ขอบอกก่อนว่าตอนนี้เป็นลูกน้องทำงานบัญชีอยู่ค่ะ แต่เมื่อช่วงก่อนหน้านี้มีเจ้านายมาเชิญชวนให้ลงทุนทำรังนกส่งขายบอกว่าเพื่อให้มีรายได้ในอนาคต (ตอนนั้นเจ้านายก็คิดว่าเป็นการลงทุนที่ดีค่ะ) แต่ตอนนี้รู้สึกว่าทุกคนกำลังพลาดพลั้งค่ะ...
เรื่องมีอยู่ว่าหลานสาว(ขอเรียกว่าคุณหลาน)ของเจ้านายได้เป็นแฟนกับผู้ชายคนหนึ่งนามว่าคุณน้อย(นามสมมติ) ซึ่งคุณหลานก็เข้าใจว่าจะได้แต่งงาน คบๆไปสักพักก็ได้รู้ว่า ตัวเองเป็นเมียน้อยเค้าแต่ก็คบมาแล้วบวกคุณหลานมีลูกติดจึงจำยอมรับสถานะนี้
แต่เรื่องก็เริ่มดำเนินว่าคุณน้อยเข้ามาชักชวนคุณหลานทำธุรกิจ โดยเริ่มทำธุรกิจส่งออกรังนก ก็มีการลงทุนไปโดยคุณหลานก็จะรับรังนกมาบางส่วนเพื่อผ่านกระบวนการแปลรูปตามครัวเรือน แล้วใส่ขวดส่งขายโดยคุณน้อยบอกว่าจะส่งขายคนจีน และมีการขายรังนกแห้งด้วยเช่นกันโดยไปนำฝากขายตามร้านคนรู้จักต่างๆ
จากนั้นจึงมาการระดมทุนจากคนรอบข้างโดยคุณหลานชักชวนญาติพี่น้องและคนที่บ้านให้มาลงทุนกับคุณน้อยคนละแสนบ้างสองแสนบ้าง และยังให้คุณน้าตัวเอง(ก็คือเจ้านายหนูค่ะ) ไปเริ่มเชิญชวนคนในออฟฟิศ ซึ่งหนูก็เข้าใจนะคะว่าเจ้านายเห็นว่าเป็นธุรกิจที่น่าจะทำเงินได้ดีจึงหวังดีมาชวน พวกเราลูกน้องและคนสนิทก็ร่วมลงทุนด้วยเพราะความเชื่อใจเสียส่วนใหญ่ ปรากฏว่าผ่านไปสักพักก็เหมือนเริ่มได้เงินปันผล หากแต่ว่าทุนยังไม่ได้คืน (แต่แอบเห็นว่ารังนกหยุดทำไปได้สักพัก แต่คำตอบของคุณน้อยกับคุณหลานบอกว่ายังคงรอออเดอร์)
ผ่านไปสักพักก็มีมาชวนลงทุนต่างๆ เช่นถังเช่าบ้าง ผ้าพันคอบ้าง พันปลาพิเศษบ้าง ซึ่งคุณน้อยได้บอกว่าเค้ามีคนจีนที่สนใจผลิตภัณฑ์ประเภทนี้อยู่เยอะ อยากได้ถังเช่าหลายกิโลแต่ขาดเงินทุน, อยากได้ผ้าพันขอ 4,800ผืนซึ่งเป็นล้อตใหญ่แต่ก้ยังขาดเงินไปพรีออเดิอร์, กำลังจะรับพีนธุ์ปลามาขายตัวละหลายแสงหรือเป็นล้านโดยคุณน้อยบอกว่าขายได้เกือบยี่สิบล้านแน่ จึงชักชวนคุณหลานและพักพวกมาร่วมลงทุนอีก ซึ่งก้มีการลงทุนอีกเรื่อยๆเนื่องจากเจ้านายหนูเค้าเป็นคนดีไม่เคยทำร้ายหรือคิดร้ายใคร ทุกคนเลยร่วมลงทุนอีก ผ่านไปสักพัก ก็มีการอัพเดทนู่นนั่นนี่ แต่ก้ยังไม่เห็นได้อะไร
แต่มาช่วงหลังๆนี่คุณน้อยเค้ามีโปรเจคใหญ่มากคือเป็นนายหน้าหาที่ดินจำไม่ได้แล้วว่ากี่ร้อยไร่ ให้เหตุผลว่าคนจีนจะเกงกำไร เอาไว้ทำโรงแรมบ้าง ห้างบ้าง บลาๆๆ คุณน้อยก็เกิดอาการชักชวนคุณหลาน ซึ่งก็เป็นตามคาดว่าคุณหลานก็มาชักชวนญาติพี่น้องเค้าอีก โดยเฉพาะเจ้านายหนูเนี่ยแหล่ะค่ะ (เจ้านายเป็นน้าของคุณหลานนะคะ) ซึ่งคุณหลานเค้าชอบถามว่าน้าเค้าว่ามีเงินอยู่มากน้อยเท่าไหร่เมื่อรู้ว่ามีทรัพย์สินเท่าไหร่ก็อยากให้เอามาลงทุน ปรากฏว่าล้อทลงทุนนี้ค่อนข้างใหญ่ เริ่มเป็นหลักล้านเลยทีเดียว
