สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
"ทุกคนซัพพอร์ตหมด น้องอยากได้ไรให้หมด ขอแค่ให้ตั้งใจเรียน เป็นเด็กดี"
ดีกับน้อง แต่ไม่ได้ปลูกฝัง ไม่ได้สอนชุดความคิดอื่นๆ ให้เขาเลยนอกจากแค่ให้ตั้งใจเรียน
อย่างน้อยที่สุดเขาต้องรู้จัก "ดูแลตัวเอง" และ "รับผิดชอบการกระทำของตัวเอง" ครับ
ถ้าเขาขว้างโทรศัพท์ โทรศัพท์เสีย ... สิ่งที่เขาต้องยอมรับคือ เขาจะไม่มีโทรศัพท์ใช้ ไม่ใช่มาว่าแม่
ถ้าข้อมูลการสอบอยู่ในโทรศัพท์ ... แล้วเขาอาละวาด สิ่งที่เขาต้องยอมรับคือ เขาต้องแก้ปัญหา หาเพื่อน หาครู หรืออะไรเพื่อไปสอบ ไม่ใช่ให้แม่ระล่ำละลั่กไปหาที่ซ่อมให้
ถ้าเค้าต้องการกลับบ้านดึกในงานจับมือ BNK ต้องตกลงกับพ่อแม่ครึ่งทางว่าจะทำยังไงให้พ่อแม่สบายใจว่าลูกจะกลับบ้านปลอดภัย
ถ้าเค้ากรี๊ดลั่นบ้าน ... สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำ คือ อยู่เฉยๆ แล้วบอกกับเขาว่าเดี๋ยวไว้สงบสติได้แล้วเรามาคุยกันนะ ไม่ใช่ประเคนทุกอย่างที่เขาต้องการทันทีโดยที่การกร๊ดของเขาอยู่เหนือเหตุและผลใดๆ แล้วเขาก็จะเรียนรู้ว่ากรี๊ดเท่านั้นทำให้ได้ทุกสิ่ง
ให้เขารู้ว่า สิ่งที่เขา "เลือก" ที่จะทำ จะกำหนดผลลัพธ์ที่ตามมา
ไม่ใช่ว่าเขา "เลือกทำอะไรก็ได้" แล้วปัญหาทุกอย่าง พ่อแม่จะเป็นคนตามแก้ให้ เขาไม่ผิดในทุกกรณี
เริ่มตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่จะสายไปนะครับ
ดีกับน้อง แต่ไม่ได้ปลูกฝัง ไม่ได้สอนชุดความคิดอื่นๆ ให้เขาเลยนอกจากแค่ให้ตั้งใจเรียน
อย่างน้อยที่สุดเขาต้องรู้จัก "ดูแลตัวเอง" และ "รับผิดชอบการกระทำของตัวเอง" ครับ
ถ้าเขาขว้างโทรศัพท์ โทรศัพท์เสีย ... สิ่งที่เขาต้องยอมรับคือ เขาจะไม่มีโทรศัพท์ใช้ ไม่ใช่มาว่าแม่
ถ้าข้อมูลการสอบอยู่ในโทรศัพท์ ... แล้วเขาอาละวาด สิ่งที่เขาต้องยอมรับคือ เขาต้องแก้ปัญหา หาเพื่อน หาครู หรืออะไรเพื่อไปสอบ ไม่ใช่ให้แม่ระล่ำละลั่กไปหาที่ซ่อมให้
ถ้าเค้าต้องการกลับบ้านดึกในงานจับมือ BNK ต้องตกลงกับพ่อแม่ครึ่งทางว่าจะทำยังไงให้พ่อแม่สบายใจว่าลูกจะกลับบ้านปลอดภัย
ถ้าเค้ากรี๊ดลั่นบ้าน ... สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำ คือ อยู่เฉยๆ แล้วบอกกับเขาว่าเดี๋ยวไว้สงบสติได้แล้วเรามาคุยกันนะ ไม่ใช่ประเคนทุกอย่างที่เขาต้องการทันทีโดยที่การกร๊ดของเขาอยู่เหนือเหตุและผลใดๆ แล้วเขาก็จะเรียนรู้ว่ากรี๊ดเท่านั้นทำให้ได้ทุกสิ่ง
