[CR] โรงเรียนอินเตอร์ ย่านลาดพร้าว และ ประชาอุทิศ

สวัสดีคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน กระทู้นี้คิดจะเขียนนานแล้วแต่ไม่มีเวลา เรื่องโรงเรียนของลูก เพราะมีคนถามมาเยอะ
เริ่มเลยไม่เสียเวลาค่ะ และนี่คือประสบการณ์ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ อาจจะไม่เกิดกับคนอื่น แชร์ให้มาเป็นข้อคิดเพราะเรารู้ว่าการเลือกโรงเรียนให้ลูกนั้น มันสำคัญและยากที่สุด โดยเฉพาะการลงทุนในโรงเรียนอินเตอร์

ตอนที่ลูกอายุ 2 ขวบครึ่ง เราพาลูกเข้าโรงเรียน prep montessori ซึ่งจริงๆเค้าดังอยู่ในย่านสุทธิสาร แต่ตอนนั้นมีเปิดใหม่ที่ย่านลาดพร้าวตัดเอกมัย-รามอินทรา เจ้าของโรงเรียนส่งลูกเรียน แล้วชอบวิธีการเรียนการสอนเลยซื้อหลักสูตรวิธีการสอนแล้วจัดตั้งโรงเรียนขึ้นที่ ลาดพร้าว 88 อันนี้ตามที่เราเข้าใจและสอบถามมา จากที่เราไปดูโรงเรียนในพื้นที่ๆพอจะส่งลูกได้ เราชอบที่นี่มากที่สุด อันดับแรกคือสะอาดมากๆ เจ้าของโรงเรียนคงรักสะอาดสุดๆ และ facility ทุกอย่างก็ทำมาเพื่อเด็ก ห้องน้ำ ขั้นบันได พื้น ที่ล้างมือ คือเพื่อรองรับเด็กอนุบาล (เค้ามี nursery - K3) อันดับสองคือวิธีการสอน เราอยากให้ลูกรู้อย่างเป็นธรรมชาติจากการเล่น ดังนั้น montessori ตอบโจทย์มาก อันดับสุดท้าย ซึ่งอาจจะไม่ได้เหมาะกับพ่อแม่หลายคนอันนี้ขอโทษด้วยนะคะ คือราคา ราคาที่นี่ 2 เทอมไม่เกินสองแสนห้า ตอนเราเข้านะคะ คือสำหรับโรงเรียนอินเตอร์ที่มี facility ดีขนาดนี้ครูก็ใช้ได้เลย เราก็ถือว่าเราจ่ายคุ้ม 
ลูกเริ่มเรียนเทอม 2 ของ nursery ลูกเกิด ปลาย กค เราเลยไม่อยากให้ไปไวเกิน แต่หมอก็แนะนำให้ 3 ขวบนะคะ แต่เราไม่อยากพลาด เพราะว่าเรารู้สึกว่า เค้าจะไปได้อีก ฉลาดคิดได้อีก ถ้าไปโรงเรียน (ก่อนไปเป็น RSV ดีที่หายทัน) เข้าโรงเรียนปุ๊บ ร้องไห้อยู่ เกือบ 2 อาทิตย์ไม่เกิน จากนั้นอยากไปโรงเรียนคืออะไร คือขู่ได้ว่า ถ้าดื้อแม่จะไม่ไปส่งโรงเรียน มีครั้งนึงตอน K1 รถติดมากกกกก คือแม่ไม่ไหวละ มันทำรถไฟฟ้าใหม่ๆ ไม่ไหวละเรากลับกันเถอะ ฮีบอก no i wanna gooooo schoolll!!!  อันนี้ก็คงแล้วแต่เด็กเนอะค่ะ เราเองขอชื่นชมความสะอาดอย่างคงเส้นคงวาของโรงเรียน และเนื่องจากเป็นโรงเรียนที่ไม่ใหญ่มาก คุณครู รู้จักนักเรียนเป็นอย่างดี แม่สามารถติดต่อได้อย่างสะดวกมาก ถ้าเรื่องทั่วไปก็ผ่านคุณครูแต๋วซึ่งดูแล welfare ของเด็กๆได้ดีมากๆต้องชื่นชม และเมื่อมีอุบัติเหตุที่จำเป็น เช่นวันนึงลูกอยู่ๆตาแดง ครูก็โทรหาทันที เพราะอยากให้เรามารับ และแยกไว้ไม่ให้ติดคนอื่น ซึ่งเราว่าดี แสดงว่าเอาใจใส่ หรือเมื่อเล็กๆตอน nursery จะมีสมุดให้เขียนหาครูได้ทุกวันไป-กลับ และเมื่อโตขึ้นทุกสิ้นอาทิตย์ก็ส่ง email พร้อมบอกว่าอาทิตย์นี้เรียนอะไรและแนบภาพมาให้ เวลามีงานก็จะมีรูปขึ้นบน facebook ซึ่งก็ขอ consent กันไว้แต่แรกแล้ว ชอบมาก เหมือนได้เห็นลูกว่าเค้าทำอะไร
ข้อเสียหรือว่าจะไม่ใช่ข้อเสียก็ได้คือ อันนี้ต้องแล้วแต่ความคิดของพ่อแม่ คือ โรงเรียนมีถึงแค่ K3 ดังนั้น พอลูกเราโต เราก็ต้องตามหาโรงเรียนต่อไปค่ะ ทีนี้พอลูกเรียนถึง K2 และลูกต้องหาที่เรียน เราดูหลายที่มาก กับเพื่อนลูกที่เป็นสิงคโปร์และจีน เนื่องจากลูกเราดันไม่ค่อยพูดไทย พูดแต่ภาษาอังกฤษ เอาจริงๆดันอัดฉีดกันดี รร ก็มีแต่ครูฝรั่ง ดูการ์ตูนอังกฤษ เพื่อนพูดอังกฤษ พ่อแม่ก็ดันพูดกะเค้าด้วย เค้าเลยไม่พูดไทย และก็ขี้อายพูดน้อยมากกับคนอื่นๆ ดังนั้นไปสอบสัมภาษณ์เรอะ อย่าหวัง เราก็หาโรงเรียนหลายที่มากๆ ไป visit โรงเรียนกันเยอะ ย่านลาดพร้าว เรียบด่วน รามอินทรา เหม่งจ๋าย-ประชาอุทิศ ที่เลือกออกจากโรงเรียนตั้งแต่ K2 คือ 1 เพราะเราเลือกว่าจะให้เค้าเข้าระบบเรียนแบบอังกฤษ ไม่ใช่แบบ american ไม่ดีนะ แต่ระบบใหม่ๆ การเรียนเป็น role base นั้น เรากะแฟนไม่เข้าใจการ assess ลูก ซึ่งจริงๆอาจจะไม่จำเป็นก็ได้ แต่เราไม่เข้าใจกระบวนการของหลักสูตร แต่เข้าใจเป้าหมายนะ นั่นเป็นเหตุผลข้อที่ 1 เหตุผลข้อที่ 2 คือ พอเป็น montessori มันเหมือนจากนี้เค้าต้องไปต่อ เหมือนเค้าจะทำได้อีก เค้าต้องเรียน ระบบอังกฤษเด็กๆเริ่มประสมคำได้ รู้สึกว่าลูกต้องเข้าหนทาง academic ขึ้นมาอีกละ เค้าแลดูพร้อม
หลังจากเลือกอยู่นาน พ่อแม่เพื่อนก็เบี้ยว ไปอยู่โรงเรียนดังย่านดอนเมือง ซึ่งพวกนางๆก็ย้ายบ้านไปใกล้เลย แบบเดินไปส่งได้ นะ สำหรับเราๆย้ายไม่ได้ เราไปไม่ได้ส่งไม่ไหว มันนอกเมืองไปๆทำงานต่อไม่ได้และราคาก็โหดมากสำหรับเรา
เราเลือกโรงเรียนดัง ทีแรกเราไม่รู้ว่าเค้าดัง ก็ไปคุย ลองเรียน 1 วัน ซึ่งตอนไปเรียน 1 วันไม่ work เลย เหมือนไม่ได้เตรียมตัวอะไร ไม่ได้บอกลูกด้วย เค้าก็ไม่บอกเราว่าจะเอาลูกเราเรียน 1 วัน เราว่าฝ่าย admin ช่วงเราไปคุยเค้า understaff ถามไป ส่ง email ก็ใช้เวลา 2-3 วันกว่าจะตอบ เราเคยต้องเขียนไป followup เค้าก็ขอโทษมา เราไม่ได้โกรธนะ เราคิดว่าเพราะโรงเรียนใหญ่ก็เป็นแบบนี้แหละ เค้าก็ไม่ได้ว่างมาก วันแรกที่ไปลองเรียนเลยออกมาร้องไห้ และลูกหลอนมาก กลัวว่าตัวเองต้องย้าย ถามทุกวันว่าจะไปโรงเรียนไหน my school or new big boy school ทุกเช้า เราเองก็กลัวไม่มีที่ด้วย ถามว่าไปได้ไม๊ รู้เรื่องไม๊ ตอนลองเรียนครูเค้าก็บอกว่ารู้เรื่องดี แต่อาย กลัวมากๆ ใช่สิคะ พี่ไม่บอกเราเลยว่าต้องให้ลูกเราอยู่ 1 วัน พี่ assume ว่าเรารู้ แต่ทั้งนี้ช่วงที่ก่อนจะไป เราเลยเข้าไปปรึกษาโรงเรียนอีกครั้ง ทั้งๆที่งานยุ่งมากแต่เรื่องนี้มันสำคัญเกินกว่าจะปล่อยผ่าน และยอมให้เค้าว่าได้ว่า picky เลยไปคุย เค้าเลยเชิญครูที่เป็นหัวหน้า early year และครูอีกท่านที่เหมือนเป็นรอง มาคุยกับเรา เราก็ปรึกษา ครู 2 ท่านก็ดีมาก ค่อยๆอธิบาย และสัญญาว่าจะเลือกครูประจำชั้นพี่เหมาะสมให้เพื่อให้ลูกปรับตัว หลังจากนั้นเราก็สบายใจขึ้น เหตุผลที่เลือกโรงเรียน นี้เพราะว่าเราคงจะเข้าใจวิธีการสอนแบบ british curriculum ของเค้า เหตุผลที่ 2 เราชอบความตั้งใจของเจ้าของโรงเรียนมาก ที่อยากให้เด็กรักที่จะมาโรงเรียน และความตั้งใจให้เกิด bully-free ในโรงเรียน เหตุผลสุดท้ายคือไม่ไกลเกินว่าจะรับส่งบ้าน 
เริ่มโรงเรียนใหม่ ร้องไห้อยู่ 4 วัน เพราะต้องปรับตัวเยอะ และไปเรียนเทอมสุดท้ายของเค้าในชั้น reception โรงเรียนนี้ก็ต่างออกไป โรงเรียนเดิมลูกจะเล่นจนดำในสนาม กว่าจะลากกลับบ้านได้ โรงเรียนนี้เลิกเรียนเค้าก็เก็บเด็กไว้ไม่ให้ออกไปเล่น เค้าว่ามันร้อน แล้วก็ไปรับด้านใน เด็กเค้าคงเยอะ เค้าคงอยากดูให้ทั่วถึง กับข้าว ก็เข้า line buffet ตักเลือกกินเอง แต่ก็มีครูดูแลใกล้ชิด เข้าไปครบ 3 อาทิตย์ครูก็เรียกไปคุยกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง ต้องเพิ่มเติมอะไรไม๊ เพราะไม่ได้เรียน phonic มา