ทริปนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวจังหวัดที่อยู่ใกล้กรุงเทพเพียงนิดเดียวแต่เป็นจังหวัดที่เราสามารถออกไปสูดอากาศสัมผัสหมอก ความเขียวขจีของ
ทุ่งหญ้าและภูเขา ที่รายล้อมจังหวัดที่อยู่
บรรยากาศเหมือนได้ขึ้นดอยทางภาคเหนือกันเลยทีเดียว และจังหวัดนั้นก็คือ...กาญจนบุรี
ซึ่งทริปนี้เราจะพาทุกท่านไปตะลอนเที่ยวกับ สถานที่ท่องเที่ยวภายใน7 อำเภอ ของจังหวัดกาญจนบุรี ได้แก่อ.ท่าม่วง,อ.เมือง,อ.บ่อพลอย,อ.ศรีสวัสดิ์,อ.ไทรโยค,อ.สังขละบุรี และอำเภอทองผาภูมิ
ภายในระยะเวลาเพียง 3 วัน แต่เที่ยวแบบจุใจโหดๆไปเลย
-DAY 1-
เราออกเดินทางจากกทม.กันตั้งแต่เช้าและอำเภอแรกที่เราจะไปกันก็คือ อำเภอท่าม่วง
ซึ่งเป็นที่ตั้งของมีนาคาเฟ่ จุดมุ่งหมายของเราสำหรับการท่องเที่ยวอำเภอนี้
มีนาคาเฟ่ เป็นคาเฟ่ที่สาย Café hopping ไม่ควรพลาดสำหรับมีนาคาเฟ่ ที่อยู่ท่ามกลางทุ่งนาสีเขียวอีกทั้งนอนจิบกาแฟบนเปลและมองวิววัดถ้ำเสือได้จากคาเฟ่นี้ เป็นคาเฟ่ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมีแลนด์มาร์ค คือสะพานไม้ที่ทอดยาวมุ่งตรงไปทางวัดถ้ำเสือมุมยอดฮิตที่ทุกคนต้องห้ามพลาดเมื่อมาที่นี่
ระหว่างทางไปมีนาคาเฟ่ backgroud เป็นถนนทอดยาวสู่วัดถ้ำเสือ
เห็นวัดถ้ำเสืออยู่ไกลๆนู้นแล้ว
ตอนเรามาถึงร้านเพิ่งเปิดเลยแต่คนมารอกันเยอะมากๆ พอร้านเปิดเราเลยอาศัยช่วงจังหวะที่คนเข้าไปสั่งกาแฟกันเดินไปถ่ายภาพที่สะพานไม้กันซะก่อน
ทุ่งข้าวเขียวชอุ่มรอบๆสะพานไม้
ปลายสะพานมีศาลาเล็กๆน่ารักๆให้เราได้นั่งถ่ายรูปคู่กับวัดถ้ำเสือกัน
ถ่ายรูปกันเสร็จแล้วเราไปหาอะไรรองท้องกันดีกว่า ที่มีนาคาเฟ่ไม่ได้มีแค่กาแฟแต่ยังมีอาหารขายอีกด้วยทั้งพิซซ่า ก๋วยเตี๋ยวอาหารตามสั่ง
เราสั่งข้าวผัดกระเพรามากินราคาจานละ 50 บาท
อิ่มท้องแล้วเราก็พร้อมออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปของเราคือ กาญจนบุรี ซาฟารี
ระหว่างทางที่ไปกาญจนบุรีซาฟารีเราใช้เส้นทางผ่านต้นจามจุรียักษ์ทะลุอำเภอเมืองไปยังอำเภอบ่อพลอยและเราก็ได้ผ่านไปเห็น
กองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 1กรมการสัตว์ทหารบก ที่ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี มีน้องม้าอยู่มากมายริมถนนกำลังกินหญ้ากันอยู่ เราเลยจอดรถข้างทางและเก็บภาพน่ารักๆมาฝากกัน
