำสถิติยิงประตูในทีมชาติเหนือกว่า ดิโอโก้ มาราโดน่า แบบเทียบกันไม่ติด เช่นเดียวกับที่สูงกว่าศูนย์หน้าในทีมชาติชุดปัจจุบันอย่าง กุน อเกวโร่
เพียงแต่ในความรู้สึกอันจากที่เห็นและเป็นไป มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น
บางทีอาจเพราะความคาดหวัง ความคาดหวังที่สูงลิบลิ่วจนเกินไปหรือเปล่า ???
ในเครื่องแบบสีเลือดหมู-น้ำเงิน บิดาของเจ้าหนูติอาโก้คือนักเตะเทวดา ต่อเมื่อรับใช้ประเทศชาติ ทุกคนจึงตั้งความหวังเอาไว้ว่าเขาจะสำแดงอิทธิเดชบรรลัยกัลป์ออกมาเหมือนในระดับสโมสร
ลีโอเนล เมสซี่ ก็สำแดงมันออกมานะครับ แต่มันไม่เท่ากับตอนที่เล่นให้สโมสรเท่านั้นเอง
พูดง่ายๆ ว่ามาตรฐานที่ตัวเขาตั้งเอาไว้กับ บาร์เซโลน่า มันสูงเกินไปจนกลายเป็นตัวเปรียบเทียบ ต่อเมื่อโชว์ฟอร์มให้ทีมชาติไม่ได้ตามมาตรฐานเดิม มันจึงสร้างความรู้สึกว่าต่ำกว่ามาตรฐานอย่างรุนแรง
ถามว่าจริงหรือเปล่า?
จุดนี้เชื่อทุกคนที่เคยเห็นเขาในชุดทีมชาติคงมีคำตอบให้ตัวเองอยู่แล้ว
"เจ้าหนูเมสซี่" ติดทีมชาติชุดใหญ่ ตั้งแต่ปี 2005 ก่อนได้ไปตะลุยศึกฟุตบอลโลก 2006 โดยตอนโน้นยังไม่ใช่นักเตะตัวหลัก
ปี 2007 เขาสถาปนาตัวเองดารารุ่งรัศมีโชติจนได้เข้าชิงฯ โกปา อเมริกา กับ บราซิล โดยโชว์ฟอร์มโดดเด่นเป็นสง่าพลางคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ ก่อนคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2008 ที่ปักกิ่ง
ปี 2010 เป็นลูกทีมของ ดิโอโก้ "เดอะ เตี้ย" มาราโดน่า แต่โดน เยอรมัน กะซวกไส้แตกในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
ปี 2011 อาร์เจนติน่า เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โกปา อเมริกา แท้ๆ แต่ดันเข้าไปไม่ถึงรอบตัดเชือกซะอย่างนั้น
ฟุตบอลโลก 2014 พลพรรคฟ้า-ขาว ทะลวงเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ - ฟอร์มการเล่นของ ลีโอเนล เมสซี่ ก็ไฉไลในระดับหนึ่งถึงขั้นคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ น่าเสียดายที่วาสนายังไม่ถึงจึงได้แค่รองแชมป์อีกแล้ว
ปี 2015 อาร์เจนติน่า แพ้ ชิลี จากการดวลจุดโทษในนัดชิงฯ โกปา อเมริกา
ปี 2016 โกปา อเมริกา เวอร์ชั้นพิเศษจัดขึ้นที่ สหรัฐ อเมริกา - ลีโอเนล เมสซี่ และพวกพ้องถูก ชิลี ย้ำแค้นอีกครั้งในนัดชิงฯ จากจุดโทษเหมือนเดิมจนสร้างความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาถึงขั้นประกาศอำลาทีมชาติ ก่อนมีเสียงเรียกร้องให้กลับมาใหม่ แล้วก็กลับมาใหม่ตามคำเรียกร้อง
ฟุตบอลโลก 2018 อาร์เจนติน่า ชุดที่ถูกวิพากษ์-วิจารณ์ว่ามีความบัดสีบัดเถลิงมากที่สุดชุดหนึ่งในประวัติศาสตร์ลูกหนังถูกทีมชาติฝรั่งเศส เขี่ยตกรอบ 16 ทีม ขณะที่ฟอร์มการเล่นของดาวเตะจากต่างดาวก็ยังไม่จัดว่าไฉไลสักเท่าไหร่ โดยทำได้แค่ 1 ประตูเท่านั้น
ศึกโกปา อเมริกา 2019 ที่เพิ่งปิดฉากลงไปก็ยิงได้แค่ 1 ประตู แถมมาจากจุดโทษอีกต่างหาก
