และก็ด้วยเหตุผลเดิมๆครับ คือ ดูหนังจบแล้ว อารมณ์มันไม่จบ อยากจะลองพิมพ์ลงลึกถึงปมความรู้สึกตัวละครให้ได้อ่านกัน ซึ่งมันเป็นความเข้าใจของผม ที่ได้จากการดูหนังนะครับ มันอาจมีถูกบ้างผิดบ้าง หรือมโนบ้าง ถ้ายังไงมีจุดไหนผิดก็รบกวนแก้จุดที่ผิด หรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้เช่นเคยนะครับ
ตัวละครที่ผมจะพูดถึงในกระทู้นี้หลักๆเลยคือ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ แล้วก็ เบ็คหรือมิสเตริโอ ซึ่งสำหรับปีเตอร์ นั้นผมจะโพสต์แยกเป็นตอนภาค HomeComing กับ Infinity War/End game แล้วก็มา Far from Home นะครับ
Spider-Man : HomeComing
ใน Spider-man :HomeComing นั้น ปีเตอร์พาร์คเกอร์ กำลังอยู่ในช่วงวัยที่ได้รับพลังมาได้ไม่นาน แม้จะได้มาร่วมศึกตอน Civil War ตามคำชวนป๋าโทนี่ แต่โดยรวมแล้วปีเตอร์ ก็ยังเป็นเด็กวัยรุ่นที่ยังไม่ได้รับการขัดเกลาใดๆ ทำให้โทนี่ ที่เอ็นดูปีเตอร์เป็นพิเศษ ได้ทำชุดใหม่ให้ ใส่ระบบลูกเล่นมากมายเอาไว้ (ใส่ใจแม้แต่ระบบทำความอุ่นในชุดเผื่อปีเตอร์หนาวอ่ะคิดดู ฮ่าๆ) อย่างร่มชูชีพฉุกเฉินเวลาตกจากที่สูงมากๆ ก็ยังใส่มาให้ (ซึ่งเหตุผลก็เพราะตอน civil war โทนี่ไม่สามารถบินไปรับโรดี้ เพื่อนเค้าที่ใส่ชุด วอร์ แมชชีน ที่ตกจากอากาศได้ทัน และชุดวอร์ แมชชีน ก็ไม่มีระบบฉุกเฉินตรงนี้ด้วย โทนี่ไม่อยากเห็นคนที่ตนแคร์ต้องโดนแบบเดียวกันอีก)
ซึ่งปมของปีเตอร์ใน HomeComing คือ
“การรู้ความหมายที่แท้จริงของการเป็นสไปเดอร์แมน” ตลอดที่ผ่านมาปีเตอร์ รู้สึกว่าตัวเองเป็นสไปเดอร์แมนได้และดีขนาดนี้เพราะว่ามีชุดที่โทนี่ทำให้ และยิ่งได้ลูกเล่นระบบใหม่เข้าไป ก็ยิ่งเตลิดลิงโลด มุทะลุ(ด้วยความหวังดี) จนบางทีเหมือนทำอะไรเกินตัว
ทำให้โทนี่ ที่โผล่มาช่วยสไปดี้ (หลังจากซีนเรือข้ามแม่น้ำแยกเป็นสองซีก) ได้บอกกับปีเตอร์ว่าจะขอยึดชุดคืน ทำให้ปีเตอร์พูดกลับไปว่า
“ชุดคือทั้งหมดของผม ผมไม่มีอะไรเลยถ้าไม่มีชุด”
โทนี่จึงพูดกลับไปว่า
“ถ้านายไม่มีอะไรเลยถ้าไม่มีชุด งั้นนายก็ไม่ควรมีมัน” คำพูดประโยคนี้กว่าโทนี่จะได้เรียนรู้มากับตัวก็กินเวลาหลายปีอยู่นะครับ คำพูดติดตัวของโทนี่ที่บอกว่า i am ironman หรือ ironman ก็คือเค้านั้นตอนแรกๆก็ยังเป็นแค่คำที่โทนี่เองก็ยังเข้าใจเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น จนโทนี่ได้ผ่านเหตุการณ์ในหนังเดี่ยว ironman ภาค 3 อย่างหนักหน่วง โทนี่จึงได้ตระหนักแล้วว่า ironman ที่แท้จริงคืออะไร ซึ่งคำตอบก็คือ ตัวเขาเองนั้นแหละคือ ironman ไม่ว่าจะมีชุดหรือไม่มี (โทนี่จึงเลือกระเบิดชุดอื่นๆทิ้งทั้งหมด บ้านและห้องทดลองต่างๆก็ระเบิดหายไปหมดแล้ว) และนี่คือคำตอบที่โทนี่ใช้เวลาหามาด้วยตัวเอง และได้ส่งมันต่อไปยังปีเตอร์ พาร์คเกอร์ เด็กวัยรุ่นที่ถ้าไม่มีใครคอยชี้แนะประโยคนี้ ก็เชือ่ว่าอาจจะต้องใช้เวลานานมากกว่าจะคิดได้เอง