ให้เขารู้ว่า สิ่งที่เขา "เลือก" ที่จะทำ จะกำหนดผลลัพธ์ที่ตามมา
ไม่ใช่ว่าเขา "เลือกทำอะไรก็ได้" แล้วปัญหาทุกอย่าง พ่อแม่จะเป็นคนตามแก้ให้ เขาไม่ผิดในทุกกรณี
เริ่มตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่จะสายไปนะครับ
ความคิดเห็นที่ 20
คนที่แนะนำหรือสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรงนี่คือเคยใช้มาเองก่อนหรอคะ เคยทบทวนบทเรียนอย่างจริงจังโดยเอาอคติออกมั้ยว่าสิ่งที่ได้มาหลังการใช้ความรุนแรง ไม่ใช่สิ... เคยคิดมั้ยว่าสิ่งที่หลงเหลืออยู่หลังการใช้ความรุนแรงคืออะไร? เวลากระทืบเด็กจริงๆแล้วมันเป็นการกระทืบที่ร่างกายหรือกระทืบที่หัวใจกันแน่? พฤติกรรมเด็ก บุคลิกภาพเด็กที่เป็นอยู่ก็พ่อแม่หรือผู้ปกครองเป็นคนปั้นมาเองกับมือ ช่วยบ่มเพาะสะสมจนมันออกดอกออกผลตอนโต แต่เมื่อได้ผลที่ไม่ต้องการก็โบ้ยว่าเป็นเพราะเด็กมันไม่รักดีเอง แล้วใช้วิธีหักวิธีโค่นพร้อมกับคาดหวังว่ามันจะออกผลใหม่ที่สมบูรณ์หอมหวาน? พ่อแม่ที่คิดแบบนี้ควรเข้ารับการอบรมไม่ต่างจากพ่อแม่ที่โอ๋เด็กจนเสียคนหรอก
ความคิดเห็นที่ 5
ลองพบจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นเพื่อขอคำแนะนำมั้ยคะ พ่อแม่ไปหาก่อน ถึงจะโตแล้วแต่น่าจะยังปรับพฤติกรรมได้อยู่บ้าง
โรงพยาบาลที่มีจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น http://www.facebook.com/kendekthai/posts/1529619387077242
โรงพยาบาลที่มีจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น http://www.facebook.com/kendekthai/posts/1529619387077242
ความคิดเห็นที่ 29
ถ้าคุณทำตามคนที่บอกให้คุณใช้ความรุนแรง คุณจะได้เปลือกของน้องคุณกลับมา พร้อมระเบิดเวลา รอวันที่เขาทนไม่ไหว แล้วเขาจะระเบิดใส่ครอบครัวคุณ แต่ถ้าคุณเปิดใจกับเขา แล้วพาเขาไปพบจิตแพทย์ คุณจะได้เข้าใจว่าต้นตอของปัญหาเกิดจากอะไร และควรแก้ไขอย่างไร
บางครั้งการที่คนเราติดหรือหลงใหลอะไรมากๆ ไม่ได้เกิดจากความรักชอบในสิ่งนั้นเพียงอย่างเดียว แต่มันเกิดจากการต้องการเป็นที่ยอมรับ เป็นตัวของตัวเอง เด็กติดเกมหลายๆคน เด็กติดเพื่อนหลายๆคน ไม่ได้ติดแค่เพราะความสนุก แต่เพราะในที่ตรงนั้น ในจุดจุดนั้น เขาได้ระบการยอมรับ เขารู้สึกว่าตัวเองมีค่า เขาภูมิใจในตัวเองแล้วนั่ยแหละคือสิ่งที่เขาเสพติดจริงๆ