เราเดินทางต่อประมาณ 42 กิโลจนถึง กาญจนบุรีซาฟารี อำเภอบ่อพลอย ที่นี่เป็นสวนสัตว์ที่เราสามารถกอดคอยีราฟถ่ายรูปกันได้เลย ค่าเข้าคนละ 200 บาท เด็ก 100 บาท และอาหารชุดละ 100 บาททั้งนี้ยังสามารถเข้าไปด้านในด้วยการขับรถเข้าไปเองหรือไปกับรถของทางสวนสัตว์ก็ได้ทราบข้อมูลคร่าวๆกันแล้ว เราไปดูสัตว์ที่รอเราอยู่ด้านในกันเลยดีกว่า
ตัวแรกที่มาขออาหารเราเลยคือ เจ้าม้าลาย ยื่นหน้ามาขอซะใกล้เชียว
สัตว์โหดแต่แฝงความน่ารัก เจ้าสิงโต
ไม่ว่ารถคันไหนจะเข้ามาก็จะโดนสัตว์รุมขออาหารกันอย่างในภาพที่เห็นแต่น้องๆใจดีไม่ต้องกลัวกันนะ
มาถึงไฮไลท์ของเรากันละกับเจ้ายีราฟคอยาวที่โผล่หน้ามาทางหน้าต่างเพื่อมาขออาหาร
น้องน่ารักมากถึงมากที่สุด
สำหรับใครที่ต้องการจะใกล้ชิดกับสัตว์ต่างๆแนะนำที่นี่เลยต้องมาให้ได้ พนักงานก็ดูแลดีมาก อัธยาศัยดีไม่เหมือนบางสวนสัตว์ที่ค่อนข้างจะทรุดโทรมไปเยอะแล้ว
ดูสัตว์กันได้แปปเดียวด้วยความที่เราค่อนข้างจะทำเวลากันมากเลยรีบมุ่งหน้าไปต่อยังอำเภอศรีสวัสดิ์ แต่ด้วยการที่เราไปเที่ยวช่วงหน้าฝนบางช่วงฝนก็ไม่เป็นใจก็ต้องทำใจกันไปแต่ถึงแม้ฝนจะตกแต่เราก็ยังไม่ย่อท้อลุยกันต่อเลย ที่ อำเภอศรีสวัสดิ์ที่แรกเลยเราไปกันที่.....เขื่อนศรีนครินทร์
ระหว่างทางที่เราจะไปเขื่อนนั้นฝนค่อนข้างที่จะตกหนักแต่พอเรามาถึงทางเข้าเขื่อนฝนดันหยุดซะงั้น เราเลยมุ่งหน้าขึ้นไปยังสันเขื่อนเพื่อถ่ายรูปด้านบนกันก่อนฝนจะเทลงมาอีกครั้ง
ฝนตั้งเค้ามาอีกแล้ว
หากใครเคยไปเขื่อนรัชประภาหรือกุ้ยหลินเมืองไทย ที่จ.สุราษฎร์ธานีบริเวณสันเขื่อนของทั้ง 2ที่นี่สวยๆพอกันเลย บรรยากาศเป็นน้ำโอบล้อมไปด้วยภูเขาตัดกับท้องฟ้า สวยงามที่สุด
ถ่ายรูปกันได้แค่แปปเดียวฝนก็ตกลงมาเบาๆอีกแล้วความตั้งใจของเราที่จะไปน้ำตกเอราวัณที่อยู่ห่างจากที่นี่ไปเพียง 8 กิโล เป็น
อันต้องยกเลิกไปแต่เราก็ไม่ท้อถอยลงจากสันเขื่อนมา มุ่งตรงไปยังแพขนานยนต์เพื่อข้ามฝากไปต่อแพอีกที่นึง สู่จุดหมายของเราคือ น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
ทางไปแพขนานยนต์ให้ขับมาทางป้ายที่เขียนว่า
ไปอำเภอศรีสวัสดิ์เรื่อยๆ เมื่อใกล้ถึงแพจะมีป้ายบอกอยู่ แต่ทางตั้งแต่เขื่อนมาแพเป็นทางขึ้นเขาลงเขาสลับกันไปให้ขับรถด้วยความระมัดระวังกันด้วยเด้อ
