....เรื่องนี้มันเริ่มต้นมาจาก...
....ตอนที่เราเรียนอยู่ ม.4 เปิดเทอมใหม่ๆ เราแทบไม่รู้จักใครเลย เป็นเพื่อนใหม่เกือบหมด เราเลยมักจะอยู่กัน 2 คน กับผญ.คนหนึ่งที่มาตัวคนเดียวเหมือนกัน (นามสมมติว่า เอ) เรากับเอมักจะนั่งเรียนข้างๆกัน ทำงานกลุ่มก็จับคู่กัน 2 คน จนผ่านมาสักระยะ เราเริ่มรู้จักเพื่อนในห้องมากขึ้น เลยมีเพื่อนใหม่ 3 คน ขอเข้ามาอยู่กลุ่มเรากับเอด้วย เป็น ผช 2 คน (นามสมมติว่า บี กับ ซี) ผญ 1 คน (นามสมมติว่า ดี) เรามักจะไปไหนมาไหนกัน 5 คนตลอด กินข้าว ห้องสมุด ฯลฯ เราสนิทกับเพื่อนทุกคนพอๆกัน แต่ตอนรวมกลุ่มกันแรก บี เป็น ผช ตัวเล็ก เขาชอบมาแกล้งเรา (ซึ่งเราเป็น ผญ อ้วนเลยแหละ) แต่เราสู้แรงเขาไม่ได้เลย เพื่อนในห้องก็ชอบแซวว่าเรากับบีเป็นแฟนกัน แต่ลึกๆในใจเราไม่ชอบ เราเจ็บ เราเกือบเกลียดเขาด้วยซ้ำ จนผ่านมาสักระยะบีเริ่มรู้ตัวว่าเราไม่ชอบที่โดนแกล้ง บีเลยมาบอกกับเราว่าต่อไปนี้จะไม่แกล้งเราแล้ว จะเป็นพันธมิตรกัน หลังจากนั้นเขาทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีมากค่ะ ตั้งใจทำงานกลุ่ม ไม่แกล้งเราเลย เขาคอยทักมาหาเราว่าทำการบ้านหรือยัง วันนี้กลับบ้านยังไง อยู่ไหน ทำไมไม่กลับบ้าน คุยกันแทบทุกครั้งที่เราออนเฟซ ทั้งๆที่อยู่ที่ร.ร.ก็คุยกันมาทั้งวันแล้วนะ จนมันเหมือนความเคยชินที่เราต้องทักกันตลอด...
จนผ่านมาช่วง ม.5 มีเพื่อนใหม่ย้ายมาจากห้องอื่น บี ก็ชอบเล่นแกล้งถ่ายรูปหลุดๆเพื่อนใหม่ไปลงในกลุ่มห้อง จนเพื่อนในห้องก็แซวว่าเป็นคู่จิ้นกับเพื่อนใหม่อีก (ตอนนั้นเราไม่แน่ใจว่าเรารู้สึกยังไง อารมณ์เหมือนไม่ชอบให้ใครคิดแบบนั้น ตอนนั้นเราอาจจะแอบชอบบีโดนไม่รู้ตัวว่าชอบตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็แอบหึงบีไปแล้ว แต่เราก็ทำได้แค่เก็บความรู้สึกไว้ในใจ) เราทำตัวปกติค่ะ ตั้งใจเรียน กลุ่มพวกเราถือว่าเป็นกลุ่มที่ผลการเรียนค่อนข้างดีเลยค่ะ (พากันเรียน ช่วยกันติว ใครได้ตรงไหนก็มาสอนกัน) จนมาวันหนึ่งซีเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆกับเอ เริ่มหยอด เริ่มดูแลเป็นพิเศษ คือค่อนข้างออกตัวแรงเลยแหละว่าจีบเออยู่นะ เอก็รู้ตัวค่ะ แต่ไม่เล่นด้วยบอกว่าจะตั้งใจเรียนยังไม่อยากมีแฟนให้เป็นเพื่อนกันแบบนี้แหละดีแล้ว เราก็สนิทกับทั้งคู่นะ เราเลยบอกซีว่า "เราไม่ค่อยชอบการเอาเพื่อนเป็นแฟนเท่าไหร่ เรากลัวว่าวันหนึ่งเราทะเลาะกันจนต้องเลิกกัน เราก็ต้องเสียทั้งเพื่อนเสียทั้งแฟนเลยนะ" จากนั้นกลุ่มเราก็ยังใช้ชีวิตด้วยกันปกติค่ะ...