ลองพากันทั้งบ้านไปหาจิตแพทย์ดูครับ ความรุนแรงไม่ช่วยแก้ปัญหาหรอก มันแค่กลบปัญหาไว้ชั่วคราวเพราะความกลัวเจ็บ กลัวตาย แต่มันจะสร้างปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่าในอนาคต มีแต่ความรักและที่สำคัญ "ความเข้าใจ" ถึงจะแก้ปัญหาครอบครัวได้ ผมรู้เพราะผมคือหนึ่งในคนที่โตมากับความกลัว
บางครั้งการที่คนเราติดหรือหลงใหลอะไรมากๆ ไม่ได้เกิดจากความรักชอบในสิ่งนั้นเพียงอย่างเดียว แต่มันเกิดจากการต้องการเป็นที่ยอมรับ เป็นตัวของตัวเอง เด็กติดเกมหลายๆคน เด็กติดเพื่อนหลายๆคน ไม่ได้ติดแค่เพราะความสนุก แต่เพราะในที่ตรงนั้น ในจุดจุดนั้น เขาได้ระบการยอมรับ เขารู้สึกว่าตัวเองมีค่า เขาภูมิใจในตัวเองแล้วนั่ยแหละคือสิ่งที่เขาเสพติดจริงๆ
ลองพากันทั้งบ้านไปหาจิตแพทย์ดูครับ ความรุนแรงไม่ช่วยแก้ปัญหาหรอก มันแค่กลบปัญหาไว้ชั่วคราวเพราะความกลัวเจ็บ กลัวตาย แต่มันจะสร้างปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่าในอนาคต มีแต่ความรักและที่สำคัญ "ความเข้าใจ" ถึงจะแก้ปัญหาครอบครัวได้ ผมรู้เพราะผมคือหนึ่งในคนที่โตมากับความกลัว
ความคิดเห็นที่ 51
เอาจริงๆ ที่อ่านๆมา ถ้าพูดตรงๆ ผมมองว่าปัญหามันไม่ได้รุนแรงระดับนั้นนะ (ฟังก่อนๆ)
คือลักษณะอาการมันเป็นอาการของเด็กผู้ชายที่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นครับ คือช่วงวัยนี้ อารมณ์มันจะพุ่งพล่าน ฮอร์โมนสูบฉีด
อาการจะประมาณนั้นแหละ อะไรที่จากเดิมเคยแค่รำคาญ ไม่เข้าใจ แต่ไม่เคยพูด มันจะออกมาทั้งหมดครับ
ผมรู้ เพราะผมก็เคยเป็นเด็กผู้ชายคนนึงที่อยู่ในวัยนั้นเนอะ ผมว่าสมัยนั้นผมแรงกว่านั้นเยอะ แค่ไม่ถึงขั้นทำลายข้าวของเพราะผมหวงของเฉยๆ 55+
สิ่งนึงที่ จขกท ควรระวังเลยคือ การ "แรงมาแรงกลับ" ครับ ผมบอกเลยว่าห้าม ห้าม และห้ามเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น คุณจะได้ผู้ชายคนนึง ที่เกลียดครอบครัวคุณไปตลอดชีวิต เพราะพอเวลาผ่านไป ความทรงจำหลายๆอย่างมันจะเลือนลาง แต่อารมณ์ความรู้สึกตอนนั้นมันไม่หายไปครับ คุณทำอะไรไม่ดีกับเค้าไว้ในตอนนั้น มันจะเหลือแต่อารมณ์เกลียดตอนเค้าโตขึ้น แต่เค้าจะจำไม่ได้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเค้าบ้าง