ปรากฎว่าลูกก็ทำได้ดี เค้าไม่มีปัญหาเรื่องภาษาอยู่แล้ว ช้าแต่เรื่องของ phonic ที่นี่เค้าเรียนเข้มขึ้น ระเบียบในห้องเรียนตั้งแต่เริ่มเข้าห้อง และคุณครูก็คือคุณครู ไม่ใช่อารมณ์เพื่อนครูเหมือนที่เดิม ลูกต้องปรับตัว แรกๆลูกติดครูมาก หลังๆมีเพื่อนก็เล่นกับเพื่อน เค้าลูกคนเดียวดังนั้นเค้าชอบไปโรงเรียนอยู่แล้ว เค้าชอบไปเจอเพื่อน พอเข้าไปแล้วรู้ว่า routine ลูกก็มีความสุขขึ้น พอเค้ามีความสุข เราก็รู้สึกว่าเค้าโตขึ้น พูดเก่งขึ้น และเริ่มอ่านแบบ phonic ได้ ครูว่าตั้งใจเรียนใช้ได้ และเข้ากับเพื่อนได้ ซึ่งก็ดี เพราะที่นี่เรียนด้วยกันจนไปถึง Year 6 ถึงจะแยกห้อง
โดยสรุปแล้ว โรงเรียนดีทั้ง 2 ที่ในส่วนของเด็กเล็ก แต่ prep facility ดีกว่าสำหรับเด็กเล็กๆ และสะอาดมาก คือมากกว่ามาตรฐาน ที่ใหม่ไม่ใช่ว่าไม่สะอาด มันก็สะอาดเหมือนโรงเรียนทั่วๆไป แต่ไม่กริ๊บเหมือน prep ครูพยาบาลก็จะมาวัดไข้เฉพาะช่วงมีโรคระบาดเท่านั้น ไม่ใช้เช็ควัดกันทุกคนทุกวันเหมือนที่ prep เราเลยคิดว่าเราคิดถูกที่ให้ลูกเรียนที่ prep ก่อนจะเข้าที่นี่ ซึ่งราคาสูงกว่ามาก และเป็นโรงเรียนใหญ่ 
ส่วนในเรื่องของ academic เรารู้สึกว่าที่ใหม่ดีมากๆ แต่ก็น่าแหละ ถ้าลูกเราเล็กแล้วเอาความรู้มาไม่ได้มันก็ไม่จำเป็น แต่พอลูกเราโตขึ้น เราย้ายมา รู้สึกว่า ที่นี่ให้การศึกษาที่เป็นระบบขึ้น ลูกก็รับได้ เลยพัฒนาได้ดี (สมค่าเรียนหน่อยลูก) 
สำหรับที่ใหม่เรากำลังปรับตัว เพราะเป็นโรงเรียนใหญ่ หลายๆอย่างเราไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่สำหรับลูกเค้าปรับตัวได้ ที่นี่กิจกรรมเยอะ มีเรียนว่ายน้ำในโรงเรียน มีเรียนเทนนิส มีโรงเรียนดนตรีในบริเวณโรงเรียน ซึ่งครูสอนก็สอนพิเศษเค้าก็สอนได้จริงจังมาก น่ารัก เคยไปแอบดู แล้วคุณภาพของครูของโรงเรียนต้องยกให้ ครูดีมีคุณภาพมากๆ ตอนนี้ก็จบจะขึ้น Year 1 เราก็รีบจ่ายเงินเลย เค้ามีการ transfer กันระหว่างครู ซึ่งครูก็ส่งไม้ต่อกันอย่างจริงจัง รู้จุดดีจุดอ่อนของเด็กแต่ละคน พอเราไปพบคุณครู Year 1 ของลูก เราก็ชอบมา จำนวนเด็กก็มี 14 คน ซึ่งก็อาจจะมีเด็กใหม่อีกซักคน ทำให้จำนวนครูและครูผู้ช่วยเหมาะสม เสียอย่างเดียวเค้าคงไม่ค่อยส่งรูปลูกเราในห้องเรียนหรือกิจกรรมซักเท่าไหร่ เพราะโตแล้ว พ่อแม่บอกว่า โรงเรียนใหญ่ก็เป็นแบบนี้แหละ จะให้ทำเรื่องหยุมหยิมเหมือนโรงเรียนเล็กๆไม่ได้ ก็น่าสินะ ก็ดีคนละแบบ
สรุปสั้น สำหรับพ่อแม่ที่มองหาโรงเรียนอินเตอร์สำหรับเด็กเล็ก เราเชียร์โรงเรียนเพรพลาดพร้าวนะคะ เราคิดว่าเด็กเล็กๆ โรงเรียนต้องเป็นโรงเรียน และต้องสะอาดระดับนี้ แถมครูเอาใจใส่มากและเข้าถึงง่าย เหมาะกับพวกที่มีลูกคนเดียวแล้วอยากรู้ว่าเค้าทำอะไร เพราะไม่มีเวลารับส่ง มีทั้ง email แบบรายสัปดาห์และ สมุดแบบรายวัน ชอบมาก โรงเรียนเล็ก และ facility ทำมาเพื่อเป็นโรงเรียนเด็กเล็กจริงๆ
ส่วนอีกที่นั้น ถ้าอยาก save เงินก็มาเริ่มตอน Y1 เลยก็ได้นะคะ ถ้าเค้ายังมีที่อยู่ โรงเรียนเค้าดีแบบ academic ค่ะ มีการเรียนการสอนเป็นระบบระเบียบ แต่ก็เป็นโรงเรียนใหญ่ค่ะ เด็กๆต้องเข้าใจและปรับตัว ดูแลตัวเอง ส่วนตัวชอบคุณภาพของคุณครูที่สุด ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับราคาแพงกว่า prep montessori แน่ๆ เรียน 3 เทอม แต่ก็ไม่ใช่ว่าแพงกว่า เท่านึง นะคะ ไม่ได้เก็บอะไรหยุมหยิมด้วย ถ้าเทียบกับเพื่อนลูกที่ย้ายไป รร ย่านดอนเมือง แรกเข้าก็แพงกว่า และค่าเทอม Y1 แพงกว่า ลูกเราแค่ 2 ใน 3 ของเค้า ความดีของ รร นี้คือเจ้าของ รร บอกว่ามีการ update ให้หลักสูตร ตรงกับหลักสูตรของอังกฤษตลอด มีการปรับปรุงหลักสูตร และเพิ่มภาษาไทยจีนเข้าไปอย่างเหมาะสม เพื่อนเราที่สิงคโปร์ก็บอกว่า รร นี้ดีนะ แต่พ่อเค้าอยากให้ไปที่ รร ตรงดอนเมืองเพราะที่นั่นเป็นโรงเรียนที่มี alumni ทั่วโลก นั่นก็เป็นอีกเหตุผลดีๆข้อนึงถ้าคุณมีเงินมากพอ แน่นอนก็คงต้องดีกว่าเรื่อง connection ของเค้า สำหรับเราเท่านี้คือดีที่สุดที่เราส่งได้แล้ว 
ถ้าเพื่อนผู้ปกครองมีข้อสงสัยถามมาหลังไมค์ได้นะคะ แต่อาจจะตอบช้านิดหน่อย คือไม่ได้เขียนตลอดเพราะค่อนข้างยุ่ง แต่ตั้งใจแบ่งปันความคิดเห็นเพราะมีหลายๆคนที่ไม่ค่อยได้คุยกันนานแล้ว ยังโทรหา ไม่ก็ messsage มาถามเรื่องโรงเรียนเยอะเลยค่ะ
ขอให้โชคดีนะคะ โรงเรียนลูก ค่อยๆเลือกค่ะ ดูหลายๆปัจจัยค่ะ สู้ๆ พ่อแม่ทุกท่าน
ชื่อสินค้า:   โรงเรียนอินเตอร์ในกรุงเทพ
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่