แต่ตอนหลังเอแอบมาคุยกับเรา 2 คน ว่า "อย่าไปบอกใครนะ จริงๆแล้ว เอว่าเอชอบบี"
(คือคิดในใจกูก็ชอบบีเหมือนกัน) แต่เราต้องเป็นนางฟ้าสินะ เลยตอบเอว่า "แล้วทำไมไม่ไปบอกบีล่ะ" เอตอบว่า "ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวซีจะเสียใจ เป็นเพื่อนไปนี่แหละ" เราต้องทนเก็บความลับนี้ไว้คนเดียวฝบอกใครก็ไม่ได้ บอกชอบบีก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่ รักหลายเศร้าเหลือเกิน (ดีนะที่ ดี มีแฟนอยู่แล้วเลยไม่ต้องมาร่วมในวงรักหลายเศร้าพวกนี้) เราเลยพยายามตัดใจค่ะ เป็นเพื่อนก็เป็นเพื่อน จะกลืนน้ำลายตัวเองที่พูดกับซีว่าไม่อยากเอาเพื่อนเป็นแฟนไม่ได้ เราก็ใช้ชีวิตปกติค่ะ ม.5 แล้ว มันเริ่มใกล้สอบโน้น สอบนี่ กลุ่มเราก็ช่วยกันติวค่ะ ใครเรียนพิเศษที่ไหนมาก็เอามาแบ่งเทคนิคกัน...
จนมา ม.6 บีเริ่มไปสนิทกับเพื่อน ผช กลุ่มอื่นๆ เพราะเขาไปปรึกษากันเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยในสายเดียวกัน เริ่มไปไหนมาไหนกับเพื่อน ผช ตอนหลังเลิกเรียน ผ่านมาสักพัก บีมีแฟนค่ะ เป็น ผญ ต่างร.ร. (ตอนนั้นเราไม่รู้สึกอะไรนะ คงทำใจได้แล้วแหละว่าเป็นแค่เพื่อนดีแล้ว) หลังจากนั้นเราไม่ค่อยมีเวลาคิดอะไรมา นอกจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัย (ใครเคยผ่านมาน่าจะรู้ดี เพื่อนมีที่เรียนแต่กูยังไม่มีแม่งกดดัน) เราสอบโควตาไม่ได้เลยค่ะ รอแอดฯ ส่วนบีได้ที่เรียนตั้งแต่รอบโควตาแล้วค่ะ แต่บีก็คอยเป็นห่วงเรา ถามเราตลอดว่าแอดฯที่ไหน แอดฯติดไหม? จนวันประกาศเขาดูลุ้นกว่าเพื่อนๆที่รอผลสะอีก😆 เราทักมาถามเราว่าได้ที่ไหน เราได้มหาลัยที่เดียวกับเขาค่ะ แต่คนละคณะนะ เขาแสดงความดีใจกับเราค่ะ บอกว่าดีแล้วมาอยู่ด้วยกัน (ส่วนเพื่อนอีก 3 คน ในกลุ่มไปมหาลัยอื่นหมดเลยค่ะ)...
จนมหาลัยเปิด ปี 1 กิจกรรมเยอะมาก เราแทบจะไม่เจอเพื่อนเก่าเลย เราแทบจะไม่ได้ติดต่อกับบีเลย แต่เราเห็นในเฟซว่าบีเลิกกับแฟนคนเก่ามาสักพักใหญ่แล้ว และตอนนี้บีก็เหมือนจะคบกับ ผญ คณะหนึ่งในมหาลัยเดียวกันนี่แหละค่ะ เราก็ติดตามชีวิตกันและกันผ่านเฟซ แซวกันบ้างในคอมเมนท์ จนเรามีโอกาสเดินสวนกันในตึกเรียน บีเดินมากับแฟนค่ะ แต่พอบีเห็นเรา บีก็หยุดคุยกับเราสักพักนะว่า "เราเป็นไงบ้าง เรียนได้ไหม เรียนไหวไหม เกรดโอเคหรือเปล่า" บียังคงเป็นบีที่น่ารักเหมือนเดิม ใส่ใจและเป็นห่วงเราอยู่ตลอด...
จนเรียนมาสักพัก เราย้ายมาอยู่หอนอก เริ่มปรับตัวกับชีวิตมหาลัยได้ เรามีเพื่อนกลุ่มใหม่แล้วค่ะ เราตัดเรื่องบีออกจากหัวไปหมดแล้วค่ะ เพราะมันมีอะไรให้ทำเยอะทั้งกิจกรรม ชมรม ฯ แต่เพื่อน ม.6 ก็ยังติดต่อกันคุยกันทางไลน์ตลอด มีวันหนึ่งที่บีส่งรูปขวดเครื่องดื่มเข้ามาในกลุ่ม (พอดีช่วงนั้นอีก 3 วัน จะถึงวันเกิดเรา) เราก็แกล้งแซวว่าขอขวดนี้ได้ไหม จะวันเกิดเราแล้ว บีบอกว่าได้ ให้มากินที่หอบีเลย (หอบีอยู่กันหลายคนค่ะ แฟนบีก็อยู่ด้วย) เราก็ตอบว่าวันเกิดเราตรงกับวันธรรมดากลัวตื่นไปเรียนไม่ไหว ขอย้อนหลังเป็นวันเสาร์ เราก็นัดกันจากในไลน์กลุ่มห้องแหละค่ะ เราก็ไปจริงค่ะ แต่เราไม่เคยกินกับบี2ต่อ2นะคะ บีจะพยายามชวนเพื่อนมาด้วยอย่างน้อยก็กินกัน 3 คน (วันนั้นแฟนบีไม่อยู่) หลังจากผ่านวันนั้นมา บีทักมาหาเราบ่อยขึ้น ชวนเราไปดื่มด้วยบ่อยมาก อาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง เรื่มแซวกันคอมเมนท์กันในเฟซแทบทุกโพสต์ (จนแฟนบีแอดเฟซเรามาค่ะ (ผญ อ่ะเนอะเขาจะรู้กัน ว่าใครคิดไม่ซื่อ 555+)) บางครั้งบีดื่มกับแฟนและก็เพื่อนแฟน ก็มาชวนเราด้วย ครั้งแรกเราปฏิเสธไปค่ะ กลัวไปนั่งอึดอัดทำตัวไม่ถูก แต่เขาก็ยังชวนเรื่อยๆ จนเราลองไปดูสักครั้ง บีนั่งดื่มกันอยู่ 4 คน (คือเป็นคู่อ่ะ และเราไปเป็นคี่เลย) บีให้เรานั่งข้างๆบีค่ะ บีนั่งตรงกลางระหว่างเรากับแฟน พอเรามาถึงแฟนบีแนะนำเราให้เพื่อนรู้จักบอกยันสาขาที่เราเรียน (คิดในใจคงสืบข้อมูลเรามาหมดแล้วแหละ) แต่ตอนนั้นยอมรับเริ่มค่ะเราเริ่มกลับมารู้สึกดีกับบีอีกครั้ง แต่เราไม่ได้คิดจะแย่งเขามานะคะ ก็เหมือนเดิมค่ะเป็นนางฟ้าต่อไป เห็นคนที่เรารักมีความสุขเราก็มีความสุข
เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆค่ะ นัดดื่มกันตลอด จนมาถึงช่วงสอบปลายภาค เราคุยกันว่าพักก่อนนะช่วงนี้ รอสอบเสร็จเราค่อยมาดื่มฉลองกันทีเดียว...
เราก็ตั้งใจอ่านหนังสือสอบค่ะ ไปติวกับเพื่อนๆ เราสอบจนมาเกือบถึงวันสุดท้าย เป็นตัวสุดท้ายที่เราต้องอ่านหนังสือแล้ว 😁 เรานั่งอ่านหนังสือที่หอเพื่อน อยู่ๆเวลาประมานเกือบ 4 ทุ่ม เราก็ได้ยินเสียงรถพยาบาลดังมากผ่านไป 1 คัน สักพักก็มีเสียงรถอีก 1 คัน ตามมา เพื่อนๆลุกมองที่หน้าต่างด้วยความตกใจ แต่เราไม่ได้สนใจอะไร (คือแถวมหาลัยเราเกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก จนเรารู้สึกชินอ่ะ) สักพักเราลงไปซื้อขนมกินแล้วเอาโทรศัพท์ไว้บนหอเพื่อน เราไปสักพักค่ะ พอกลับหอมาเราเห็นแจ้งเตือนโทรศัพท์เยอะมาก ทั้งสายไม่ได้รับ ไลน์ แชทเฟซ เราเลยเลือกที่จะโทรกลับหาสายที่ไม่ได้รับก่อน (เป็นเพื่อน ม.6 นามสมมติว่า จี)
👩 : ฮัลโหล อยู่ไหนอ่ะ
เรา : อยู่หอเพื่อนจีมีอะไรหรือเปล่า? (ปกติจีจะรบกวนให้เราไปรับไปส่งที่หอ เราคิดว่าจีน่าจะให้เราไปรับที่ไหนหรือเปล่า)
👩 : (เขาพูดชื่อเรา)...บีเสียแล้วนะ
เรา : เราช๊อคมากค่ะกับสิ่งที่ได้ยิน หลังจากประโยคนั่นเราจำไม่ได้เลยค่ะว่าจีพูดอะไรบ้าง เราเลยบอกจีว่า งั้นแค่นี้ก่อนนะเดี๋ยวเราตอบแชทเพื่อนก่อน
ในกลุ่มไลน์กำลังคุยเรื่องบีอยู่ค่ะ มีเพื่อนยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง เราร้องไห้น้ำตาไหล เพื่อนในห้องเงียบไม่มีใครกล้าทัก เราเดินออกมาจากห้องแล้วขับรถไปที่ ร.พ. เพื่อไปหาบี แต่เข้าไปหาไม่ได้ค่ะ ร.พ. อนุญาตให้เฉพาะญาติเท่านั้น คืนนั้นเรากลับมาอาบน้ำ และพยายามจะนอนขอให้เรื่องทั้งหมดมันเป็นแค่ฝันร้าย เรานอนหลับๆตื่นๆค่ะ เช้ามาเรายังเจอกับสถานการณ์เดิมๆที่ยืนยันวาาคือเรื่องจริง เราไปสอบอย่างไม่มีสมาธิเลยค่ะ เราพยายามทำให้เสร็จเร็วที่สุด พอสอบเสร็จเรานัดกันในกลุ่มว่าจะไปงานศพบีคืนนี้กัน...