ทางที่ดีก็หลายๆคนบอกไว้ครับ จับเข่าคุยกัน คุยกับเค้าดีๆ คุยกันด้วยเหตุผล คุยกันด้วยข้อตกลง ว่าเราทำอย่างนั้นอย่างนี้ไปนะ เพราะผมเชื่อว่า 80% เค้าไม่ได้รู้ตัวหรอกว่าทำอะไรลงไป แล้วพยายามคุย พยายามสร้างข้อตกลงกับเค้า เช่นเงินที่ได้เนี่ย มันไม่ใช่เงินได้เปล่าที่ให้ฟรีๆนะ มีข้อตกลงที่ต้องทำ เช่นช่วยงานบ้านเท่านี้ ตั้งใจเรียนได้เกรดเท่านี้ หรือตื่นไปเรียนทัน อาจจะให้ยืดหยุ่นสักหน่อยนึงอะไรก็ได้ แต่ควรต้องมีข้อตกลงที่โอเคทั้งสองฝ่าย แต่หลังจากนั้น เงินของเค้าต้องเป็นเงินของเค้าแล้วนะ เพราะผมเดาว่าเด็กผู้ชายส่วนใหญ่ก็น่าจะเหมือนผมนั่นแหละ ไม่ชอบความกำกวม ถ้าเงินของเค้า แต่เอาไปใช้อย่างที่เค้าอยากใช้ไม่ได้ มันจะดูน่าหงุดหงิดไปหน่อย อะไรงั้น
ถ้าไม่ไหวจริงๆ ผมมองว่าการปรึกษาจิตแพทย์ก็เป็นตัวเลือกนึงที่ดีนะ แต่ทางที่ดีผมว่าครอบครัวนี่แหละคือสิ่งสำคัญสำหรับเขาที่สุด
ส่วนอันนี้ ไม่ค่อยเกี่ยว แต่นอกรอบหน่อย คืออยากจะบอกว่า ไปงานจับมือทั้งวัน ไม่ได้จำเป็นต้องใช้บัตรเยอะครับ เพราะหลายๆคนที่ไปงานจับมือเนี่ย 80-90% ของเวลาที่ใช้ไปในงานจับมือ ไม่ได้ใช้ไปกับการ"จับมือ"ครับ แต่เค้าใช้ไปกับการเข้าสังคมกับคนที่มีความชอบเหมือนกับเค้า นั้นก็คือตาม BNK เหมือนกัน ดังนั้นการเห็นเค้าไปทั้งวัน ไม่ได้แปลว่าเค้าเอาเงินไปซื้อบัตรจับมือหลายร้อยใบอะไรแบบนั้นนะ เค้าอาจจะไปอยู่กับเพื่อนทั้งวัน ทั้งๆที่ใช้บัตรแค่ใบเดียว เผลอๆไม่ได้ใช้สักใบก็ได้(โดยเฉพาะช่วยวัยรุ่นที่เพื่อนคือสิ่งสำคัญเนี่ย ผมคิดว่ายิ่งใช่) เพราะโดยส่วนตัวผมก็ไปทั้งวัน โดยที่ไม่ได้พกบัตรสักใบเหมือนกัน คุยกับเพื่อน เดินเทรดโซน เมื่อยๆก็เอาผ้ามาปู นั่งขายของ ได้เงินใช้อีก 555+
คือลักษณะอาการมันเป็นอาการของเด็กผู้ชายที่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นครับ คือช่วงวัยนี้ อารมณ์มันจะพุ่งพล่าน ฮอร์โมนสูบฉีด
อาการจะประมาณนั้นแหละ อะไรที่จากเดิมเคยแค่รำคาญ ไม่เข้าใจ แต่ไม่เคยพูด มันจะออกมาทั้งหมดครับ
ผมรู้ เพราะผมก็เคยเป็นเด็กผู้ชายคนนึงที่อยู่ในวัยนั้นเนอะ ผมว่าสมัยนั้นผมแรงกว่านั้นเยอะ แค่ไม่ถึงขั้นทำลายข้าวของเพราะผมหวงของเฉยๆ 55+
