ทริปนี้ผมได้มีโอกาส ไปพักผ่อนที่โรงแรมเคมปินสกี้ปักกิ่ง

เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน ซึ่งได้เข้าพักห้อง Executive Deluxe Room

อยู่ตั้งแต่ชั้น 12-16 และห้องนี้มาพร้อม club benefits

จึงมีสิทธิ์เข้าใช้บริการคลับเลาจน์ที่อยู่บนชั้น 15 ได้ตลอดการเข้าพัก

ห้องพักและบริการจะเป็นเช่นไรตามมาชมกันครับ

โรงแรมเป็น Complex ขนาดใหญ่มีทั้งโซน Residence อยู่แบบรายเดือน

และอีกฝั่งนึงก็จะเป็นห้างสรรพสินค้ามีห้องจัดประชุมและห้องพักมากกว่า 500 ห้อง

โดยที่นี่ไปโรงแรมเคมปินสกี้แห่งแรกของเมืองปักกิ่ง มีอายุมาเกือบ  30 ปีแล้วครับ

แต่โชคดีเพราะเขาเพิ่ง Renovate เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาทำให้สภาพห้องและ interior ยังคงใหม่ทันสมัย

 ห้องพักมีขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก
โดยผมได้พักห้องที่อยู่บนชั้น 15 เห็นวิวของ ด้านที่เป็นสวนสาธารณะและตึก
มาถึงประมาณช่วงบ่ายโมง ก็ขึ้นไปเช็คอินที่ชั้น 15

จะได้เจอกับ Lady in Red ซึ่งบริการได้ดีมากๆสมกับเป็น signature ของ kempinski

โดยเธอได้จัดเตรียม
เค้กวันเกิดและ Backdrop Happy Birthday

น่ารักมากๆครับ ก็ยังมีแชมเปญให้อีก 1 ขวดด้วย

สำหรับห้องพักผมว่าดูแว่บแรกอาจจะธรรมดา

เหมือนโรงแรม 5 ดาวทั่วไป

แต่ทุกขั้นตอนมันแฝงไปด้วยรายละเอียด
ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำที่เป็นกระจกกั้น
ที่นี่ก็จะมีกระจกตัดแสงสามารถกดให้ฝ้ามัว
คนนอกมองไม่เห็นได้เพียงปุ่มเดียวไม่ต้องใช้ม่านไฟฟ้า

หรือแบบรูดขึ้นลงเหมือนหลายๆที่ในประเทศไทย

และสิทธิพิเศษของห้องคลับก็คือมินิบาร์หลายๆไอเทมที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์
สามารถดื่มได้ฟรีและมีการเติมให้ทุกวันนะครับ

ส่วนอเมนนิตี้ที่ให้ในห้องน้ำถือว่าดีมากครับ หอมและเป็นแบรนด์พรีเมี่ยม Rituals จาก Netherlands

ผมชอบเลย์เอ้าท์ในห้องน้ำครับที่วางอ่างแช่น้ำโซนเดียวกับฝักบัว

อยู่ในห้องเดียวกันเป็นห้องใหญ่ไปเลย อาบน้ำได้สบาย ฝักบัวก็น้ำแรงดีทั้งสองตัวเลยทีเดียวครับ

สำหรับการเดินทางมาก็สะดวกมากๆนั่ง Airport Express
จากสนามบินมาลงป้ายแรกและต่อรถไฟใต้ดิน 10 ไปอีกเพียงป้ายเดียว

ใช้ทางออก C โผล่ขึ้นมาก็เจอห้างสรรพสินค้าที่เป็นส่วนหนึ่งของโรงแรมเลยครับ
แต่การเดินทางโดยรถไฟอาจจะไม่สะดวกถ้าฝนตกเพราะมันมีถนนกั้น
และไม่ได้โผล่ขึ้นมาในห้างเหมือนหลายๆที่
และอีกส่วนหนึ่งก็คือสถานีนี้ไม่มีลิฟท์โดยสาร
ถ้ามีกระเป๋าเยอะหรือกระเป๋าหนักอาจจะลำบากช่วงขากลับ