เราอดหลับอดนอนมาหลายวันค่ะ (เด็กมหาลัยน่าจะเข้าใจว่าเวลาสอบเป็นยังไง) แต่กลับมาเราเอาแต่ร้องไห้ นอนไม่หลับ มันผวาอยู่ตลอดเวลาว่าใช่เหรอ ใช่เรื่องจริงเหรอ? ในใจเราคิดหลายเรื่องวนไปหมด บีจะเจ็บไหม บีจะอยู่ไหน บีจะเป็นยังไงบ้าง แล้วแม่บีเป็นไงบ้าง (บีเป็นคนรักแม่มาก แม่บีป่วยเป็นเบาหวานต้องฉีดอินซูลินตลอด บียอมมาร.ร.สายแล้วโดนครูตีเพื่อรอฉีดอินซูลินให้แม่ทุกเช้า) เราคิดว่าแม่บีจะโอเคไหม (เราเคยเห็นแม่บีแค่ผ่านๆช่วงวันประชุมผู้ปกครองที่ร.ร.เก่าไม่กี่ครั้ง)...
คืนนั้นพอเราไปถึงงานศพบี มันจุกอยู่ในอก พูดอะไรไม่ออก เรามองหาแม่บีในงาน เราเห็นแม่บีตาแดง แต่แม่พยายามยิ้ม เรารู้ว่าแม่ต้องฝืนอยู่มากๆเลย จนพระสวดเสร็จเราขยับไปนั่งใกล้ๆแม่บี เอาซองที่พวกเรารวมเงินทำบุญยื่นให้แม่บี แม่บีมองมาที่เราแล้วยิ้ม
แม่ : หนู หนูชื่ออะไรนะ
เรา : (พูดไม่ออก พูดเราร้องไห้แน่ เลยหันไปมองหน้าเพื่อนที่นั่งข้างๆ)
เพื่อน : (รู้ว่าเราไม่โอเค เลยตอบแทนเรา) ชื่อ(นามสมมติว่า "นี") ครับแม่
แม่ : เออนี แม่จำหนูได้ บีชอบเอารูปหนูมาให้แม่ดู ชอบเล่าเรื่องหนูให้แม่ฟังบ่อยๆ เมื่อก่อนแม่ยังเคยถามบีเลยว่า บีหนูชอบนีหรือเปล่าลูก หนูชอบคนอ้วนเหรอ? บีเขาก็ตอบแม่ว่า ไม่ใช่แม่ เป็นเพื่อนกัน
เรา : (พอได้ยินสิ่งที่แม่พูด น้ำตาที่กลั้นมาไหลมาเป็นสายเลย)
จริงๆประโยคที่แม่บีพูดมามันควรเป็นสิ่งที่เราน่าจะรู้สึกดีมากๆด้วยซ้ำ ที่เราได้ฟังมาจากปากผู้หญิงคนที่บีรักมากที่สุดในชีวิตเป็นคนพูดออกมาเอง แต่เราดันมาได้ยินในวันที่บีไม่มีลมหายใจแล้ว เราไม่มีโอกาสแม้แต่จะขอบคุณความเป็นเพื่อนที่ดีที่บีมอบให้เราขนาดนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราเคยคิดว่าเรารักบีมากกว่ามาตลอด แต่พอเรามาเจอแม่บีวันนั้น เรารู้สึกว่าเรายังมอบความรักให้บีได้ไม่เท่าที่เขาให้เรามาเลยด้วยซ้ำ เราคิดในใจตลอดว่าไหนล่ะที่เราบอกตัวเองว่าถ้าไม่สารภาพรักกับบี เราจะได้ไม่เสียบีไป แต่สุดท้ายถึงเราไม่สารภาพเราก็เสียบีไปอยู่ดี
หลายๆคนบอกเราให้ทำใจปล่อยวาง แต่แน่นอนว่ามันยังคงฝังอยู่ในใจเราเสมอ ตอนเราเรียนจบครอบของบีมาแสดงความยินดีกับเราค่ะ พอเรากับแม่บีเจอกัน เรากับแม่บีมองหน้ากันแล้วกอดกันแน่นพร้อมกับร้องไห้ทั้งๆที่เรายังไม่ได้พูดอะไรกัน (ความรู้สึกที่เรา+และเราคิดว่าแม่บีก็น่าจะรู้สึกแบบเดียวกัน) เราคิดว่าวันนี้ถ้าบียังอยู่บีก็จะรับปริญญาในวันเดียวกับเรา บีเป็นคนเรีนนเก่งค่ะ ถ้าจบก็คงได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองแน่นอนค่ะ
ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอนนะคะ คิดอะไร รู้สึกยังไงก็แสดงมันออกมาเถอะค่ะ ดีกว่ารอให้คนใดคนหนึ่งต้องจากไปก่อนเลยค่ะ การจุดธูปเราไม่สามารถรู้เลยว่าเขาจะรับรู้ไหม ทะเลาะกับใครก็อย่าทิ้งไว้นานค่ะ ไม่ใช่แค่กับแฟนนะคะ กับพ่อแม่ กับคนที่เรารักทุกคนเลยค่ะ ไม่งั้นมันอาจจะเป็นสิ่งที่ค้างคาในใจเราไปทั้งชีวิตนะคะ
บีจากไปแค่ลมหายใจค่ะ แต่บีไม่เคยหายไปจากใจของเราเลย บียังคงเป็นคนที่ดีที่สุดในชีวิตนอกจากพ่อแม่ที่เราเคยเจอมา....รักและคิดถึงเสมอ😊
เคยแอบชอบเพื่อนสนิทแต่ต้องเก็บไว้เพราะกลัวเสียเขาไปไหม?
....ตอนที่เราเรียนอยู่ ม.4 เปิดเทอมใหม่ๆ เราแทบไม่รู้จักใครเลย เป็นเพื่อนใหม่เกือบหมด เราเลยมักจะอยู่กัน 2 คน กับผญ.คนหนึ่งที่มาตัวคนเดียวเหมือนกัน (นามสมมติว่า เอ) เรากับเอมักจะนั่งเรียนข้างๆกัน ทำงานกลุ่มก็จับคู่กัน 2 คน จนผ่านมาสักระยะ เราเริ่มรู้จักเพื่อนในห้องมากขึ้น เลยมีเพื่อนใหม่ 3 คน ขอเข้ามาอยู่กลุ่มเรากับเอด้วย เป็น ผช 2 คน (นามสมมติว่า บี กับ ซี) ผญ 1 คน (นามสมมติว่า ดี) เรามักจะไปไหนมาไหนกัน 5 คนตลอด กินข้าว ห้องสมุด ฯลฯ เราสนิทกับเพื่อนทุกคนพอๆกัน แต่ตอนรวมกลุ่มกันแรก บี เป็น ผช ตัวเล็ก เขาชอบมาแกล้งเรา (ซึ่งเราเป็น ผญ อ้วนเลยแหละ) แต่เราสู้แรงเขาไม่ได้เลย เพื่อนในห้องก็ชอบแซวว่าเรากับบีเป็นแฟนกัน แต่ลึกๆในใจเราไม่ชอบ เราเจ็บ เราเกือบเกลียดเขาด้วยซ้ำ จนผ่านมาสักระยะบีเริ่มรู้ตัวว่าเราไม่ชอบที่โดนแกล้ง บีเลยมาบอกกับเราว่าต่อไปนี้จะไม่แกล้งเราแล้ว จะเป็นพันธมิตรกัน หลังจากนั้นเขาทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีมากค่ะ ตั้งใจทำงานกลุ่ม ไม่แกล้งเราเลย เขาคอยทักมาหาเราว่าทำการบ้านหรือยัง วันนี้กลับบ้านยังไง อยู่ไหน ทำไมไม่กลับบ้าน คุยกันแทบทุกครั้งที่เราออนเฟซ ทั้งๆที่อยู่ที่ร.ร.ก็คุยกันมาทั้งวันแล้วนะ จนมันเหมือนความเคยชินที่เราต้องทักกันตลอด...
จนผ่านมาช่วง ม.5 มีเพื่อนใหม่ย้ายมาจากห้องอื่น บี ก็ชอบเล่นแกล้งถ่ายรูปหลุดๆเพื่อนใหม่ไปลงในกลุ่มห้อง จนเพื่อนในห้องก็แซวว่าเป็นคู่จิ้นกับเพื่อนใหม่อีก (ตอนนั้นเราไม่แน่ใจว่าเรารู้สึกยังไง อารมณ์เหมือนไม่ชอบให้ใครคิดแบบนั้น ตอนนั้นเราอาจจะแอบชอบบีโดนไม่รู้ตัวว่าชอบตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็แอบหึงบีไปแล้ว แต่เราก็ทำได้แค่เก็บความรู้สึกไว้ในใจ) เราทำตัวปกติค่ะ ตั้งใจเรียน กลุ่มพวกเราถือว่าเป็นกลุ่มที่ผลการเรียนค่อนข้างดีเลยค่ะ (พากันเรียน ช่วยกันติว ใครได้ตรงไหนก็มาสอนกัน) จนมาวันหนึ่งซีเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆกับเอ เริ่มหยอด เริ่มดูแลเป็นพิเศษ คือค่อนข้างออกตัวแรงเลยแหละว่าจีบเออยู่นะ เอก็รู้ตัวค่ะ แต่ไม่เล่นด้วยบอกว่าจะตั้งใจเรียนยังไม่อยากมีแฟนให้เป็นเพื่อนกันแบบนี้แหละดีแล้ว เราก็สนิทกับทั้งคู่นะ เราเลยบอกซีว่า "เราไม่ค่อยชอบการเอาเพื่อนเป็นแฟนเท่าไหร่ เรากลัวว่าวันหนึ่งเราทะเลาะกันจนต้องเลิกกัน เราก็ต้องเสียทั้งเพื่อนเสียทั้งแฟนเลยนะ" จากนั้นกลุ่มเราก็ยังใช้ชีวิตด้วยกันปกติค่ะ...
แต่ตอนหลังเอแอบมาคุยกับเรา 2 คน ว่า "อย่าไปบอกใครนะ จริงๆแล้ว เอว่าเอชอบบี"
(คือคิดในใจกูก็ชอบบีเหมือนกัน) แต่เราต้องเป็นนางฟ้าสินะ เลยตอบเอว่า "แล้วทำไมไม่ไปบอกบีล่ะ" เอตอบว่า "ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวซีจะเสียใจ เป็นเพื่อนไปนี่แหละ" เราต้องทนเก็บความลับนี้ไว้คนเดียวฝบอกใครก็ไม่ได้ บอกชอบบีก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่ รักหลายเศร้าเหลือเกิน (ดีนะที่ ดี มีแฟนอยู่แล้วเลยไม่ต้องมาร่วมในวงรักหลายเศร้าพวกนี้) เราเลยพยายามตัดใจค่ะ เป็นเพื่อนก็เป็นเพื่อน จะกลืนน้ำลายตัวเองที่พูดกับซีว่าไม่อยากเอาเพื่อนเป็นแฟนไม่ได้ เราก็ใช้ชีวิตปกติค่ะ ม.5 แล้ว มันเริ่มใกล้สอบโน้น สอบนี่ กลุ่มเราก็ช่วยกันติวค่ะ ใครเรียนพิเศษที่ไหนมาก็เอามาแบ่งเทคนิคกัน...
จนมา ม.6 บีเริ่มไปสนิทกับเพื่อน ผช กลุ่มอื่นๆ เพราะเขาไปปรึกษากันเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยในสายเดียวกัน เริ่มไปไหนมาไหนกับเพื่อน ผช ตอนหลังเลิกเรียน ผ่านมาสักพัก บีมีแฟนค่ะ เป็น ผญ ต่างร.ร. (ตอนนั้นเราไม่รู้สึกอะไรนะ คงทำใจได้แล้วแหละว่าเป็นแค่เพื่อนดีแล้ว) หลังจากนั้นเราไม่ค่อยมีเวลาคิดอะไรมา นอกจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัย (ใครเคยผ่านมาน่าจะรู้ดี เพื่อนมีที่เรียนแต่กูยังไม่มีแม่งกดดัน) เราสอบโควตาไม่ได้เลยค่ะ รอแอดฯ ส่วนบีได้ที่เรียนตั้งแต่รอบโควตาแล้วค่ะ แต่บีก็คอยเป็นห่วงเรา ถามเราตลอดว่าแอดฯที่ไหน แอดฯติดไหม? จนวันประกาศเขาดูลุ้นกว่าเพื่อนๆที่รอผลสะอีก😆 เราทักมาถามเราว่าได้ที่ไหน เราได้มหาลัยที่เดียวกับเขาค่ะ แต่คนละคณะนะ เขาแสดงความดีใจกับเราค่ะ บอกว่าดีแล้วมาอยู่ด้วยกัน (ส่วนเพื่อนอีก 3 คน ในกลุ่มไปมหาลัยอื่นหมดเลยค่ะ)...
จนมหาลัยเปิด ปี 1 กิจกรรมเยอะมาก เราแทบจะไม่เจอเพื่อนเก่าเลย เราแทบจะไม่ได้ติดต่อกับบีเลย แต่เราเห็นในเฟซว่าบีเลิกกับแฟนคนเก่ามาสักพักใหญ่แล้ว และตอนนี้บีก็เหมือนจะคบกับ ผญ คณะหนึ่งในมหาลัยเดียวกันนี่แหละค่ะ เราก็ติดตามชีวิตกันและกันผ่านเฟซ แซวกันบ้างในคอมเมนท์ จนเรามีโอกาสเดินสวนกันในตึกเรียน บีเดินมากับแฟนค่ะ แต่พอบีเห็นเรา บีก็หยุดคุยกับเราสักพักนะว่า "เราเป็นไงบ้าง เรียนได้ไหม เรียนไหวไหม เกรดโอเคหรือเปล่า" บียังคงเป็นบีที่น่ารักเหมือนเดิม ใส่ใจและเป็นห่วงเราอยู่ตลอด...
จนเรียนมาสักพัก เราย้ายมาอยู่หอนอก เริ่มปรับตัวกับชีวิตมหาลัยได้ เรามีเพื่อนกลุ่มใหม่แล้วค่ะ เราตัดเรื่องบีออกจากหัวไปหมดแล้วค่ะ เพราะมันมีอะไรให้ทำเยอะทั้งกิจกรรม ชมรม ฯ แต่เพื่อน ม.6 ก็ยังติดต่อกันคุยกันทางไลน์ตลอด มีวันหนึ่งที่บีส่งรูปขวดเครื่องดื่มเข้ามาในกลุ่ม (พอดีช่วงนั้นอีก 3 วัน จะถึงวันเกิดเรา) เราก็แกล้งแซวว่าขอขวดนี้ได้ไหม จะวันเกิดเราแล้ว บีบอกว่าได้ ให้มากินที่หอบีเลย (หอบีอยู่กันหลายคนค่ะ แฟนบีก็อยู่ด้วย) เราก็ตอบว่าวันเกิดเราตรงกับวันธรรมดากลัวตื่นไปเรียนไม่ไหว ขอย้อนหลังเป็นวันเสาร์ เราก็นัดกันจากในไลน์กลุ่มห้องแหละค่ะ เราก็ไปจริงค่ะ แต่เราไม่เคยกินกับบี2ต่อ2นะคะ บีจะพยายามชวนเพื่อนมาด้วยอย่างน้อยก็กินกัน 3 คน (วันนั้นแฟนบีไม่อยู่) หลังจากผ่านวันนั้นมา บีทักมาหาเราบ่อยขึ้น ชวนเราไปดื่มด้วยบ่อยมาก อาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง เรื่มแซวกันคอมเมนท์กันในเฟซแทบทุกโพสต์ (จนแฟนบีแอดเฟซเรามาค่ะ (ผญ อ่ะเนอะเขาจะรู้กัน ว่าใครคิดไม่ซื่อ 555+)) บางครั้งบีดื่มกับแฟนและก็เพื่อนแฟน ก็มาชวนเราด้วย ครั้งแรกเราปฏิเสธไปค่ะ กลัวไปนั่งอึดอัดทำตัวไม่ถูก แต่เขาก็ยังชวนเรื่อยๆ จนเราลองไปดูสักครั้ง บีนั่งดื่มกันอยู่ 4 คน (คือเป็นคู่อ่ะ และเราไปเป็นคี่เลย) บีให้เรานั่งข้างๆบีค่ะ บีนั่งตรงกลางระหว่างเรากับแฟน พอเรามาถึงแฟนบีแนะนำเราให้เพื่อนรู้จักบอกยันสาขาที่เราเรียน (คิดในใจคงสืบข้อมูลเรามาหมดแล้วแหละ) แต่ตอนนั้นยอมรับเริ่มค่ะเราเริ่มกลับมารู้สึกดีกับบีอีกครั้ง แต่เราไม่ได้คิดจะแย่งเขามานะคะ ก็เหมือนเดิมค่ะเป็นนางฟ้าต่อไป เห็นคนที่เรารักมีความสุขเราก็มีความสุข
เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆค่ะ นัดดื่มกันตลอด จนมาถึงช่วงสอบปลายภาค เราคุยกันว่าพักก่อนนะช่วงนี้ รอสอบเสร็จเราค่อยมาดื่มฉลองกันทีเดียว...
เราก็ตั้งใจอ่านหนังสือสอบค่ะ ไปติวกับเพื่อนๆ เราสอบจนมาเกือบถึงวันสุดท้าย เป็นตัวสุดท้ายที่เราต้องอ่านหนังสือแล้ว 😁 เรานั่งอ่านหนังสือที่หอเพื่อน อยู่ๆเวลาประมานเกือบ 4 ทุ่ม เราก็ได้ยินเสียงรถพยาบาลดังมากผ่านไป 1 คัน สักพักก็มีเสียงรถอีก 1 คัน ตามมา เพื่อนๆลุกมองที่หน้าต่างด้วยความตกใจ แต่เราไม่ได้สนใจอะไร (คือแถวมหาลัยเราเกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก จนเรารู้สึกชินอ่ะ) สักพักเราลงไปซื้อขนมกินแล้วเอาโทรศัพท์ไว้บนหอเพื่อน เราไปสักพักค่ะ พอกลับหอมาเราเห็นแจ้งเตือนโทรศัพท์เยอะมาก ทั้งสายไม่ได้รับ ไลน์ แชทเฟซ เราเลยเลือกที่จะโทรกลับหาสายที่ไม่ได้รับก่อน (เป็นเพื่อน ม.6 นามสมมติว่า จี)
👩 : ฮัลโหล อยู่ไหนอ่ะ
เรา : อยู่หอเพื่อนจีมีอะไรหรือเปล่า? (ปกติจีจะรบกวนให้เราไปรับไปส่งที่หอ เราคิดว่าจีน่าจะให้เราไปรับที่ไหนหรือเปล่า)
👩 : (เขาพูดชื่อเรา)...บีเสียแล้วนะ
เรา : เราช๊อคมากค่ะกับสิ่งที่ได้ยิน หลังจากประโยคนั่นเราจำไม่ได้เลยค่ะว่าจีพูดอะไรบ้าง เราเลยบอกจีว่า งั้นแค่นี้ก่อนนะเดี๋ยวเราตอบแชทเพื่อนก่อน
ในกลุ่มไลน์กำลังคุยเรื่องบีอยู่ค่ะ มีเพื่อนยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง เราร้องไห้น้ำตาไหล เพื่อนในห้องเงียบไม่มีใครกล้าทัก เราเดินออกมาจากห้องแล้วขับรถไปที่ ร.พ. เพื่อไปหาบี แต่เข้าไปหาไม่ได้ค่ะ ร.พ. อนุญาตให้เฉพาะญาติเท่านั้น คืนนั้นเรากลับมาอาบน้ำ และพยายามจะนอนขอให้เรื่องทั้งหมดมันเป็นแค่ฝันร้าย เรานอนหลับๆตื่นๆค่ะ เช้ามาเรายังเจอกับสถานการณ์เดิมๆที่ยืนยันวาาคือเรื่องจริง เราไปสอบอย่างไม่มีสมาธิเลยค่ะ เราพยายามทำให้เสร็จเร็วที่สุด พอสอบเสร็จเรานัดกันในกลุ่มว่าจะไปงานศพบีคืนนี้กัน...
เราอดหลับอดนอนมาหลายวันค่ะ (เด็กมหาลัยน่าจะเข้าใจว่าเวลาสอบเป็นยังไง) แต่กลับมาเราเอาแต่ร้องไห้ นอนไม่หลับ มันผวาอยู่ตลอดเวลาว่าใช่เหรอ ใช่เรื่องจริงเหรอ? ในใจเราคิดหลายเรื่องวนไปหมด บีจะเจ็บไหม บีจะอยู่ไหน บีจะเป็นยังไงบ้าง แล้วแม่บีเป็นไงบ้าง (บีเป็นคนรักแม่มาก แม่บีป่วยเป็นเบาหวานต้องฉีดอินซูลินตลอด บียอมมาร.ร.สายแล้วโดนครูตีเพื่อรอฉีดอินซูลินให้แม่ทุกเช้า) เราคิดว่าแม่บีจะโอเคไหม (เราเคยเห็นแม่บีแค่ผ่านๆช่วงวันประชุมผู้ปกครองที่ร.ร.เก่าไม่กี่ครั้ง)...
คืนนั้นพอเราไปถึงงานศพบี มันจุกอยู่ในอก พูดอะไรไม่ออก เรามองหาแม่บีในงาน เราเห็นแม่บีตาแดง แต่แม่พยายามยิ้ม เรารู้ว่าแม่ต้องฝืนอยู่มากๆเลย จนพระสวดเสร็จเราขยับไปนั่งใกล้ๆแม่บี เอาซองที่พวกเรารวมเงินทำบุญยื่นให้แม่บี แม่บีมองมาที่เราแล้วยิ้ม
แม่ : หนู หนูชื่ออะไรนะ
เรา : (พูดไม่ออก พูดเราร้องไห้แน่ เลยหันไปมองหน้าเพื่อนที่นั่งข้างๆ)
เพื่อน : (รู้ว่าเราไม่โอเค เลยตอบแทนเรา) ชื่อ(นามสมมติว่า "นี") ครับแม่
แม่ : เออนี แม่จำหนูได้ บีชอบเอารูปหนูมาให้แม่ดู ชอบเล่าเรื่องหนูให้แม่ฟังบ่อยๆ เมื่อก่อนแม่ยังเคยถามบีเลยว่า บีหนูชอบนีหรือเปล่าลูก หนูชอบคนอ้วนเหรอ? บีเขาก็ตอบแม่ว่า ไม่ใช่แม่ เป็นเพื่อนกัน
เรา : (พอได้ยินสิ่งที่แม่พูด น้ำตาที่กลั้นมาไหลมาเป็นสายเลย)
จริงๆประโยคที่แม่บีพูดมามันควรเป็นสิ่งที่เราน่าจะรู้สึกดีมากๆด้วยซ้ำ ที่เราได้ฟังมาจากปากผู้หญิงคนที่บีรักมากที่สุดในชีวิตเป็นคนพูดออกมาเอง แต่เราดันมาได้ยินในวันที่บีไม่มีลมหายใจแล้ว เราไม่มีโอกาสแม้แต่จะขอบคุณความเป็นเพื่อนที่ดีที่บีมอบให้เราขนาดนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราเคยคิดว่าเรารักบีมากกว่ามาตลอด แต่พอเรามาเจอแม่บีวันนั้น เรารู้สึกว่าเรายังมอบความรักให้บีได้ไม่เท่าที่เขาให้เรามาเลยด้วยซ้ำ เราคิดในใจตลอดว่าไหนล่ะที่เราบอกตัวเองว่าถ้าไม่สารภาพรักกับบี เราจะได้ไม่เสียบีไป แต่สุดท้ายถึงเราไม่สารภาพเราก็เสียบีไปอยู่ดี
หลายๆคนบอกเราให้ทำใจปล่อยวาง แต่แน่นอนว่ามันยังคงฝังอยู่ในใจเราเสมอ ตอนเราเรียนจบครอบของบีมาแสดงความยินดีกับเราค่ะ พอเรากับแม่บีเจอกัน เรากับแม่บีมองหน้ากันแล้วกอดกันแน่นพร้อมกับร้องไห้ทั้งๆที่เรายังไม่ได้พูดอะไรกัน (ความรู้สึกที่เรา+และเราคิดว่าแม่บีก็น่าจะรู้สึกแบบเดียวกัน) เราคิดว่าวันนี้ถ้าบียังอยู่บีก็จะรับปริญญาในวันเดียวกับเรา บีเป็นคนเรีนนเก่งค่ะ ถ้าจบก็คงได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองแน่นอนค่ะ
ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอนนะคะ คิดอะไร รู้สึกยังไงก็แสดงมันออกมาเถอะค่ะ ดีกว่ารอให้คนใดคนหนึ่งต้องจากไปก่อนเลยค่ะ การจุดธูปเราไม่สามารถรู้เลยว่าเขาจะรับรู้ไหม ทะเลาะกับใครก็อย่าทิ้งไว้นานค่ะ ไม่ใช่แค่กับแฟนนะคะ กับพ่อแม่ กับคนที่เรารักทุกคนเลยค่ะ ไม่งั้นมันอาจจะเป็นสิ่งที่ค้างคาในใจเราไปทั้งชีวิตนะคะ
บีจากไปแค่ลมหายใจค่ะ แต่บีไม่เคยหายไปจากใจของเราเลย บียังคงเป็นคนที่ดีที่สุดในชีวิตนอกจากพ่อแม่ที่เราเคยเจอมา....รักและคิดถึงเสมอ😊