สิ่งนึงที่ จขกท ควรระวังเลยคือ การ "แรงมาแรงกลับ" ครับ ผมบอกเลยว่าห้าม ห้าม และห้ามเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น คุณจะได้ผู้ชายคนนึง ที่เกลียดครอบครัวคุณไปตลอดชีวิต เพราะพอเวลาผ่านไป ความทรงจำหลายๆอย่างมันจะเลือนลาง แต่อารมณ์ความรู้สึกตอนนั้นมันไม่หายไปครับ คุณทำอะไรไม่ดีกับเค้าไว้ในตอนนั้น มันจะเหลือแต่อารมณ์เกลียดตอนเค้าโตขึ้น แต่เค้าจะจำไม่ได้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเค้าบ้าง
ทางที่ดีก็หลายๆคนบอกไว้ครับ จับเข่าคุยกัน คุยกับเค้าดีๆ คุยกันด้วยเหตุผล คุยกันด้วยข้อตกลง ว่าเราทำอย่างนั้นอย่างนี้ไปนะ เพราะผมเชื่อว่า 80% เค้าไม่ได้รู้ตัวหรอกว่าทำอะไรลงไป แล้วพยายามคุย พยายามสร้างข้อตกลงกับเค้า เช่นเงินที่ได้เนี่ย มันไม่ใช่เงินได้เปล่าที่ให้ฟรีๆนะ มีข้อตกลงที่ต้องทำ เช่นช่วยงานบ้านเท่านี้ ตั้งใจเรียนได้เกรดเท่านี้ หรือตื่นไปเรียนทัน อาจจะให้ยืดหยุ่นสักหน่อยนึงอะไรก็ได้ แต่ควรต้องมีข้อตกลงที่โอเคทั้งสองฝ่าย แต่หลังจากนั้น เงินของเค้าต้องเป็นเงินของเค้าแล้วนะ เพราะผมเดาว่าเด็กผู้ชายส่วนใหญ่ก็น่าจะเหมือนผมนั่นแหละ ไม่ชอบความกำกวม ถ้าเงินของเค้า แต่เอาไปใช้อย่างที่เค้าอยากใช้ไม่ได้ มันจะดูน่าหงุดหงิดไปหน่อย อะไรงั้น
ถ้าไม่ไหวจริงๆ ผมมองว่าการปรึกษาจิตแพทย์ก็เป็นตัวเลือกนึงที่ดีนะ แต่ทางที่ดีผมว่าครอบครัวนี่แหละคือสิ่งสำคัญสำหรับเขาที่สุด
ส่วนอันนี้ ไม่ค่อยเกี่ยว แต่นอกรอบหน่อย คืออยากจะบอกว่า ไปงานจับมือทั้งวัน ไม่ได้จำเป็นต้องใช้บัตรเยอะครับ เพราะหลายๆคนที่ไปงานจับมือเนี่ย 80-90% ของเวลาที่ใช้ไปในงานจับมือ ไม่ได้ใช้ไปกับการ"จับมือ"ครับ แต่เค้าใช้ไปกับการเข้าสังคมกับคนที่มีความชอบเหมือนกับเค้า นั้นก็คือตาม BNK เหมือนกัน ดังนั้นการเห็นเค้าไปทั้งวัน ไม่ได้แปลว่าเค้าเอาเงินไปซื้อบัตรจับมือหลายร้อยใบอะไรแบบนั้นนะ เค้าอาจจะไปอยู่กับเพื่อนทั้งวัน ทั้งๆที่ใช้บัตรแค่ใบเดียว เผลอๆไม่ได้ใช้สักใบก็ได้(โดยเฉพาะช่วยวัยรุ่นที่เพื่อนคือสิ่งสำคัญเนี่ย ผมคิดว่ายิ่งใช่) เพราะโดยส่วนตัวผมก็ไปทั้งวัน โดยที่ไม่ได้พกบัตรสักใบเหมือนกัน คุยกับเพื่อน เดินเทรดโซน เมื่อยๆก็เอาผ้ามาปู นั่งขายของ ได้เงินใช้อีก 555+
แสดงความคิดเห็น
น้องชายทำตัวแย่มาก ไม่เรียน จะเอาแต่BNK+แม่เราไม่สามารถสอนอะไรได้อีก แก้ปัญหายังไงดีคะ