ผมสนใจตั้งแต่เห็นตัวอย่างแล้วล่ะครับ โดยหนังมีเส้นสายจากหนังสั้นเรื่อง Oculus: Chapter 3 - The Man With The Plan ซึ่งหนังก็ยังได้ Mike Flanagan ผกก. หนังสั้นมาทำหน้าที่คุมบังเหียนหนังใหญ่ครั้งนี้ด้วย หนังเล่าเรื่องราวโศกนาฏกรรมในบ้านแห่งหนึ่งตามประสาหนังสยองขวัญ เมื่อพ่อแม่ในบ้านถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมและหลักฐานทุกอย่างชี้ไปที่ทิม ลูกชายคนโตของบ้านหลังนี้ เหตุการณ์ผ่านล่วงเลยไปเป็นเวลาสิบกว่าปี ทิมถูกปล่อยตัวออกมาจากสถานกักกัน เคลีย์น้องสาวของทิมรับรู้ว่า แท้ที่จริงแล้วเหตุการณ์เสียชีวิตของพ่อแม่พวกเขาไม่ได้เกิดจากผีมือทิม แต่เป็นบางสิ่งที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้พวกเขาต้องประสบชะตากรรมอันแสนโหดร้าย

     พอหนังเข้าฉาย ผมไม่ได้ไปดูนะครับ เนื่องจากมันไม่เข้าแถวบ้านผม ผมก็เลยต้องรอตอนแผ่นออกและรีบเช่ามาดูก่อนจะโดนสปอยเสียก่อน ซึ่งผมก็คิดถูกครับเพราะหนังมีจุดพลิกแพลงไปมาชวนสับสนเยอะพอสมควร แต่สับสนในที่นี่ผมหมายถึงสับสนในแง่ดีนะครับ เพราะหนังบางเรื่องสับสนจนดูไม่รู้เรื่อง แต่เรื่องนี้พาเราสับสนจนอึ้งและสนุกกับการถูกหนังหลอกอย่างมากเลย

     อีกทั้งหนังยังสร้างบรรยากาศวังเวงได้อย่างน่าปรบมือครับ หนังแทบจะไม่หวังพึ่ง Jumpscare เลย(ใครหวังตุ้งแช่ผิดหวังแน่นอนครับ เพราะทั้งเรื่องมีตุ้งแช่แค่สองฉาก) ผีก็โผล่มาน้อยมาก(ผีเรื่องนี้โผล่นับครั้งได้ครับ) แต่ว่าหนังสามารถทำให้คนดูเสียวสันหลังวาบได้โดยไม่ต้องเล่นอะไรมาก อย่างเช่นฉากที่นางเอกไปเจอแม่เธอยืนมองกระจกแบบตัวแข็ง แค่นี้ผมก็ขนลุกขนพองแล้วล่ะครับ หรือว่าฉากที่ต้องเล่นกับความลุ้นก็ลุ้นจนฉี่จะราดครับ หรือว่าอารมณ์หดหู่หนังก็เสิร์ฟให้เรา แล้วก็ไม่ทำให้เราผิดหวังด้วย แต่ผมว่าบางคนอาจจะไม่ชอบก็ได้นะ เพราะอย่างที่บอกครับว่าผีมันออกน้อยจริงๆ ตุ้งแช่ก็ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ เพราะฉะนั้นถ้าหวังว่ามันจะเป็นแบบ Conjuring ผิดหวังแน่นอนครับ เพราะหนังมาทาง It Follows กับ Babadook นั่นคือเล่นกับความรู้สึกคนดู มากกว่าปล่อยฉากตุ้งแช่ให้คนดูตกใจเล่น

