Spider-Man: Far from Home (Jon Watts, 2019) คะแนน B (8/10)
"พัฒนาการที่โตขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป" Spider-Man: Far from Home เป็นหนังปิดเฟสหลังจากความยิ่งใหญ่ของ Avengers: Endgame สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือหนังเลือกเล่าในสไตล์แนว Coming of Age ผ่านตัวละครปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ที่พยายามใช้เวลาช่วงวันหยุดในการท่องเที่ยวทัศนศึกษา และหาโอกาสโรแมนติกบอกชอบเพื่อนสาว ประเด็นของฮีโร่เพื่อนบ้านที่หนังเลือกใช้เป็นเอกลักษณ์สำหรับตัวละครสไปเดอร์-แมน ฉบับมาร์เวลยังคงเด่นชัดจนทำให้เรื่องราวต่าง ๆ ภายในเรื่องถูกบอกเล่าออกมาได้ตรงไปตรงมา ชัดเจนในสิ่งที่อยากเล่า และค่อย ๆ ทำให้ตัวละครเรียนรู้เติบโต แม้ว่าข้อเสียก็คือพล็อตเรื่องในการคาดเดานั้นง่ายเกินไป แต่ความง่ายของพล็อตเรื่องกลับถูกกลบด้วยฉากแอคชั่นและงานภาพที่สร้างมิติออกมาได้อย่างสวยงาม พร้อมทั้งมอบความสนุกสนานแปลกตาแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ความแปลกใหม่แปลกตาของงานแอคชั่นช่วยให้หนังน่าดูชม จนไปถึงจุดประสงค์ของตัวร้ายที่น่าเชื่อถือและมีเหตุผลรองรับได้ดี ความเข้ากันของนักแสดงวัยรุ่นที่เขาขาและสร้างเสียงหัวเราะตลอดเรื่อง บทสนทนาระหว่างตัวละครทำให้ภาพรวมทั้งหมดของหนังกลายเป็นงานแอคชั่นอารมณ์ดีพอสมควร ความมืดมนตอน Avengers ค่อย ๆ จางหายไป แน่นอนว่า เราค่อนข้างชอบวิธีนำเสนอที่ใช้ตัวละครสไปเดอร์-แมน เป็นตัวละครปิดเฟสของมาร์เวล ซึ่งทำให้เรารู้สึกดีและละทิ้งความโศกเศร้าหรือผลกระทบต่อตัวละครที่ได้จากไปก่อนหน้านี้ ยิ่งไปกว่านั้น การที่ตัวละครได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นสมวัยของตัวเองยังเสมือนการรับไม้ต่อซึ่งหนังก็สอดแทรกลงไปได้ลื่นไหล สำคัญคือมาร์เวลยังสามารถรักษามาตรฐานและเข้าใจว่าตัวละครที่กำลังนำเสนออยู่นั้นจะสื่อสารต่อคนดูอย่างไร...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
Review: Spider-Man: Far from Home (Jon Watts, 2019) รีวิวโดย Form Corleone
"พัฒนาการที่โตขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป" Spider-Man: Far from Home เป็นหนังปิดเฟสหลังจากความยิ่งใหญ่ของ Avengers: Endgame สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือหนังเลือกเล่าในสไตล์แนว Coming of Age ผ่านตัวละครปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ที่พยายามใช้เวลาช่วงวันหยุดในการท่องเที่ยวทัศนศึกษา และหาโอกาสโรแมนติกบอกชอบเพื่อนสาว ประเด็นของฮีโร่เพื่อนบ้านที่หนังเลือกใช้เป็นเอกลักษณ์สำหรับตัวละครสไปเดอร์-แมน ฉบับมาร์เวลยังคงเด่นชัดจนทำให้เรื่องราวต่าง ๆ ภายในเรื่องถูกบอกเล่าออกมาได้ตรงไปตรงมา ชัดเจนในสิ่งที่อยากเล่า และค่อย ๆ ทำให้ตัวละครเรียนรู้เติบโต แม้ว่าข้อเสียก็คือพล็อตเรื่องในการคาดเดานั้นง่ายเกินไป แต่ความง่ายของพล็อตเรื่องกลับถูกกลบด้วยฉากแอคชั่นและงานภาพที่สร้างมิติออกมาได้อย่างสวยงาม พร้อมทั้งมอบความสนุกสนานแปลกตาแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ความแปลกใหม่แปลกตาของงานแอคชั่นช่วยให้หนังน่าดูชม จนไปถึงจุดประสงค์ของตัวร้ายที่น่าเชื่อถือและมีเหตุผลรองรับได้ดี ความเข้ากันของนักแสดงวัยรุ่นที่เขาขาและสร้างเสียงหัวเราะตลอดเรื่อง บทสนทนาระหว่างตัวละครทำให้ภาพรวมทั้งหมดของหนังกลายเป็นงานแอคชั่นอารมณ์ดีพอสมควร ความมืดมนตอน Avengers ค่อย ๆ จางหายไป แน่นอนว่า เราค่อนข้างชอบวิธีนำเสนอที่ใช้ตัวละครสไปเดอร์-แมน เป็นตัวละครปิดเฟสของมาร์เวล ซึ่งทำให้เรารู้สึกดีและละทิ้งความโศกเศร้าหรือผลกระทบต่อตัวละครที่ได้จากไปก่อนหน้านี้ ยิ่งไปกว่านั้น การที่ตัวละครได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นสมวัยของตัวเองยังเสมือนการรับไม้ต่อซึ่งหนังก็สอดแทรกลงไปได้ลื่นไหล สำคัญคือมาร์เวลยังสามารถรักษามาตรฐานและเข้าใจว่าตัวละครที่กำลังนำเสนออยู่นั้นจะสื่อสารต่อคนดูอย่างไร...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง