ที่จริงจะเขียนกระทู้ตั้งแต่เมื่อวานแต่ติดงานเลยไม่ได้เขียน เลยขอมาเขียนในวันนี้ หวังว่าตลาดจะยังไม่วายนะ เอาล่ะงั้นของเกริ่นความรู้สึก ก่อนในเรื่องการมาของ CGM48 ยอมรับว่าหลังจากการประกาศตั้งวงน้องสาวในประเทศเป็นที่แรกของ RAM คือ CGM48 โดยฐานที่มั่นคือจังหวัด เชียงใหม่ ทำให้ BNK48 มีวงน้องสาวของตัวเองเป็นที่แรก ซึ่งเซอร์ไพรส์ผมพอสมควร ไม่คิดว่าไทยเราจะมีพาวเวอร์ พอที่จะขอตั้งอะไรแบบนี้ก่อน ประเทศอย่าง อินโดเนเซีย ที่มี JKT48 มาก่อนเราหลายปี แต่ก็ยังไม่มีวงน้องของตัวเอง อันนี้ต้องปรบมือให้ทุกภาคส่วนทั้ง ทีมบริหารของไทย เมมเบอร์รุ่นที่ 1 และ 2 ทีมผู้ฝึกสอน และ ที่สำคัญเหล่าสหายโอตะไทย ที่ร่วมด้วยช่วยกันเปิดทางให้เกิด Project นี้ ขึ้นมาได้ ผมว่าเราทุกคนมีส่วนทั้งทางตรงและทางอ้อมขาดส่วนใด ส่วนหนึ่งไม่ได้ อยากให้ทุกท่านเหล่าโอตะของ BNK48 ภาคภูมิใจในตัวเองกัน ในฐานะผู้สนับสนุนวงจนมีวันนี้
ในตอนแรกคิดว่าการมาของ CGM48 มันจะเร็วไปไหม? เพราะตัวผมเองยังไม่มั่นใจในฐานสนับสนุนของโอตะไทยว่าจะสามารถแบกรับ 2 วงในประเทศได้แค่ไหน เพราะต้องยอมรับว่าต่อให้ BNK48 มีโฆษณาเข้ามากแค่ไหน ก็คงไม่ยั่งยืนเท่าโอตะที่จะเปย์สนับสนุนน้องๆ ในวงมากกว่า เหมือนทีมฟุตบอลที่แฟนบอลพันธุ์แท้น้อย คนดูเข้าสนามน้อย สุดท้าย Sponser ก็จะหายไปในที่สุด เพราะดูแล้ววงไม่แมสอย่างที่ต้องการ แต่หลังจากได้ดูงานเปิดตัว Project เมื่อคราวงาน Thank you ที่เชียงใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว ที่มีผู้บริหารจากญี่ปุ่นมายืนยันการเกิดของ CGM48 จนมาถึงงาน We need you ของ CGM48 เมื่อวาน ที่คุณต้อมมาตอบข้อสงสัยของทุกคนในเรื่องนี้ ทำใหผมคิดว่าทาง อฟช ทั้งญี่ปุ่นและไทย คนเห็นข้อมูลอะไรบางอย่าง ที่ไม่พวกเราไม่รู้ แล้วคงมั่นใจว่าถ้าตั้งวงน้องขึ้นมาในไทยอีกวง คงน่าจะไปได้ เลยตัดสินใจให้ฝั่งไทยทำ Project นี้ ตอนนี้ผมคิดว่าแม้ ส่วนตัวก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ง่ายแน่ๆ แต่ก็ต้องคอยดูพัฒนาการของเรื่องนี้ต่อไป และเป็นกำลังใจให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกันไป
ที่นี้ขอเข้าเรื่องตามหัวข้อกระทู้ละกัน อย่างที่ทราบว่าจะมี 2 เมมเบอร์ของวง BNK48 ย้ายไปช่วยตั้งไข่ที่ CGM48 ด้วย ซึ่งได้แก่ อิซึตะ รินะซัง และ น้องออม ปุณยวีร์
เริ่มจาก รินะซัง ก่อน ผมว่าในมุมมองของ อฟช เรื่องความเหมาะสมไม่มีใครดีกว่าเธออีกแล้วทั้งประสบการณ์ตลอด 9 ปี ในฐานะเมมเบอร์ และได้เป็นผู้ช่วยสอนท่าเต้นให้เมมเบอร์ BNK48 ทั้ง 2 รุ่น จนทุกคนยอมรับ รวมถึงความเข้าใจวัฒนธรรม 48 group เป็นอย่างดี ถ้าจะต้องตั้งวงน้องขึ้นมาใหม่ในไทย เธอจึงเหมะสมที่จะไปเป็นพี่เลี้ยงให้เด็กใหม่มากที่สุด แต่ที่เซอร์ไพรส์คือตำแหน่งที่เธอจะไปทำไม่ใช่แค่พี่เลี้ยง แต่เป็นถึงผู้จัดการวงหรือ ชิไฮนิน อละควบตำแหน่งเมมเบอร์ด้วย อาจจะควบตำแหน่งครูสอนเต้นจำเป็นไปอีก เรียกได้ว่า เป็นทุกอย่างให้ CBG48 แน่ๆ ตอนฟังเธอให้สัมภาษณ์ในงานเมื่อวานนนี้ เหมือนเธอเองก็พึงจะรู้ว่าต้องไปทำตำแหน่ง ชิไฮนิน ดูเธอยังไม่มั่นใจนัก แต่พอเธอพูดประโยคที่ว่า "ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ มีแต่ต้องทำให้ได้" นี่ทำให้ผมรู้เลยว่าเธอคงตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ณ.วินาทีนั้น ว่าต้องไปทำภารกิจนี้ ที่ AKS และ RAM มอบให้เธอไปทำ นี่ คือแนวคิดแบบ ซามูไรญี่ปุ่น ที่ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ให้ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ได้ แม้มันจะยากมากก็ตาม
ครั้งหนึ่ง รินะซัง เคยตัดสินใจครั้งสำคัญในการล่องเรือชีวิตจากแผ่นดินแม่ มายังแผ่นดินไทย เพื่อท้าทายโชคชะตาของตัวเองว่าจะไปได้ดีกว่าที่เดิมหรือไม่? เวลา 2 ปีที่ไทย แม้เธอไม่สมหวังทุกเรื่อง แต่อย่างน้อยเธอก็ได้พิสูจน์ว่า ความพยายามอย่างหนักย่อมให้ผลตอบแทนกลับมาแน่นอน ไม่ว่ามากหรือน้อย และการตัดสินครั้งสำคัญอีกครั้งของเธอในครั้งนี้ ก็คงไม่ต่างกับครั้งที่แล้ว มันก็คือการล่องเรือชีวิตออกสู่ทะเลแห่งชะตากรรมอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ชะตาตัวเองในบทบาทใหม่ ในที่ใหม่ เหมือนครั้งก่อนว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกอีกหรือไม่ แต่ถ้าถามผม ผมก็บอกเธอว่า รินะซัง ออกเดินทางอีกครั้งเถอะ เพื่อการเติบโตของตัวเธอไปอีกขั้นหนึ่ง แม้อนาคตจะยังไม่แน่นอน แต่ถ้าทำได้มันก็คุ้มค่าการเดินทางใช่ไหม ก็เหมือนที่เธอจาก AKB48 มาที่ BNK48 ล่ะนะ
คนที่สอง น้องออม ปุณยวีร์(เจ้ใหญ่รุ่นที่ 2 และ ยูนิตปลาเผา)
ผมเดาว่าก่อนงานเมื่อวาน ตอนที่คุณต้อมเรียกเธอไปพบแล้วบอกว่าอยากให้เธอ ย้ายไป CGM48 ผมเดาว่าในหัวเธอคงคิดหลายเรื่องน่าดู ทั้งอนาคตในสายไอดอลของเธอจะเป็นอย่างถ้าต้องย้ายไป มันคงต้องมาคำนวนกับบทบาทปัจจุบันที่เธอเป็นอยู่ ถ้าอยู่ต่อเธอจะก้าวขึ้นไปแถวหน้าของวงได้ไหม และเลือกไป CGM48 แล้วเธอจะทำได้ดีแค่ไหน เมื่อทุกอย่างต้องเริ่มนับ 1 ใหม่หมด ทั้งวง ทั้งเพื่อนสมาชิก ทั้งกระแสนิยม ผมว่าตอนนั้นในหัวเธอคงคิดหลายอย่าง แต่ผมเดาว่าส่วนที่ทำให้เธอต้ดสินใจเลือกไปที่ CGM48
เหตุผลข้อแรกคือ เธอจะได้กลับไปทำงานใกล้บ้าน เพราะเธอคือ สาวเชียงใหม่ การที่ได้กลับไปทำงานใกล้ครอบครัวและได้ทำงานที่ตัวเองรักด้วย ค่าใช้จ่ายก็น่าจะดีขึ้นเพราะไม่ต้องเช่าหอพัก และ ถ้าทำสำเร็จก็จะเป็นการทำให้เชียงใหม่เป็นที่รู้จักมากขึ้นผ่านผลงานของ CGM48 ที่เธอมีส่วนริเริ่มขึ้นมา และ ทางผู้บริหารคงแสดงความมุ่งมั่นว่าจะตั้งวงนี้ให้ได้ มันเลยทำให้เธอมั่นใจว่าฝ่ายบริหารคงสนับสนุนวง CGM48 เต็มที่ไม่ทิ้งไปง่ายๆแน่ๆ เลยเสี่ยงรับงานนี้
เหตุผลข้อสอง คือ ผมว่าการที่คุณต้อมจูงใจเธอด้วยตำแหน่งกัปตันวง ไม่ใช่ว่าเอาตำแหน่งมาล่อนะ แต่ผมคิดว่าเป็นการแสดงถึงความเชื่อใจและตอบแทนการเสียสละของเธอในงานนี้ด้วย และในส่วนตัวมันก็ดีกับน้องออมด้วยที่จะได้ แสดงบทบาทในฐานะกัปตันวงบ้านเกิด จะมีส่วนในการคัดเลือกเมมเบอร์ร่วมกับทีมบริหารด้วย มันเป็นการก้าวกระโดดทางหน้าที่การงานแบบมากๆ จาก Under girl สู่ Captain วงน้องสาว แม้ว่า วงที่ว่าจะยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะไปได้รอดไหม แต่เธอคงคิดว่าเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้ว คงต้องลองสักตั้ง ก็เหมือน รินะซัง ตัดสินใจไปเป็นชิไฮนิน CGM48 และถ้าเธอทำสำเร็จ เธอก็จะเป็นตำนานของวง CGM48 เหมือนกันกับ รุ่นพี่ๆที่ทำได้
** สรุปคือ ในความคิดเห็นของผม เรือเล็กทั้ง 2 ลำนี้ ควรออกจากฝั่งมุ่งหน้าสู่ทะเลแห่งโชคชะตาอีกครั้ง เพื่อแล่นไปหาโอกาสใหม่และความสำเร็จของตัวเอง แม้ไม่รู้ว่าจะผ่านคลื่นลมไปได้ถึงอีกฝั่งไหม? แต่ยังไงเมื่อสายลมแห่งโชคชะตาโบกพัดมาแล้ว ก็แค่ชักใบเรือขึ้นและแล่นตามมันไปจนสุดทาง ก็แค่นั้น แล้วดูว่าสุดท้ายมันจะพาเราไปถึงฝั่งฝันได้ไหม **
ป.ล. เป็นกำลังใจ 2 สาว ทำงานนี้ให้สำเร็จนะครับ จากโอตะสาย MD.
การย้ายไป CGM48 ของ อิซึตะ รินะซัง และ น้องออม ปุณยวีร์ ก็เหมือนเรีอเล็ก(ควร)ออกจากฝั่ง.
ในตอนแรกคิดว่าการมาของ CGM48 มันจะเร็วไปไหม? เพราะตัวผมเองยังไม่มั่นใจในฐานสนับสนุนของโอตะไทยว่าจะสามารถแบกรับ 2 วงในประเทศได้แค่ไหน เพราะต้องยอมรับว่าต่อให้ BNK48 มีโฆษณาเข้ามากแค่ไหน ก็คงไม่ยั่งยืนเท่าโอตะที่จะเปย์สนับสนุนน้องๆ ในวงมากกว่า เหมือนทีมฟุตบอลที่แฟนบอลพันธุ์แท้น้อย คนดูเข้าสนามน้อย สุดท้าย Sponser ก็จะหายไปในที่สุด เพราะดูแล้ววงไม่แมสอย่างที่ต้องการ แต่หลังจากได้ดูงานเปิดตัว Project เมื่อคราวงาน Thank you ที่เชียงใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว ที่มีผู้บริหารจากญี่ปุ่นมายืนยันการเกิดของ CGM48 จนมาถึงงาน We need you ของ CGM48 เมื่อวาน ที่คุณต้อมมาตอบข้อสงสัยของทุกคนในเรื่องนี้ ทำใหผมคิดว่าทาง อฟช ทั้งญี่ปุ่นและไทย คนเห็นข้อมูลอะไรบางอย่าง ที่ไม่พวกเราไม่รู้ แล้วคงมั่นใจว่าถ้าตั้งวงน้องขึ้นมาในไทยอีกวง คงน่าจะไปได้ เลยตัดสินใจให้ฝั่งไทยทำ Project นี้ ตอนนี้ผมคิดว่าแม้ ส่วนตัวก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ง่ายแน่ๆ แต่ก็ต้องคอยดูพัฒนาการของเรื่องนี้ต่อไป และเป็นกำลังใจให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกันไป
ที่นี้ขอเข้าเรื่องตามหัวข้อกระทู้ละกัน อย่างที่ทราบว่าจะมี 2 เมมเบอร์ของวง BNK48 ย้ายไปช่วยตั้งไข่ที่ CGM48 ด้วย ซึ่งได้แก่ อิซึตะ รินะซัง และ น้องออม ปุณยวีร์
เริ่มจาก รินะซัง ก่อน ผมว่าในมุมมองของ อฟช เรื่องความเหมาะสมไม่มีใครดีกว่าเธออีกแล้วทั้งประสบการณ์ตลอด 9 ปี ในฐานะเมมเบอร์ และได้เป็นผู้ช่วยสอนท่าเต้นให้เมมเบอร์ BNK48 ทั้ง 2 รุ่น จนทุกคนยอมรับ รวมถึงความเข้าใจวัฒนธรรม 48 group เป็นอย่างดี ถ้าจะต้องตั้งวงน้องขึ้นมาใหม่ในไทย เธอจึงเหมะสมที่จะไปเป็นพี่เลี้ยงให้เด็กใหม่มากที่สุด แต่ที่เซอร์ไพรส์คือตำแหน่งที่เธอจะไปทำไม่ใช่แค่พี่เลี้ยง แต่เป็นถึงผู้จัดการวงหรือ ชิไฮนิน อละควบตำแหน่งเมมเบอร์ด้วย อาจจะควบตำแหน่งครูสอนเต้นจำเป็นไปอีก เรียกได้ว่า เป็นทุกอย่างให้ CBG48 แน่ๆ ตอนฟังเธอให้สัมภาษณ์ในงานเมื่อวานนนี้ เหมือนเธอเองก็พึงจะรู้ว่าต้องไปทำตำแหน่ง ชิไฮนิน ดูเธอยังไม่มั่นใจนัก แต่พอเธอพูดประโยคที่ว่า "ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ มีแต่ต้องทำให้ได้" นี่ทำให้ผมรู้เลยว่าเธอคงตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ณ.วินาทีนั้น ว่าต้องไปทำภารกิจนี้ ที่ AKS และ RAM มอบให้เธอไปทำ นี่ คือแนวคิดแบบ ซามูไรญี่ปุ่น ที่ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ให้ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ได้ แม้มันจะยากมากก็ตาม
ครั้งหนึ่ง รินะซัง เคยตัดสินใจครั้งสำคัญในการล่องเรือชีวิตจากแผ่นดินแม่ มายังแผ่นดินไทย เพื่อท้าทายโชคชะตาของตัวเองว่าจะไปได้ดีกว่าที่เดิมหรือไม่? เวลา 2 ปีที่ไทย แม้เธอไม่สมหวังทุกเรื่อง แต่อย่างน้อยเธอก็ได้พิสูจน์ว่า ความพยายามอย่างหนักย่อมให้ผลตอบแทนกลับมาแน่นอน ไม่ว่ามากหรือน้อย และการตัดสินครั้งสำคัญอีกครั้งของเธอในครั้งนี้ ก็คงไม่ต่างกับครั้งที่แล้ว มันก็คือการล่องเรือชีวิตออกสู่ทะเลแห่งชะตากรรมอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ชะตาตัวเองในบทบาทใหม่ ในที่ใหม่ เหมือนครั้งก่อนว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกอีกหรือไม่ แต่ถ้าถามผม ผมก็บอกเธอว่า รินะซัง ออกเดินทางอีกครั้งเถอะ เพื่อการเติบโตของตัวเธอไปอีกขั้นหนึ่ง แม้อนาคตจะยังไม่แน่นอน แต่ถ้าทำได้มันก็คุ้มค่าการเดินทางใช่ไหม ก็เหมือนที่เธอจาก AKB48 มาที่ BNK48 ล่ะนะ
คนที่สอง น้องออม ปุณยวีร์(เจ้ใหญ่รุ่นที่ 2 และ ยูนิตปลาเผา)
ผมเดาว่าก่อนงานเมื่อวาน ตอนที่คุณต้อมเรียกเธอไปพบแล้วบอกว่าอยากให้เธอ ย้ายไป CGM48 ผมเดาว่าในหัวเธอคงคิดหลายเรื่องน่าดู ทั้งอนาคตในสายไอดอลของเธอจะเป็นอย่างถ้าต้องย้ายไป มันคงต้องมาคำนวนกับบทบาทปัจจุบันที่เธอเป็นอยู่ ถ้าอยู่ต่อเธอจะก้าวขึ้นไปแถวหน้าของวงได้ไหม และเลือกไป CGM48 แล้วเธอจะทำได้ดีแค่ไหน เมื่อทุกอย่างต้องเริ่มนับ 1 ใหม่หมด ทั้งวง ทั้งเพื่อนสมาชิก ทั้งกระแสนิยม ผมว่าตอนนั้นในหัวเธอคงคิดหลายอย่าง แต่ผมเดาว่าส่วนที่ทำให้เธอต้ดสินใจเลือกไปที่ CGM48
เหตุผลข้อแรกคือ เธอจะได้กลับไปทำงานใกล้บ้าน เพราะเธอคือ สาวเชียงใหม่ การที่ได้กลับไปทำงานใกล้ครอบครัวและได้ทำงานที่ตัวเองรักด้วย ค่าใช้จ่ายก็น่าจะดีขึ้นเพราะไม่ต้องเช่าหอพัก และ ถ้าทำสำเร็จก็จะเป็นการทำให้เชียงใหม่เป็นที่รู้จักมากขึ้นผ่านผลงานของ CGM48 ที่เธอมีส่วนริเริ่มขึ้นมา และ ทางผู้บริหารคงแสดงความมุ่งมั่นว่าจะตั้งวงนี้ให้ได้ มันเลยทำให้เธอมั่นใจว่าฝ่ายบริหารคงสนับสนุนวง CGM48 เต็มที่ไม่ทิ้งไปง่ายๆแน่ๆ เลยเสี่ยงรับงานนี้
เหตุผลข้อสอง คือ ผมว่าการที่คุณต้อมจูงใจเธอด้วยตำแหน่งกัปตันวง ไม่ใช่ว่าเอาตำแหน่งมาล่อนะ แต่ผมคิดว่าเป็นการแสดงถึงความเชื่อใจและตอบแทนการเสียสละของเธอในงานนี้ด้วย และในส่วนตัวมันก็ดีกับน้องออมด้วยที่จะได้ แสดงบทบาทในฐานะกัปตันวงบ้านเกิด จะมีส่วนในการคัดเลือกเมมเบอร์ร่วมกับทีมบริหารด้วย มันเป็นการก้าวกระโดดทางหน้าที่การงานแบบมากๆ จาก Under girl สู่ Captain วงน้องสาว แม้ว่า วงที่ว่าจะยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะไปได้รอดไหม แต่เธอคงคิดว่าเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้ว คงต้องลองสักตั้ง ก็เหมือน รินะซัง ตัดสินใจไปเป็นชิไฮนิน CGM48 และถ้าเธอทำสำเร็จ เธอก็จะเป็นตำนานของวง CGM48 เหมือนกันกับ รุ่นพี่ๆที่ทำได้
** สรุปคือ ในความคิดเห็นของผม เรือเล็กทั้ง 2 ลำนี้ ควรออกจากฝั่งมุ่งหน้าสู่ทะเลแห่งโชคชะตาอีกครั้ง เพื่อแล่นไปหาโอกาสใหม่และความสำเร็จของตัวเอง แม้ไม่รู้ว่าจะผ่านคลื่นลมไปได้ถึงอีกฝั่งไหม? แต่ยังไงเมื่อสายลมแห่งโชคชะตาโบกพัดมาแล้ว ก็แค่ชักใบเรือขึ้นและแล่นตามมันไปจนสุดทาง ก็แค่นั้น แล้วดูว่าสุดท้ายมันจะพาเราไปถึงฝั่งฝันได้ไหม **
ป.ล. เป็นกำลังใจ 2 สาว ทำงานนี้ให้สำเร็จนะครับ จากโอตะสาย MD.