ผ่านไปสักพักก้มีการอัพเดทจากคุณน้อยว่าเงินจะได้แล้วที่ดินจะขายได้แล้ว พร้อมโอนเงินวันจันทร์ (ประมาณเดือน มีนา เมษา) ปรากฏว่าก้ไม่ได้เงินคืนโดยให้เหตุผลว่าลูกค้าเลื่อน แล้วอาการของการเลื่อนทุกจันทร์ก็โผล่มาอีกเนืองๆ ทุกครั้งที่มีการนัดหมายหลายสิบครั้ง สุดท้ายพวกหนูจึงต้องถามเจ้านายว่า แล้วจะซื้อที่ดินเค้าเนี่ยเคยเห็นโฉนดตัวจริงหรือยัง (เจ้านายแค่บอกว่าคุณน้อยกับคุณหลานพาไปดูที่ดินมาแล้ว เคยฟังเค้าคุยธุรกิจกันแต่ก้แค่ฟังจากโทรสับที่เปิดสปี้คเกอร์โฟนเท่านั้นไม่เคยเห็นหน้าคู่ค้านักธุรกิจคนนั้น ยังบอกว่ามีนักการเมืองหญิง ส. ที่ชอบดูแลเรื่องสตรีที่ถูกเอาเปรียบมาสร้างปัญหาไว้ ซึ่งดูเป็นตุเป็นตะจนหนูคิดาคนระดับนักการเมืองจะมาเล่นเกมส์แบบนี้เหรอ? ) พวกหนูก็รู้ได้เลยว่าธุรกิจที่มาหลอกเจ้านายมันดูตุๆแล้ว
พวกหนูเลยทำการจ้างนักสืบมาจ้างเพื่อสถกดรอยตามคุณน้อยเพื่อที่จะอยากรู้ว่าเอาเงินไปทำธุรกิจอะไรบ้างโดยไม่ให้คุณหลานกับคนที่บ้านคุนหลานทราบรวมถึงน้าของคุณหลาน จนได้รู้ข้อมูลมาส่วนนึงว่า ธุรกิจบ่อปลาที่เค้าบอกว่าดีมาก ปรากฏว่าไม่มีบ่อปลาตามที่เค้าว่า สถานที่ที่คุณน้อยกับคุณหลายว่าทำธุรกิจอยู่มันล้างลาเลิกทำมาเกินสองสามปีแล้ว(คำให้การจากคนท้องที่) และได้ทราบมาอีกว่าคุณน้อยมีเมียน้อยสาวๆอีกสองคนซึ่งมีการแวะเวียนเข้าหาอยู่บ่อยๆ ตลอดทั้งเมียหลวงของคุณน้อยก็กำลังเป็นร้านกาแฟซื้อของเข้าร้านเต็มไปหมด
พวกหนูก็มีการปรึกษากับพี่น้องของหัวหน้าหนู รวมถึงมีการบอกอ้อมๆ ให้เจ้านายได้ดึงสติมาคิด ปรากฏว่าเจ้านายหนูยังคงยืนกรานบอกว่าคุณน้อยเป็นคนดี เชื่อถือได้ เนี่ยคุณหลานก็ยังช่วยทำงานเรื่องการลงทุน (สรุปคุณน้ายังคงคิดว่าการลงทุนยังคงไปได้ดี ยังคงได้รับข่าวว่าจะได้เงินคืน แล้วโทรไปบอกเหล่าคนที่ร่วมลงทุน พวกหนูก็ไม่คิดหลอกว่าจะได้คืน)
วันนึงหนูได้รับจากโทรสับจากหัวหน้าแบงค์ว่าคุณน้าได้ทำการขายหุ้นขายกองทุนไปหมดแล้ว (หนูสนิทกับผู้จัดการแบ้งค์หนึ่ง และเคยปรึกษาเรื่องการลงทุนนี้กับแกมาก่อน) หนูได้รู้มาอีกว่าหัวหน้าหนูไปนั่งรอตั้งแต่แบ้งค์เปิดยันแบ้งค์ปิดตั้งหลายรอบ (หนูรู้สึกเห็นใจปนสงสารมาก)