ในฐานะผู้เล่นทีมชาติ อาร์เจนติน่า - สุดยอดดาวเตะวัย 32 ในปัจจุบันผ่านสังเวียนฟุตบอลโลกมาแล้ว 4 สมัย โดยกะซวกตาข่ายรวมกันได้แค่ 5 ประตูเท่านั้น ขณะที่ผ่านสังเวียน โกปา อเมริกา มา 5 สมัย กระทุ้งประตูรวมกันได้แค่ 7 ดอก
เท่ากับว่าในมหกรรมฟาดแข้งขนาดใหญ่ที่เคยผ่านมาทั้งหมด 9 รายการ พี่แกยิงได้แค่ 12 ประตูเท่านั้นเอง ส่วนที่เหลืออีก 56 ประตูมาจากเกมอุ่นเครื่องหรือกระชับมิตรกับฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
เจ๊ตตะม่อน...มันถือเป็นสถิติที่เหลือเชื่อมากว่าบังเกิดขึ้นกับดาวเตะที่มีความมหัศจรรย์อันดับหนึ่งของโลกได้อย่างไร
สิ่งที่มีการวิเคราะห์กันมากที่สุดว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่บอกว่าทำไม ลีโอเนล เมสซี่ ถึงทำตัวน่าผิดหวังในทีมชาติ คือองค์ประกอบของทีมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ที่ บาร์เซโลน่า คุณพี่เขามีเพื่อนร่วมทีมที่เข้าขาและรู้ใจชนิดเหลือบมองด้วยหางตาก็รู้ชื่อพ่อ ขณะที่ระบบการเล่นก็แน่นอนกว่า มีความเข้าใจในเกมกันมากกว่า แถมผู้เป็นโค้ชก็ย่อมรู้ว่าจะใช้เขาให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไรมากกว่า ผิดกับในเครื่องแบบทีมชาติที่ไม่มีเพื่อนร่วมทีมอย่าง เซร์คิโอ บุสเก็ต, ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรียส อินเนียสต้า, อีวาน ราคิติช, หลุยส์ ซัวเรซ หรือแม้แต่ เนย์มาร์
ส่วนเรื่องการเจอคู่แข่งที่แตกต่างกันในระดับชาติกับในสโมสร เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่หรอก เพราะในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พี่แกก็ต้องเจอกองหลังที่แข็งแกร่งและโรคจิตกว่าในโกปา อเมริกา หรือฟุตบอลโลกรอบแรกๆ ด้วยซ้ำ แล้วทำไม ลีโอเนล เมสซี่ ถึงกระหน่ำตาข่ายในถ้วยใหญ่ยุโรปแบบไม่เหลือซากไปถึง 112 ดอก
เข้าใจครับ-เข้าใจ ผมเข้าใจเรื่ององค์ประกอบระหว่างสโมสรกับทีมชาติที่แตกต่างกัน แต่ประเด็นที่ต้องการจะสื่อมันอยู่ที่ฟอร์มการเล่นของ ลีโอเนล เมสซี่ แบบเพียวๆ อันพากย์อังกฤษว่า "อินดิวิด้วล" ซึ่งไม่เกี่ยวกับเพื่อนร่วมทีม ไม่เกี่ยวกับองค์ประกอบ ไม่เกี่ยวกับโค้ช ไม่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อม และไม่เกี่ยวกับ "ลุงตู่" เหมือนคำพูดที่ว่า "เพชร" อยู่ที่ไหนก็ย่อมเป็น "เพชร" นั่นแหละ
ดูเหมือนวลีนี้จะใช้กับเขาไม่ได้
เราแทบไม่เคยเห็นเจ้าของสมญา "คิง เลโอ" ในเครื่องแบบสีฟ้า-ขาว กระชากลากเลื้อยหลบหลีกคู่แข่งทีละ 3-4 คนใน เราไม่ค่อยเห็นการจ่ายบอลทะลุทะลวงฉีกเกมรับของคู่แข่งเหมือนฉีกกระดาษ เราไม่ค่อยเห็นวิธีการเล่นแบบที่เห็นแล้วตาแทบถลนออกนอกเบ้า และเราไม่ค่อยเห็นการยิงประตูสำคัญๆ ในเกมที่เพียบด้วยความหมาย ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่เราเคยเห็นเขาในเครื่องแบบสีเลือดหมู-น้ำเงิน แบบสิ้นเชิง
หรือบางทีมันอาจอยู่ที่สภาพจิตใจ
ประมาณว่าคุณพี่เขาจะมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากกว่าเมื่อถูกห่อหุ้มด้วยชุดแข่งของ บาร์ซ่า
นอกจากนี้มันยังเป็นเรื่องของ "เคมีไม่ตรงกัน" และ "ไม่ถูกโฉลก" ซึ่งจัดเป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้ตามหลักฟิสิกซ์ แถมเรื่องประเภทนี้บางทีมันก็ไม่มีเหตุผลและไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้นอีกต่างหาก
ชะรอยว่าคนบนฟ้าคงออกแบบให้ ลีโอเนล เมสซี่ เป็นผู้เล่นที่มีความมหัศจรรย์เฉพาะในเครื่องแบบของ บาร์เซโลน่า เพียงทีมเดียวเท่านั้น
ย้ำว่าเพียงทีมเดียวเท่านั้น
credit:
https://www.facebook.com/borbou23/posts/1111611572560470?__tn__=K-R
บทความ บ.บู๋ #เมสซี่ในสีฟ้าขาว
บทความ บ.บู๋ #เมสซี่ในสีฟ้าขาว
คำเตือน: บทความมีขนาดยาวพอสมควร และขอความกรุณาอย่าเถียงกันเรื่อง เมสซี่ กับ โรนัลโด้ นะครับ เพราะนั่นไม่ใช่ประเด็นของเรื่องนี้
ก่อนอื่นอยากให้ทุกท่านหลับตาหรือไม่ต้องหลับตาก็ได้แล้วนึกถึงดาวเตะที่เก่งที่สุดตลอดกาลในโลกนี้และดาวอังคารมา 5 คน โดยไม่ต้องเรียงลำดับนะครับ เพราะเดี๋ยวมันจะเถียงกันวุ่นวายขายปลาช่อนไปเสียเปล่าๆ
ไม่รู้ว่าจะตรงกันหรือเปล่านะ สำหรับผม แน่นอนว่าในโลกลูกหนังยุคเก่า
มันก็ต้อง เปเล่ กับ ดิเอโก้ มาราโดน่า เนื่องจากไม่มีใครเหนือดุจเทวดากว่า 2 คนนี้อีกแล้ว
หลังจากหมดยุคของ 2 คนนี้ ดาวเตะยอดเยี่ยมตลอดกาลที่สมควรถูกวางเอาไว้บนหิ้งคนต่อมาในมุมมองของผม คือ ซีเนดีน ซีดาน
ส่วนในยุคปัจจุบัน หรือในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาก็ชัดเจนที่สุดอยู่ 2 คน
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลีโอเนล เมสซี่
ป่วยการที่จะเถียงกันว่าใครเก่งกว่า เพราะติ่งของแต่ละฝ่ายย่อมหาเหตุผลที่มีน้ำหนักมาเอาชนะคะคานกันได้อยู่แล้ว ส่วนใครจะรักใครหรือชอบใครมากกว่ากัน อันนี้ก็สุดแล้วแต่
ทว่าความแตกต่างในทำเนียบดาวเตะระดับเบญจภาคีชุดนี้ คือ ลีโอเนล เมสซี่ ดันเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่เคยประสบความสำเร็จกับทีมชาติชุดใหญ่ (ไม่นับทีมเยาวชนหรือตอนคว้าเหรียญทองโอลิมปิก)
เจ้าของสมญา "ไข่ดำ" เอ๊ย! "ไข่มุกดำ" หรือที่แฟนบอลบางประเทศเรียกแบบติดตลกว่า "ลุงเล่ ตรงข้าม" หรือ "ลุงเล่ โต๊ะยิ้ม" เป็นแชมป์โลกถึง 3 สมัย
"พี่เตี้ยดึงส์ดาว" ก็เคยเสกให้ อาร์เจนติน่า คว้าแชมป์โลก 1 สมัย แถมเหิมเกริมถึงขั้นเอาตีนเหยียบฟ้าขึ้นไปขอยืมหัตถ์จากพระเจ้ามาช่วยให้ตัวเองเป็นแชมป์อีกต่างหาก
"ซิซู" ก็ฟาดทั้งแชมป์โลกและแชมป์ยุโรป
สำหรับดาวเตะจอมสับอย่าง "I เจ๊ตโด้" ดูจะเหนือความคาดหมายมากที่สุด ด้วยค่าที่เป็นผู้เล่นของทีมชาติโปรตุเกส ซึ่งโอกาสประสบความสำเร็จในระดับแชมป์นั้นมีน้อยมาก จึงไม่มีใครคาดหวังว่าเขาจะเป็นแชมป์สักเท่าไหร่ - สุดท้ายก็ยังอุตส่าห์คว้าแชมป์ ยูโร 2016 อย่างเย้ยหยันยอดดาวเตะอีกคนที่สวรรค์ส่งลงมาเป็นคู่แข่งของเขาโดยเฉพาะ
"คิง เลโอ" จึงเป็นยอดดาวเตะระดับเบญจภาคีเพียงคนเดียวที่ยังไม่เคยได้แชมป์กับทีมชาติชุดใหญ่จากความพยายามในรอบชิงชนะเลิศทั้งหมด 4 ครั้ง (ฟุตบอลโลก 1 โกปา อเมริกา 3)
ขนาดแชมป์ระดับทวีปอย่าง โกปา อเมริกา ที่มีอัตราการไขว่ขว้าได้ง่ายกว่าฟุตบอลโลกเป็นไหนๆ ก็ยังทำได้แค่ "พระรอง" เท่านั้น
ประหนึ่งตอนเด็กๆ เคยไปเยี่..วรดจอมปลวกริมศาลเจ้าแม่จิ๋..เหล็ก (Iron Pu..y) แบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์จนถูกสาบให้ประสบความไม่สำเร็จกับทีมชาติ ก่อนกลายเป็นปมด้อยกระทั่งทุกวันนี้ทั้งที่จะว่าไป อาร์เจนติน่า ก็อุดมด้วยดาวดังและมีขุมกำลังที่แข็งแกร่ง เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับ โปรตุเกส ของคู่แข่งอีกคนหนึ่ง
ในสายตาของท่านผู้ชมทางบ้านอย่างผม ลีโอเนล เมสซี่ เป็นดาวเตะที่มีความมหัศจรรย์กว่า คริสเตีย โน่ โรนัลโด้ นะครับ
ดังฉะนั้น เมื่อดูจากความมหัศจรรย์ของเขา ต่อให้องค์ประกอบของทีมไม่ค่อยโสภาอย่างไร หรือฟุตบอลต้องเล่นกันเป็นทีมอย่างไร มันก็ควรเสกแชมป์ให้ทีมชาติเพียงลำพังเหมือนที่ดาวเตะรุ่นน้าของเขาอย่าง ดิเอโก้ มาราโดน่า เคยทำสำแดงฤทธาออกมาให้เห็น
เคยมีการวิเคราะห์หาสาเหตุกันมาแล้วนะครับว่าทำไม ลีโอเนล เมสซี่ ถึงไม่ระเบิดตูมตามกับทีมชาติ แต่ผมขอหยุดไว้ตรงนี้ก่อน เพื่อให้ทุกท่านไปดูสถิติของสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกผู้นี้
"คิง เลโอ" ลงเล่นให้ทีมชาติสีฟ้า-ขาว ทั้งหมด 136 นัด โดยทำได้ถึง 68 ประตู
อืมมมมมม...นี่มันเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมบรรลัยเลยนี่หว่า เขาคือดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ อาร์เจนติน่า เหนือกว่าดาวซัลโวฟุตบอล 1978 อย่าง มาริโอ แคมเปส แถมทำสถิติยิงประตูในทีมชาติเหนือกว่า ดิโอโก้ มาราโดน่า แบบเทียบกันไม่ติด เช่นเดียวกับที่สูงกว่าศูนย์หน้าในทีมชาติชุดปัจจุบันอย่าง กุน อเกวโร่
เพียงแต่ในความรู้สึกอันจากที่เห็นและเป็นไป มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น
บางทีอาจเพราะความคาดหวัง ความคาดหวังที่สูงลิบลิ่วจนเกินไปหรือเปล่า ???
ในเครื่องแบบสีเลือดหมู-น้ำเงิน บิดาของเจ้าหนูติอาโก้คือนักเตะเทวดา ต่อเมื่อรับใช้ประเทศชาติ ทุกคนจึงตั้งความหวังเอาไว้ว่าเขาจะสำแดงอิทธิเดชบรรลัยกัลป์ออกมาเหมือนในระดับสโมสร
ลีโอเนล เมสซี่ ก็สำแดงมันออกมานะครับ แต่มันไม่เท่ากับตอนที่เล่นให้สโมสรเท่านั้นเอง
พูดง่ายๆ ว่ามาตรฐานที่ตัวเขาตั้งเอาไว้กับ บาร์เซโลน่า มันสูงเกินไปจนกลายเป็นตัวเปรียบเทียบ ต่อเมื่อโชว์ฟอร์มให้ทีมชาติไม่ได้ตามมาตรฐานเดิม มันจึงสร้างความรู้สึกว่าต่ำกว่ามาตรฐานอย่างรุนแรง
ถามว่าจริงหรือเปล่า?
จุดนี้เชื่อทุกคนที่เคยเห็นเขาในชุดทีมชาติคงมีคำตอบให้ตัวเองอยู่แล้ว
"เจ้าหนูเมสซี่" ติดทีมชาติชุดใหญ่ ตั้งแต่ปี 2005 ก่อนได้ไปตะลุยศึกฟุตบอลโลก 2006 โดยตอนโน้นยังไม่ใช่นักเตะตัวหลัก
ปี 2007 เขาสถาปนาตัวเองดารารุ่งรัศมีโชติจนได้เข้าชิงฯ โกปา อเมริกา กับ บราซิล โดยโชว์ฟอร์มโดดเด่นเป็นสง่าพลางคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ ก่อนคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2008 ที่ปักกิ่ง
ปี 2010 เป็นลูกทีมของ ดิโอโก้ "เดอะ เตี้ย" มาราโดน่า แต่โดน เยอรมัน กะซวกไส้แตกในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
ปี 2011 อาร์เจนติน่า เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โกปา อเมริกา แท้ๆ แต่ดันเข้าไปไม่ถึงรอบตัดเชือกซะอย่างนั้น
ฟุตบอลโลก 2014 พลพรรคฟ้า-ขาว ทะลวงเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ - ฟอร์มการเล่นของ ลีโอเนล เมสซี่ ก็ไฉไลในระดับหนึ่งถึงขั้นคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ น่าเสียดายที่วาสนายังไม่ถึงจึงได้แค่รองแชมป์อีกแล้ว
ปี 2015 อาร์เจนติน่า แพ้ ชิลี จากการดวลจุดโทษในนัดชิงฯ โกปา อเมริกา
ปี 2016 โกปา อเมริกา เวอร์ชั้นพิเศษจัดขึ้นที่ สหรัฐ อเมริกา - ลีโอเนล เมสซี่ และพวกพ้องถูก ชิลี ย้ำแค้นอีกครั้งในนัดชิงฯ จากจุดโทษเหมือนเดิมจนสร้างความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาถึงขั้นประกาศอำลาทีมชาติ ก่อนมีเสียงเรียกร้องให้กลับมาใหม่ แล้วก็กลับมาใหม่ตามคำเรียกร้อง
ฟุตบอลโลก 2018 อาร์เจนติน่า ชุดที่ถูกวิพากษ์-วิจารณ์ว่ามีความบัดสีบัดเถลิงมากที่สุดชุดหนึ่งในประวัติศาสตร์ลูกหนังถูกทีมชาติฝรั่งเศส เขี่ยตกรอบ 16 ทีม ขณะที่ฟอร์มการเล่นของดาวเตะจากต่างดาวก็ยังไม่จัดว่าไฉไลสักเท่าไหร่ โดยทำได้แค่ 1 ประตูเท่านั้น
ศึกโกปา อเมริกา 2019 ที่เพิ่งปิดฉากลงไปก็ยิงได้แค่ 1 ประตู แถมมาจากจุดโทษอีกต่างหาก
ในฐานะผู้เล่นทีมชาติ อาร์เจนติน่า - สุดยอดดาวเตะวัย 32 ในปัจจุบันผ่านสังเวียนฟุตบอลโลกมาแล้ว 4 สมัย โดยกะซวกตาข่ายรวมกันได้แค่ 5 ประตูเท่านั้น ขณะที่ผ่านสังเวียน โกปา อเมริกา มา 5 สมัย กระทุ้งประตูรวมกันได้แค่ 7 ดอก
เท่ากับว่าในมหกรรมฟาดแข้งขนาดใหญ่ที่เคยผ่านมาทั้งหมด 9 รายการ พี่แกยิงได้แค่ 12 ประตูเท่านั้นเอง ส่วนที่เหลืออีก 56 ประตูมาจากเกมอุ่นเครื่องหรือกระชับมิตรกับฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
เจ๊ตตะม่อน...มันถือเป็นสถิติที่เหลือเชื่อมากว่าบังเกิดขึ้นกับดาวเตะที่มีความมหัศจรรย์อันดับหนึ่งของโลกได้อย่างไร
สิ่งที่มีการวิเคราะห์กันมากที่สุดว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่บอกว่าทำไม ลีโอเนล เมสซี่ ถึงทำตัวน่าผิดหวังในทีมชาติ คือองค์ประกอบของทีมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ที่ บาร์เซโลน่า คุณพี่เขามีเพื่อนร่วมทีมที่เข้าขาและรู้ใจชนิดเหลือบมองด้วยหางตาก็รู้ชื่อพ่อ ขณะที่ระบบการเล่นก็แน่นอนกว่า มีความเข้าใจในเกมกันมากกว่า แถมผู้เป็นโค้ชก็ย่อมรู้ว่าจะใช้เขาให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไรมากกว่า ผิดกับในเครื่องแบบทีมชาติที่ไม่มีเพื่อนร่วมทีมอย่าง เซร์คิโอ บุสเก็ต, ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรียส อินเนียสต้า, อีวาน ราคิติช, หลุยส์ ซัวเรซ หรือแม้แต่ เนย์มาร์
ส่วนเรื่องการเจอคู่แข่งที่แตกต่างกันในระดับชาติกับในสโมสร เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่หรอก เพราะในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พี่แกก็ต้องเจอกองหลังที่แข็งแกร่งและโรคจิตกว่าในโกปา อเมริกา หรือฟุตบอลโลกรอบแรกๆ ด้วยซ้ำ แล้วทำไม ลีโอเนล เมสซี่ ถึงกระหน่ำตาข่ายในถ้วยใหญ่ยุโรปแบบไม่เหลือซากไปถึง 112 ดอก
เข้าใจครับ-เข้าใจ ผมเข้าใจเรื่ององค์ประกอบระหว่างสโมสรกับทีมชาติที่แตกต่างกัน แต่ประเด็นที่ต้องการจะสื่อมันอยู่ที่ฟอร์มการเล่นของ ลีโอเนล เมสซี่ แบบเพียวๆ อันพากย์อังกฤษว่า "อินดิวิด้วล" ซึ่งไม่เกี่ยวกับเพื่อนร่วมทีม ไม่เกี่ยวกับองค์ประกอบ ไม่เกี่ยวกับโค้ช ไม่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อม และไม่เกี่ยวกับ "ลุงตู่" เหมือนคำพูดที่ว่า "เพชร" อยู่ที่ไหนก็ย่อมเป็น "เพชร" นั่นแหละ
ดูเหมือนวลีนี้จะใช้กับเขาไม่ได้
เราแทบไม่เคยเห็นเจ้าของสมญา "คิง เลโอ" ในเครื่องแบบสีฟ้า-ขาว กระชากลากเลื้อยหลบหลีกคู่แข่งทีละ 3-4 คนใน เราไม่ค่อยเห็นการจ่ายบอลทะลุทะลวงฉีกเกมรับของคู่แข่งเหมือนฉีกกระดาษ เราไม่ค่อยเห็นวิธีการเล่นแบบที่เห็นแล้วตาแทบถลนออกนอกเบ้า และเราไม่ค่อยเห็นการยิงประตูสำคัญๆ ในเกมที่เพียบด้วยความหมาย ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่เราเคยเห็นเขาในเครื่องแบบสีเลือดหมู-น้ำเงิน แบบสิ้นเชิง
หรือบางทีมันอาจอยู่ที่สภาพจิตใจ
ประมาณว่าคุณพี่เขาจะมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากกว่าเมื่อถูกห่อหุ้มด้วยชุดแข่งของ บาร์ซ่า
นอกจากนี้มันยังเป็นเรื่องของ "เคมีไม่ตรงกัน" และ "ไม่ถูกโฉลก" ซึ่งจัดเป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้ตามหลักฟิสิกซ์ แถมเรื่องประเภทนี้บางทีมันก็ไม่มีเหตุผลและไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้นอีกต่างหาก
ชะรอยว่าคนบนฟ้าคงออกแบบให้ ลีโอเนล เมสซี่ เป็นผู้เล่นที่มีความมหัศจรรย์เฉพาะในเครื่องแบบของ บาร์เซโลน่า เพียงทีมเดียวเท่านั้น
ย้ำว่าเพียงทีมเดียวเท่านั้น
credit: https://www.facebook.com/borbou23/posts/1111611572560470?__tn__=K-R