     แต่สิ่งที่ผมว่าหนังทำได้เหนือกว่าหนังผีเรื่องอื่นๆ คือ "ตัวละครค่อนข้างฉลาด" ปกติหนังผีจะต้องมีตัวละครโง่ๆ ให้เราด่าและสมน้ำหน้าเล่น แต่กับเรื่องนี้ตัวละครกลับเป็นสิ่งหนึ่งที่ฉุดคนดูให้อยู่กับหนังครับ ผมค่อนข้างชอบตัวละคร "เคลลี่" นะ เธอเป็นตัวละครผู้หญิงที่ไม่น่ารำคาณ ไม่ได้มีแค่ความสวยอย่างเดียว แต่เธอเป็นตัวละครที่ไหวพริบค่อนข้างดี วางแผนให้แม่นยำก่อนจะลงมือทำ ผมชอบฉากที่เธออธิบายกลไกวิธีดักผีในกระจกของเธอมากครับ ผมว่าฉากนั้นเป็นฉากที่น่าสนใจมากฉากหนึ่ง เพราะนอกจากหนังจะบอกสกิลของของนางเอกแล้ว ขณะเดียวกันก็เผยสกิลของกระจกอีกด้วย(หนังเล่าเบื้องหลังของกระจกผ่านทางตัวละครเคลลี่ครับ ผมว่าน่าสนใจดี) และหนังก็เลือกที่จะเล่าเรื่องแบบอดีตตัดสลับปัจจุบัน ถ้าใครดูแบบไม่คิดอะไรมากผมว่างงครับ เพราะหนังไม่ได้บอกช่วงเวลาที่ปรากฎขึ้นบนจอแบบเด่นชัด แต่จะขึ้นอยู่กับการประติดประต่อเรื่องราวของคนดูมากกว่า ฉะนั้นผมว่าตั้งใจดูให้ดีๆ ครับ ไม่งั้นมีงง แต่ผมไม่งงนะเพราะผมสนุกกับหนังมาก

     หนังทำให้ผมได้รู้จักกับ Flanagan มากขึ้นครับ ทีแรกดูชื่อผมงงเลยว่าใครวะ! แต่พอดูหนังเรื่องนี้จบ ผมไปเสิร์จดูดาต้าผกก. คนนี้เลยครับ หลังจากนั้นมาผมก็เริ่มติดตามผลงานของแกมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ Hush ซึ่งสนุกใช้ได้เลย, Before I Wake ผมก็ชอบพาร์ทดราม่ามาก, Ouija: Origin Of Evil ผมก็ชอบบทดราม่าเช่นกัน, Gerald's Game ก็เล่นผมไข้ขึ้นเลย และล่าสุดอย่างซีรี่ส์ The Haunting Of Hill House ผมก็ค่อนข้างประทับใจครับ และล่าสุดแกก็ได้กำกับหนังที่สร้างจากนิยายของสตีเฟ่น คิงอีกด้วย(Gerald's Game ก็มาจากนิยายของคิงครับ) ผมว่าแกเป็นคนที่กำกับหนังแล้วมีเอกลักษณ์ตรงการเล่าเรื่อง แกเล่าเรื่องมีเสน่ห์มากครับ ถึงแม้มันจะเนือยถึงเนือยโคตรๆ แต่ผมว่าในความเนือยนั้นมันมีความน่าติดตามแฝงอยู่ครับ

     Gillan มีเสน่ห์มากครับเรื่องนี้ ผมว่าเธอเป็นผู้หญิงคนนึงที่สวยแบบมีเสน่ห์มาก คือเป็นอาหารตาชั้นดีของหนังผีเลยก็ว่าได้ครับ555 เธอเล่นดีครับ ผมชอบเวลาเธอปล่อยของแบบนี้ เพราะถ้าหาบทดราม่าดีๆ ให้เธอสักเรื่อง มีสิทธิ์ออสการ์ได้เลยครับ, Thwaites ก็โอเคครับ แต่จะโดนรัศมี(ความงาม)จาก Gillan ข่มอยู่หน่อย(ไม่หน่อยอ่ะมากเลย555), Cochrane ก็ไปได้ดีในบทคุณพ่อโรคจิตครับ แต่รายที่ผมอยากจะปรบมือให้เธอมากๆ ก็คือ Sackhoff ครับ ฉากผีสิงหน้ากระจกคือดีเยี่ยมจริงๆ

     สรุปคือชอบมากครับ นี่คือหนังผีที่ไม่มีผีก็เสียวสันหลังได้เช่นกัน ผมว่าหนังยาวแบบพอเหมาะด้วยแหละ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เอง ปมต่างๆ มันขยี้และคลายปมได้พอดีพอเหมาะ จังหวะจะโคนการสับขาหลอกของหนังก็พาลชวนสับสนได้สนุกดี(หนังเรื่องนี้สับสนในด้านดีครับ) ถ้าใครชอบหนังผีที่บรรยากาศหลอนๆ จิตวิทยานิดๆ และก็แหวกจากหนังผีเดิมๆ ดี ผมชอบครับ

คะแนนเฉลี่ยรวม : 9/10

เรตหนัง : หนังดีที่ควรดู