สุดท้ายนี้หนูแค่รู้สึกเห็นใจหัวหน้าหนูมาก จากคนไม่เคยมีปัญหาด้านการเงิน หนูคิดว่าหัวหน้าหนูจะเกษียรแบบสงบสุข แต่ตอนนี้กลับเป็นว่าคุณหลานกับคุณน้อยมาทำชีวิตหลังเกษียรของหัวหน้าพัง หนูวอนขอให้คุณหลานรู้สึกตัวได้แล้ว เงินทองที่คุณหลานได้ใช้แต่ละเดือนที่ที่คุณน้อยให้ มันคือเงินของพวกหนูและน้าเค้านั่นแหล่ะ วอนคนที่บ้านจะกล้าบอกคุณหลานและคุณน้อยบ้าง ไม่อย่างนั้นคุณน้าเค้าอาจต้องล้มทั้งยืนแน่ ด้วยความรักจากพักพวกคุณน้า
ปล.สถานะการไม่ค่อยสู้ดีนักเพราะเพื่อนคุณน้าได้สอบถามไปยังหลานสาวผู้พูดเก่งได้ความว่า
1)รังนกมันขายไม่ดีเลยคืนทุนด้วยการคืนรังนกให้ -> ดูก็รู้ว่าตัดรำคาญเพราะชวนลงทุนแบยไม่มีแผนการดำเนินงาน
2)เรื่องที่ดิน เค้าอ้างว่าไม่มีใครอยากมีปัญหาหรอก และเงินที่เป็นหนี้คุณอาก้เป็นคนไปหามาเองเลยต้องรับภาระเอง -> เป็นการปัดความรับผิดชอบ เพราะถ้าคุณหลานไม่ไปตะล้อมให้คนลงทุน อาศัยความเก่งด้านการพูดบวกกับเป็นคนไว้ใจของอา อาเลยลงทุนด้วยความไว้ใจ
3)เค้าอ้างว่าคุณน้อยก็ลำบากต้องเป็นหนี้บัตรและเสียเครดิตติดแบล้คลิส - > ทั้งหมดนี่เป็นแค่คุณหลานอ้างไม่ได้มีหลักฐานเลยรู้สึกว่าเชื่อไม่ได้ แค่ตัดลำคาญแล้วสร้างภาพ
4)ตอนนี้พี่ชาย กับพี่สะไภ้(คนละครอบครัว) ซึ่งปกติคุณอาช่วยเหลืออยู่เพราะเป็นคนที่มีบุญคุณ ป่วยอนุ่และไม่ได้รับการช่วยเหลือจากอาแล้ว -> หนูคิดว่าเท่ากับคุณหลานพาคนมาฆ่าคนในครอบครัวเองเลย
5)คุณหลานได้เบี้ยเลี้ยงจากคุณน้อยอย่างน้อยหนึ่งแสนบาท-> นี่อาจเป็นสาเหตุที่คุณหลานยอมทำร้ายคนที่มีบุญคุณกับตัวเอง
6)คำถาม :
-เราสามารถจ้างทนายเอาผิดคุณน้อยกับคุณหลานได้มั้ยคะ?
-เราสามารถสืบไปยังเลขาของนักการเมืองคนนั้นแล้วว่าเค้าไม่รู้จักคุณน้อยหรือคุณหลานเลย อย่างนี้เราแจ้งความฟ้องร้องได้มั้ยคะ?
-ยังมีทางเอาเงินกลับคืนมาได้มั้ยคะ?
โดนหลานเขยหลอกเอาเงินทำยังไงได้บ้าง
เรื่องมีอยู่ว่าหลานสาว(ขอเรียกว่าคุณหลาน)ของเจ้านายได้เป็นแฟนกับผู้ชายคนหนึ่งนามว่าคุณน้อย(นามสมมติ) ซึ่งคุณหลานก็เข้าใจว่าจะได้แต่งงาน คบๆไปสักพักก็ได้รู้ว่า ตัวเองเป็นเมียน้อยเค้าแต่ก็คบมาแล้วบวกคุณหลานมีลูกติดจึงจำยอมรับสถานะนี้
แต่เรื่องก็เริ่มดำเนินว่าคุณน้อยเข้ามาชักชวนคุณหลานทำธุรกิจ โดยเริ่มทำธุรกิจส่งออกรังนก ก็มีการลงทุนไปโดยคุณหลานก็จะรับรังนกมาบางส่วนเพื่อผ่านกระบวนการแปลรูปตามครัวเรือน แล้วใส่ขวดส่งขายโดยคุณน้อยบอกว่าจะส่งขายคนจีน และมีการขายรังนกแห้งด้วยเช่นกันโดยไปนำฝากขายตามร้านคนรู้จักต่างