สวัสดีครับเพื่อน ๆ และคนสนใจท่านอื่น ๆ ผมเองเป็นนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี ซึ่งก็เป็นมหาวิทยาลัยในเครือข่าย "ราชภัฏ" และเป็นสถาบันราชภัฏเพียงแห่งเดียวที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ (คือความภูมิใจมาโดยตลอด) ซึ่งถ้าเป็นเด็กราชภัฏเองก็จะรู้ว่าคำ ๆ นี้มีความหมายลึกซึ้งเพียงใด
หลายต่อหลายปีที่ผ่านมาได้ยิน ได้ฟัง ได้รับทราบมุมมองหลาย ๆ ด้านที่มองเด็กราชภัฏในต่างแง่มุมมอง ซึ่งก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามุมมองต่าง ๆ เราก็ไม่สามารถไปห้าม หรือทำอะไรได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะบอกใครต่อใครหลาย ๆ คนนั้นก็คือ "สถาบัน" ที่นามว่า "ราชภัฏ" ก็มีศักยภาพเพียงพอที่จะทำอะไรหลาย ๆ อย่างมากกว่าที่ใคร ๆ คิด
หลายปีก่อนมีคำถามที่แชร์ต่อ ๆ กันโดยหาผู้อ้างอิงไม่ได้ ความว่า "ปฏิเสธเด็กฝึกงานจากราชภัฏ" หรือ "ไม่รับเด็กที่จบจากราชภัฏ" ซึ่งมันก็ฟังดูค่อนข้างรุนแรงทางด้านจิตใจเหมือนกันว่า "เพราะอะไร" จึงได้กล่าวเช่นนั้น ดูเป็นการให้ค่าสถาบันของเราน้อยเกินไปทำให้กลุ่มเครือข่ายราชภัฏ "เสียใจ" แต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นมามีปากเสียงอะไรมากนัก
ในความคิดเห็นส่วนตัวไม่ว่าจะสถาบันไหน มหาวิทยาลัยใด มีชื่อเสียงมาก หรือ น้อยเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล ชื่อเสียงของสถาบันก็เปรียบเสมือนเสื้อผ้าที่สวมใส่ที่จะทำให้เราดูดีขึ้นได้ในภายนอก แต่ภายในจิตใจหรือความสามารถไม่สามารถมองผ่านภายนอกได้ หากเราทำตัวดี สถาบันดี ก็ย่อมเชิดชูตัวเราได้ ในทางกลับกันถ้าเราทำตัวไม่ดี สถาบันดี มันก็เท่านั้นไม่ได้เป็นที่น่าภูมิใจอะไร
มหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศต่างมีจุดเด่นแตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้รวบรวมจากการสัมภาษณ์สถานที่ฝึกงานของกลุ่มเด็ก "ราชภัฏ" ทุก ๆ ที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เด็กราชภัฏเป็นเด็กขยัน อ่อนน้อมถ่อนตน แต่งกายเรียบร้อย มีความคิดสร้างสรรค์ รู้รักสถาบัน ซึ่งสิ่งนี้เองเป็นคำชื่นชมจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เราเหล่าเด็กราชภัฏได้ไปฝึกงานในหน่วยงานนั้น ๆ
จึงอยากจะถามไปยังท่านอื่น ๆ หรือน้อง ๆ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่เรามีบ้านหลังเดียวกัน คือบ้านราชภัฏของเราว่า เรามีจุดเด่นอย่างไร
ขอบคุณครับ
อะไรคือจุดเด่นของเด็กที่จบจาก "ราชภัฏ"
หลายต่อหลายปีที่ผ่านมาได้ยิน ได้ฟัง ได้รับทราบมุมมองหลาย ๆ ด้านที่มองเด็กราชภัฏในต่างแง่มุมมอง ซึ่งก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามุมมองต่าง ๆ เราก็ไม่สามารถไปห้าม หรือทำอะไรได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะบอกใครต่อใครหลาย ๆ คนนั้นก็คือ "สถาบัน" ที่นามว่า "ราชภัฏ" ก็มีศักยภาพเพียงพอที่จะทำอะไรหลาย ๆ อย่างมากกว่าที่ใคร ๆ คิด
หลายปีก่อนมีคำถามที่แชร์ต่อ ๆ กันโดยหาผู้อ้างอิงไม่ได้ ความว่า "ปฏิเสธเด็กฝึกงานจากราชภัฏ" หรือ "ไม่รับเด็กที่จบจากราชภัฏ" ซึ่งมันก็ฟังดูค่อนข้างรุนแรงทางด้านจิตใจเหมือนกันว่า "เพราะอะไร" จึงได้กล่าวเช่นนั้น ดูเป็นการให้ค่าสถาบันของเราน้อยเกินไปทำให้กลุ่มเครือข่ายราชภัฏ "เสียใจ" แต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นมามีปากเสียงอะไรมากนัก
ในความคิดเห็นส่วนตัวไม่ว่าจะสถาบันไหน มหาวิทยาลัยใด มีชื่อเสียงมาก หรือ น้อยเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล ชื่อเสียงของสถาบันก็เปรียบเสมือนเสื้อผ้าที่สวมใส่ที่จะทำให้เราดูดีขึ้นได้ในภายนอก แต่ภายในจิตใจหรือความสามารถไม่สามารถมองผ่านภายนอกได้ หากเราทำตัวดี สถาบันดี ก็ย่อมเชิดชูตัวเราได้ ในทางกลับกันถ้าเราทำตัวไม่ดี สถาบันดี มันก็เท่านั้นไม่ได้เป็นที่น่าภูมิใจอะไร
มหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศต่างมีจุดเด่นแตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้รวบรวมจากการสัมภาษณ์สถานที่ฝึกงานของกลุ่มเด็ก "ราชภัฏ" ทุก ๆ ที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เด็กราชภัฏเป็นเด็กขยัน อ่อนน้อมถ่อนตน แต่งกายเรียบร้อย มีความคิดสร้างสรรค์ รู้รักสถาบัน ซึ่งสิ่งนี้เองเป็นคำชื่นชมจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เราเหล่าเด็กราชภัฏได้ไปฝึกงานในหน่วยงานนั้น ๆ
จึงอยากจะถามไปยังท่านอื่น ๆ หรือน้อง ๆ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่เรามีบ้านหลังเดียวกัน คือบ้านราชภัฏของเราว่า เรามีจุดเด่นอย่างไร
ขอบคุณครับ