ซึ่งหลังจากที่ปีเตอร์ โดนยึดชุดไฮเทคไปหมดแล้ว จึงเหลือแต่ชุดผ้าที่ตนเป็นคนตัดเย็บมาแต่แรกเริ่ม จนสถานการณ์นำพาให้ปีเตอร์ โดนเศษซากตึกทับอยู่ใต้หินหนักๆ ปีเตอร์ร้องเรียกหาคนช่วยแบบเด็กคนนึงที่หวาดกลัวจนไม่เหลือเค้าของสไปดี้ฮีโร่คนเดิมเลย
แต่แล้วในชั่วเวลานั้น ปีเตอร์ ก็ตระหนักได้ถึงคำพูดของโทนี่เรื่องคุณค่าของการเป็นสไปเดอร์แมน ปีเตอร์ที่ก้าวข้ามความกลัว และเข้าใจในความหมายที่โทนี่พูดอย่างแท้จริง จึงทำให้เกิดความมุ่งมั่นและมีแรงที่จะยกเศษหินที่ทับอยู่ออกไปได้ ซึ่งฉากนี้มันก็บ่งบอกชัดเจนว่า จริงๆปีเตอร์จะยกก็ได้ แต่ความไม่มั่นใจในตัวเอง ทำให้พลังหรือสติปัญญาไม่ได้แสดงออกมาเต็มที่ เหมือนโดนปิดกั้นตัวเอง เพราะงั้นซีนนี้สำหรับผมมันเลยเหมือนการให้ปีเตอร์กลับไปเริ่มใหม่ตั้งแต่สมัยไม่มีพลัง และกลับมาเป็นสไปเดอร์แมนอีกครั้ง ในแบบความคิดที่ชัดเจนคิด เหมือนเช่นที่ โทนี่ เคยเป็นมาแล้วในฉากจบ
ironman ภาค
3
เพราะงั้นสำหรับผม HomeComing จึงเป็นภาคที่ทำให้ปีเตอร์ ได้คำตอบถึงความหมายที่แท้จริงของการเป็นสไปเดอร์แมน ว่ามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับชุด หรือเทคโนโลยีใดๆ แต่มันคือตัวปีเตอร์ที่มีหัวใจแห่งการไม่ยอมแพ้ต่างหาก
Spider-Man: Far From Home ชวนคุยลงลึกปมตัวละคร และซีนที่ชื่นชอบ (สปอย์ 100%) มาคุยกันเถอะๆ
ตัวละครที่ผมจะพูดถึงในกระทู้นี้หลักๆเลยคือ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ แล้วก็ เบ็คหรือมิสเตริโอ ซึ่งสำหรับปีเตอร์ นั้นผมจะโพสต์แยกเป็นตอนภาค HomeComing กับ Infinity War/End game แล้วก็มา Far from Home นะครับ
Spider-Man : HomeComing
ใน Spider-man :HomeComing นั้น ปีเตอร์พาร์คเกอร์ กำลังอยู่ในช่วงวัยที่ได้รับพลังมาได้ไม่นาน แม้จะได้มาร่วมศึกตอน Civil War ตามคำชวนป๋าโทนี่ แต่โดยรวมแล้วปีเตอร์ ก็ยังเป็นเด็กวัยรุ่นที่ยังไม่ได้รับการขัดเกลาใดๆ ทำให้โทนี่ ที่เอ็นดูปีเตอร์เป็นพิเศษ ได้ทำชุดใหม่ให้ ใส่ระบบลูกเล่นมากมายเอาไว้ (ใส่ใจแม้แต่ระบบทำความอุ่นในชุดเผื่อปีเตอร์หนาวอ่ะคิดดู ฮ่าๆ) อย่างร่มชูชีพฉุกเฉินเวลาตกจากที่สูงมากๆ ก็ยังใส่มาให้ (ซึ่งเหตุผลก็เพราะตอน civil war โทนี่ไม่สามารถบินไปรับโรดี้ เพื่อนเค้าที่ใส่ชุด วอร์ แมชชีน ที่ตกจากอากาศได้ทัน และชุดวอร์ แมชชีน ก็ไม่มีระบบฉุกเฉินตรงนี้ด้วย โทนี่ไม่อยากเห็นคนที่ตนแคร์ต้องโดนแบบเดียวกันอีก)