เพราะมีแต่บันไดเลื่อนขึ้นออกมาจากสถานีไม่มีบันไดเลื่อนลงครับ

สำหรับตัว Club Lounge

ถือว่าดีครับขนาดกลางๆไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก
เรื่องเมนูเครื่องดื่มถือว่ามีให้เลือกมากและมีคุณภาพ
ไวน์เบียร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ มีให้เลือกหลากหลายมากครับ

แต่ที่ผมว่าคือเป็นจุดเด่นก็คือมื้อเย็น

เพราะที่นี่ไม่มีแต่ของทานเล่น คานาเป้เท่านั้น

ยังมีเมนูมื้อเย็นให้ด้วย

สามารถเลือกทานได้กันตามใจชอบเลยครับ

แต่ที่แปลกคือวันแรกผมกลับไม่ได้เมนูนี้ไม่แน่ใจว่าโรงแรมมีบริการเฉพาะวันหรือเปล่า
และที่นี่ไม่มี Afternoon Tea นะครับแต่แขกที่เข้าพักสามารถ
สั่งเครื่องดื่มและของทานเล่นได้ตลอดเวลา

ถ้าจะมีติก็ตรงที่ไม่มีพนักงานชงคอกเทลให้นี่ล่ะครับ

เพราะผมชงเองก็ไม่ค่อยจะอร่อย

เลยดื่มเบียร์และจิบไวน์แทน น่าเสียดายๆ

มื้อเช้าสามารถทานที่คลับเลาจน์หรือจะลงไปทานที่ชั้น 1
ก็ได้ซึ่งตัวผมเลือกไปทานที่ชั้นล่างเพราะ อยากลองและชอบ Buffet Breakfast
ที่มีไลน์อาหารให้เลือกมากกว่า

ซึ่งระดับเคมปินสกี้ก็เสิร์ฟอาหารมีคุณภาพทุกแห่งอยู่แล้ว

ฟาซิลิตี้และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ผมได้มีโอกาสทดลองใช้ก็คือ

สระว่ายน้ำที่อยู่บนชั้น 18

ไม่ได้ลงว่ายน้ำแต่ทราบมาว่าเป็นสารที่ปรับอุณหภูมิได้

แล้วยังเป็น Indoor Pool ด้วยนะครับ

ถ่ายรูปเพลินเลย
แต่ช่วงที่ไปเขาทำการซ่อมแซมลิฟท์โดยสาร

ทำให้ต้องขึ้นบันไดจากชั้น 16 ไปถึงชั้น 18 เอง โดยใช้ทางหนีไฟ

ส่วนชั้นใต้ดินยังมีฟิตเนสเปิดให้บริการด้วยแต่ผมไม่ได้มีโอกาสแวะเข้าไป
ส่วนอื่นๆก็คือโถงล็อบบี้ซึ่งสวยมากรับรองว่าใครมาก็ต้องเก็บรูปกลับไป

และโซนบริเวณชั้นล่างยังมีร้านอาหารอีก 7 ร้านอาหาร

และจะมีการจัดแสดงศิลปะตามมุมต่างๆเหมือนกับเดินแกลลอรี่หรือพิพิธภัณฑ์ศิลปะยาวๆเลยทีเดียวครับ

สรุปนี่ก็เป็นอีกทริปพักผ่อนกับโรงแรมเคมปินสกี้ที่ประทับใจมากๆครับ

ถือว่าเป็นโรงแรมที่ "ครบ" ทั้งคุณภาพและบริการ

ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวปักกิ่ง ที่นี่ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียวครับ

ฝากติดตามด้วยนะครับ

ขอบคุณที่อ่านรีวิวนะครับ