และนั่นคือแพขนานยนต์ที่เราจะนำรถของเราขึ้นแพข้ามฟากไปค่ารถขึ้นแพคันละ 60 บาท(รวมทั้งคนและทั้งรถแล้ว
นำรถลงแพแบบนี้ใครที่ไม่นำรถลงแพก็สามารถขับรถไปอำเภอศรีสวัสดิ์ได้เหมือนกันแต่ทางค่อนข้างจะขึ้นเขาลงเขาคดเคี้ยววกไปวนมา จะทำให้เสียเวลามากแต่หากนำรถลงแพมาข้ามไปใช้เวลาแค่ประมาณ 15นาทีก็ถึงฟังนู้นแล้ว
เมื่อเราข้ามมาถึงฝั่งอำเภอศรีสวัสดิ์มาแล้วให้ขับมุ่งหน้าไปทางน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นเพื่อไปขึ้นแพอีกลำระยะทางประมาณ 20 กิโล
บรรยากาศอำเภอนี้ค่อนข้างจะเงียบเหงาไม่ค่อยมีร้านค้า ถนนเป็นถนนสองเลนขับสวนกัน แต่ตอนเราไปแทบจะไม่มีรถขับสวนกันเลยไม่ต้องพูดถึงปั๊มน้ำมันมีแต่ปั๊มหลอดให้เราได้เห็นกันอยู่เป็นบางช่วง ส่วนสัญญาณโทรศัพท์ก็มีเป็นช่วงๆแต่ถึงอย่างนั้นอย่างนี้ก็เถอะ สำหรับเราศรีสวัสดิ์ไม่ได้เป็นอำเภอที่เลวร้ายเลยเหมาะสำหรับคนที่ต้องการมาพักผ่อนจริงๆ เงียบสงบไร้มลพิษทางเสียงได้สัมผัสธรรมชาติเต็มๆเลยในการมาที่นี่ทั้งภูเขา ทุ่งหญ้า และแหล่งน้ำจากเขื่อนอีกทั้งยังวิวสวยมากแต่อาจจะเงียบเหงาไปหน่อยเท่านั้นเอง
บรรยายกันมาพอสังเขปแล้วสำหรับอำเภอนี้ไปลงแพต่อกันเพื่อข้ามไปยังน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
ระหว่างการรอแพข้ามไปยังน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ท่านี้จะรอแพนานหน่อยเกือบชั่วโมง เพราะมีแพแค่ลำเดียวเนื่องจากคนมาน้อย
แพนี้ใช้เวลาเดินทางนานหน่อยประมาณ 45 นาที-1ชั่วโมง ค่าโดยสารรถยนต์คันละ 200 บาท
พอมาถึงน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นแล้วก็ซื้อบัตรเข้าได้ที่ ที่ทำการอุทยาน ห้วยแม่ขมิ้นมีทั้งหมด 7 ชั้นทางอุทยานฯได้ทำเส้นทางเดินสำหรับขึ้นไปชมน้ำตกแต่ละชั้นและยังเป็นเส้นทางเดินศึกษา ธรรมชาติเป็นน้ำตกที่สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี
ที่นี่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ต้นไม้ต่างๆยังคงอุดมสมบูรณ์ น้ำตกยังคงสภาพงดงามอย่างยิ่ง
ทัศนียภาพสวยงามมากสำหรับน้ำตกแห่งนี้
เป็นน้ำตกที่น้ำใส คนน้อยเหมาะแก่การนอนเล่นแช่น้ำพักผ่อนสบายๆจริงๆ
อีกสักรูปกับความฟิน
เล่นน้ำกันได้สักพักฝนฟ้ามีทีท่าจะตั้งเค้ามาอีกแล้วเราเลยตัดสินใจขึ้นจากน้ำแล้วเดินกลับกันก่อนฝนจะมาดีกว่า
ระหว่างทางที่เดินออกมาก็มีต้นไม้ใหญ่ที่เราสามารถเข้าไปอยู่ข้างในกันได้เลย
สำหรับน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นเราเก็บรูปมาฝากกันเพียงเล็กน้อยเพราะฝนก็จะตก แล้วก็ใกล้จะช่วงเย็นแล้วเราเลยต้องรีบขึ้นแพไปฝั่งอำเภอศรีสวัสดิ์และขึ้นอีกแพไปฝั่งเขื่อนศรีนครินทร์เพื่อเดินทางกลับกันก่อนฝนจะมา เลยต้องทำเวลากันสักหน่อย
ครึ้มมานู้นแล้วแต่บรรยากาศสวยเกินจะบรรยายให้ภาพบรรยายความสวยแทนละกัน
บรรยากาศแบบนี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้งีบสักงีบ ;)
พอเรามาถึงฝั่งเขื่อนศรีนครินทร์แล้วก็เป็นช่วงใกล้ค่ำเราเลยหาที่พักกันบริเวณก่อนจะถึงทางเข้าเขื่อนเราไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะฝนตกหนัก
บวกกับเที่ยวมาทั้งวันเหนื่อยมากเลยขอตัวเข้าห้องพักผ่อนกันก่อน ลุยกันต่อพรุ่งนี้มุ่งหน้าสู่ สังขละบุรี กันเลย
เดี๋ยวมาต่อการเดินทางวันที่ 2 กันในคอมเม้นด้านล่างกันดีกว่า
[CR] +++ ตะลอนเที่ยว 3 วัน 7 อำเภอ รอบกาญจนบุรี แถมเมืองชายแดนประเทศพม่า +++
ภายในระยะเวลาเพียง 3 วัน แต่เที่ยวแบบจุใจโหดๆไปเลย
อันต้องยกเลิกไปแต่เราก็ไม่ท้อถอยลงจากสันเขื่อนมา มุ่งตรงไปยังแพขนานยนต์เพื่อข้ามฝากไปต่อแพอีกที่นึง สู่จุดหมายของเราคือ น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
ไปอำเภอศรีสวัสดิ์เรื่อยๆ เมื่อใกล้ถึงแพจะมีป้ายบอกอยู่ แต่ทางตั้งแต่เขื่อนมาแพเป็นทางขึ้นเขาลงเขาสลับกันไปให้ขับรถด้วยความระมัดระวังกันด้วยเด้อ
บรรยากาศอำเภอนี้ค่อนข้างจะเงียบเหงาไม่ค่อยมีร้านค้า ถนนเป็นถนนสองเลนขับสวนกัน แต่ตอนเราไปแทบจะไม่มีรถขับสวนกันเลยไม่ต้องพูดถึงปั๊มน้ำมันมีแต่ปั๊มหลอดให้เราได้เห็นกันอยู่เป็นบางช่วง ส่วนสัญญาณโทรศัพท์ก็มีเป็นช่วงๆแต่ถึงอย่างนั้นอย่างนี้ก็เถอะ สำหรับเราศรีสวัสดิ์ไม่ได้เป็นอำเภอที่เลวร้ายเลยเหมาะสำหรับคนที่ต้องการมาพักผ่อนจริงๆ เงียบสงบไร้มลพิษทางเสียงได้สัมผัสธรรมชาติเต็มๆเลยในการมาที่นี่ทั้งภูเขา ทุ่งหญ้า และแหล่งน้ำจากเขื่อนอีกทั้งยังวิวสวยมากแต่อาจจะเงียบเหงาไปหน่อยเท่านั้นเอง
บวกกับเที่ยวมาทั้งวันเหนื่อยมากเลยขอตัวเข้าห้องพักผ่อนกันก่อน ลุยกันต่อพรุ่งนี้มุ่งหน้าสู่ สังขละบุรี กันเลย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้