ซึ่งปมของปีเตอร์ใน HomeComing คือ “การรู้ความหมายที่แท้จริงของการเป็นสไปเดอร์แมน” ตลอดที่ผ่านมาปีเตอร์ รู้สึกว่าตัวเองเป็นสไปเดอร์แมนได้และดีขนาดนี้เพราะว่ามีชุดที่โทนี่ทำให้ และยิ่งได้ลูกเล่นระบบใหม่เข้าไป ก็ยิ่งเตลิดลิงโลด มุทะลุ(ด้วยความหวังดี) จนบางทีเหมือนทำอะไรเกินตัว
ทำให้โทนี่ ที่โผล่มาช่วยสไปดี้ (หลังจากซีนเรือข้ามแม่น้ำแยกเป็นสองซีก) ได้บอกกับปีเตอร์ว่าจะขอยึดชุดคืน ทำให้ปีเตอร์พูดกลับไปว่า
“ชุดคือทั้งหมดของผม ผมไม่มีอะไรเลยถ้าไม่มีชุด”
โทนี่จึงพูดกลับไปว่า “ถ้านายไม่มีอะไรเลยถ้าไม่มีชุด งั้นนายก็ไม่ควรมีมัน” คำพูดประโยคนี้กว่าโทนี่จะได้เรียนรู้มากับตัวก็กินเวลาหลายปีอยู่นะครับ คำพูดติดตัวของโทนี่ที่บอกว่า i am ironman หรือ ironman ก็คือเค้านั้นตอนแรกๆก็ยังเป็นแค่คำที่โทนี่เองก็ยังเข้าใจเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น จนโทนี่ได้ผ่านเหตุการณ์ในหนังเดี่ยว ironman ภาค 3 อย่างหนักหน่วง โทนี่จึงได้ตระหนักแล้วว่า ironman ที่แท้จริงคืออะไร ซึ่งคำตอบก็คือ ตัวเขาเองนั้นแหละคือ ironman ไม่ว่าจะมีชุดหรือไม่มี (โทนี่จึงเลือกระเบิดชุดอื่นๆทิ้งทั้งหมด บ้านและห้องทดลองต่างๆก็ระเบิดหายไปหมดแล้ว) และนี่คือคำตอบที่โทนี่ใช้เวลาหามาด้วยตัวเอง และได้ส่งมันต่อไปยังปีเตอร์ พาร์คเกอร์ เด็กวัยรุ่นที่ถ้าไม่มีใครคอยชี้แนะประโยคนี้ ก็เชือ่ว่าอาจจะต้องใช้เวลานานมากกว่าจะคิดได้เอง
ซึ่งหลังจากที่ปีเตอร์ โดนยึดชุดไฮเทคไปหมดแล้ว จึงเหลือแต่ชุดผ้าที่ตนเป็นคนตัดเย็บมาแต่แรกเริ่ม จนสถานการณ์นำพาให้ปีเตอร์ โดนเศษซากตึกทับอยู่ใต้หินหนักๆ ปีเตอร์ร้องเรียกหาคนช่วยแบบเด็กคนนึงที่หวาดกลัวจนไม่เหลือเค้าของสไปดี้ฮีโร่คนเดิมเลย
แต่แล้วในชั่วเวลานั้น ปีเตอร์ ก็ตระหนักได้ถึงคำพูดของโทนี่เรื่องคุณค่าของการเป็นสไปเดอร์แมน ปีเตอร์ที่ก้าวข้ามความกลัว และเข้าใจในความหมายที่โทนี่พูดอย่างแท้จริง จึงทำให้เกิดความมุ่งมั่นและมีแรงที่จะยกเศษหินที่ทับอยู่ออกไปได้ ซึ่งฉากนี้มันก็บ่งบอกชัดเจนว่า จริงๆปีเตอร์จะยกก็ได้ แต่ความไม่มั่นใจในตัวเอง ทำให้พลังหรือสติปัญญาไม่ได้แสดงออกมาเต็มที่ เหมือนโดนปิดกั้นตัวเอง เพราะงั้นซีนนี้สำหรับผมมันเลยเหมือนการให้ปีเตอร์กลับไปเริ่มใหม่ตั้งแต่สมัยไม่มีพลัง และกลับมาเป็นสไปเดอร์แมนอีกครั้ง ในแบบความคิดที่ชัดเจนคิด เหมือนเช่นที่ โทนี่ เคยเป็นมาแล้วในฉากจบ ironman ภาค 3
เพราะงั้นสำหรับผม HomeComing จึงเป็นภาคที่ทำให้ปีเตอร์ ได้คำตอบถึงความหมายที่แท้จริงของการเป็นสไปเดอร์แมน ว่ามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับชุด หรือเทคโนโลยีใดๆ แต่มันคือตัวปีเตอร์ที่มีหัวใจแห่งการไม่ยอมแพ้ต่างหาก