ตอนที่ 1 #สมบัตินอกกายหาเมื่อไหร่ก็ได้
เรื่องราวของเราเริ่มจาก เราและสามีต้องการสร้างอนาคตด้วยกัน เพราะเราก็อยู่ด้วยกันมาเป็นปีๆแล้วแระ
และอยากมีรถไว้สำหรับไหน มาไหน และเพื่อความสะดวกสบายอ่ะเนาะ
แต่เรา เป็นติดแบล็คลิสอยู่ค่ะ เลยไม่สามารถเช่าซื้อรถเป็นชื่อตัวเองได้ จึงใช้ชื่อสามีในการเช่าซื้อ และใช้ตัวเองเป็นคนค้ำประกัน
ส่วนเงินดาวน์รถ ก็เป็นเงินก้อนที่เรา เล่นแชร์เก็บไว้ ตอนนั้นก่อนที่จะออกรถยนต์ ก็มีคนทักแล้วว่า เอาจริงหรอ! ไว้ใจกันแล้วใช่ไหม
เราก็แบบ ไว้ใจได้ (ในใจก็แอบหวั่นๆ) อ่ะ เรื่องการเช่าซื้อรถผ่านไปด้วยดี ได้รถมาใช้ มาขับ
เราตกลงกับสามีว่า ให้สามีเป็นคนผ่อนรถนะ เดี๋ยวเราออกค่าใช้จ่ายในบ้านเอง
ต่อมาเรา เราก็ไปเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซต์กัน ก็คือเหมือนเดิม ใช้ชื่อสามีซื้อ และเราเป็นคนค้ำประกัน และก็ตกลงกันเหมือนเดิมคือ
สามีผ่อนรถ เราออกค่าใช้จ่ายในบ้านเอง
สามีทำงานอยู่ไทย เงินเดือนตกประมาณ เดือนละ 12,000 ไม่เกิน 15,000 ไม่เคยถึงด้วยซ้ำมั้ง
ผ่อนรถยนต์เดือนละ 5,799 /มอเตอร์ไซต์เดือนละ 2 พันกว่าๆ เราจำไม่ได้ นอกจากนั้นเค้าก็ช่วยเราออกค่าใช้จ่ายบ้าง จ่ายค่าบัตรตัวเองบ้าง
เราทำงาน เงินเดือนตกประมาณเดือนละ คือเหลือๆโดยเฉลี่ยนะ 13,000 -15,000 เรามีค่าคอมฯ
เราออกค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมด ทุกอย่าง อาหารการกิน ของใช้ในบ้าน ทุกอย่างที่จำเป็น เงินกู้นอกระบบบ้าง ที่ยืมมา (ระหว่างที่อยู่ด้วยกัน)
เราอยู่ด้วยกัน ประมาณ 4 ปี มาวันนี้เราเลิกกัน ความจริงเลิกกันมาเป็นเดือนๆแล้วแร่ะ สามีดิฉันไปทำงานที่เมืองนอกถึงกำหนดกลับ เขากลับมาเอารถ
ทั้งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์ ไปหมดเลย ของบางชิ้นที่สร้างมาด้วยกัน ก็เอาไปหมด( เราเลิกกันระหว่างเขาอยู่เมืองนอก ) เรายอมให้เขาเอาไปหมด เพราะเรา
ไม่อยากค้างคา ไม่อยากให้เขามาวุ่นวายอะไรกับเราอีก เราคิดว่า ยังไงไม่ตายก็หาใหม่ได้ เอาวะ!! เอาไปให้หมดก็ได้
แต่เราขอร้องให้เขาไปถอนชื่อคนค้ำออกซะ และให้ใครหรือแฟนใหม่เขาก็ได้ (ใช่ค่ะ เขามีแฟนใหม่ ในขณะที่ปากยังบอกว่ารักเราอยู่ )
เพราะเราได้โทรไปถามที่ไฟร์แนนซ์มา ว่าต้องให้คนซื้อไปแจ้งเปลี่ยนและเอาคนใหม่ไปค้ำ แต่เขาก็ไม่ยอม เขาบอกว่าไม่มีเวลา บอกว่าไม่มีปัญหาหรอก
เพราะเขาจะส่งรถตรงทุกงวด และด่าเรากลับมาว่าทำไมต้องมีปัญหา ทำไมต้องไปวุ่นวายกับเขา ( เอิ่ม)
ทุกคนลองคิดดูนะ เราเดิมทีเนี่ย ติดแบล็คลิสอยู่แล้ว และกำลังอยากจะล้างหนี้ตัวเองบ้าง ละถ้าเขาไปส่งรถต่อล่ะ หรือเอารถไปขายต่อล่ะ
ถ้าขายขาดทุนขึ้นมา ขายต่อกันเองแล้วคนซื้อต่อไปไม่ส่งต่อขึ้นล่ะ ระบบไฟร์แนนซ์มันไม่ยอมอยู่แล้ว
เรียกเก็บคนซื้อไม่ได้ เขาก็ต้องมาเรียกเก็บคนค้ำจริงไหมคะ เราหนักใจมาก เราเงินเดือนไม่เยอะ ทุกวันนี้ก็เลี้ยงดูตัวเองและลูกก็แทบไม่ไหว (ลูกเราไม่เกี่ยวฝ่ายขาย)
อยากจะล้างหนี้ ให้ตัวเอง เผื่ออนาคตอยากจะกู้ซื้ออะไรได้บ้าง ละถ้าเจอสิ่งที่ไม่คาดฝันอีก ชาตินี้คงไม่ต้องผุดต้องเกิดกันเลย
***ทุกวันนี้ หาเลี้ยงตัวเอง ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้เงินส่งเสียจากสามีเก่าเลยค่ะ มีแต่ส่งเงินมาให้เราจ่ายค่าบัตร ค่าอาหารหมาของเขาค่ยาหมา ค่าอาบน้ำหมา เหลือจากตรงนั้น ประมาณ 500-700 ต่อเดือน เขาบอกว่านี่คือเงินค่าฝากเลี้ยงหมาค่ะ ***
จบตอนที่ 1
ทำไมเธอเห็นแก่ตัวจัง
เรื่องราวของเราเริ่มจาก เราและสามีต้องการสร้างอนาคตด้วยกัน เพราะเราก็อยู่ด้วยกันมาเป็นปีๆแล้วแระ
และอยากมีรถไว้สำหรับไหน มาไหน และเพื่อความสะดวกสบายอ่ะเนาะ
แต่เรา เป็นติดแบล็คลิสอยู่ค่ะ เลยไม่สามารถเช่าซื้อรถเป็นชื่อตัวเองได้ จึงใช้ชื่อสามีในการเช่าซื้อ และใช้ตัวเองเป็นคนค้ำประกัน
ส่วนเงินดาวน์รถ ก็เป็นเงินก้อนที่เรา เล่นแชร์เก็บไว้ ตอนนั้นก่อนที่จะออกรถยนต์ ก็มีคนทักแล้วว่า เอาจริงหรอ! ไว้ใจกันแล้วใช่ไหม
เราก็แบบ ไว้ใจได้ (ในใจก็แอบหวั่นๆ) อ่ะ เรื่องการเช่าซื้อรถผ่านไปด้วยดี ได้รถมาใช้ มาขับ
เราตกลงกับสามีว่า ให้สามีเป็นคนผ่อนรถนะ เดี๋ยวเราออกค่าใช้จ่ายในบ้านเอง
ต่อมาเรา เราก็ไปเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซต์กัน ก็คือเหมือนเดิม ใช้ชื่อสามีซื้อ และเราเป็นคนค้ำประกัน และก็ตกลงกันเหมือนเดิมคือ
สามีผ่อนรถ เราออกค่าใช้จ่ายในบ้านเอง
สามีทำงานอยู่ไทย เงินเดือนตกประมาณ เดือนละ 12,000 ไม่เกิน 15,000 ไม่เคยถึงด้วยซ้ำมั้ง
ผ่อนรถยนต์เดือนละ 5,799 /มอเตอร์ไซต์เดือนละ 2 พันกว่าๆ เราจำไม่ได้ นอกจากนั้นเค้าก็ช่วยเราออกค่าใช้จ่ายบ้าง จ่ายค่าบัตรตัวเองบ้าง
เราทำงาน เงินเดือนตกประมาณเดือนละ คือเหลือๆโดยเฉลี่ยนะ 13,000 -15,000 เรามีค่าคอมฯ
เราออกค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมด ทุกอย่าง อาหารการกิน ของใช้ในบ้าน ทุกอย่างที่จำเป็น เงินกู้นอกระบบบ้าง ที่ยืมมา (ระหว่างที่อยู่ด้วยกัน)
เราอยู่ด้วยกัน ประมาณ 4 ปี มาวันนี้เราเลิกกัน ความจริงเลิกกันมาเป็นเดือนๆแล้วแร่ะ สามีดิฉันไปทำงานที่เมืองนอกถึงกำหนดกลับ เขากลับมาเอารถ
ทั้งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์ ไปหมดเลย ของบางชิ้นที่สร้างมาด้วยกัน ก็เอาไปหมด( เราเลิกกันระหว่างเขาอยู่เมืองนอก ) เรายอมให้เขาเอาไปหมด เพราะเรา
ไม่อยากค้างคา ไม่อยากให้เขามาวุ่นวายอะไรกับเราอีก เราคิดว่า ยังไงไม่ตายก็หาใหม่ได้ เอาวะ!! เอาไปให้หมดก็ได้
แต่เราขอร้องให้เขาไปถอนชื่อคนค้ำออกซะ และให้ใครหรือแฟนใหม่เขาก็ได้ (ใช่ค่ะ เขามีแฟนใหม่ ในขณะที่ปากยังบอกว่ารักเราอยู่ )
เพราะเราได้โทรไปถามที่ไฟร์แนนซ์มา ว่าต้องให้คนซื้อไปแจ้งเปลี่ยนและเอาคนใหม่ไปค้ำ แต่เขาก็ไม่ยอม เขาบอกว่าไม่มีเวลา บอกว่าไม่มีปัญหาหรอก
เพราะเขาจะส่งรถตรงทุกงวด และด่าเรากลับมาว่าทำไมต้องมีปัญหา ทำไมต้องไปวุ่นวายกับเขา ( เอิ่ม)
ทุกคนลองคิดดูนะ เราเดิมทีเนี่ย ติดแบล็คลิสอยู่แล้ว และกำลังอยากจะล้างหนี้ตัวเองบ้าง ละถ้าเขาไปส่งรถต่อล่ะ หรือเอารถไปขายต่อล่ะ
ถ้าขายขาดทุนขึ้นมา ขายต่อกันเองแล้วคนซื้อต่อไปไม่ส่งต่อขึ้นล่ะ ระบบไฟร์แนนซ์มันไม่ยอมอยู่แล้ว
เรียกเก็บคนซื้อไม่ได้ เขาก็ต้องมาเรียกเก็บคนค้ำจริงไหมคะ เราหนักใจมาก เราเงินเดือนไม่เยอะ ทุกวันนี้ก็เลี้ยงดูตัวเองและลูกก็แทบไม่ไหว (ลูกเราไม่เกี่ยวฝ่ายขาย)
อยากจะล้างหนี้ ให้ตัวเอง เผื่ออนาคตอยากจะกู้ซื้ออะไรได้บ้าง ละถ้าเจอสิ่งที่ไม่คาดฝันอีก ชาตินี้คงไม่ต้องผุดต้องเกิดกันเลย
***ทุกวันนี้ หาเลี้ยงตัวเอง ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้เงินส่งเสียจากสามีเก่าเลยค่ะ มีแต่ส่งเงินมาให้เราจ่ายค่าบัตร ค่าอาหารหมาของเขาค่ยาหมา ค่าอาบน้ำหมา เหลือจากตรงนั้น ประมาณ 500-700 ต่อเดือน เขาบอกว่านี่คือเงินค่าฝากเลี้ยงหมาค่ะ ***
จบตอนที่ 1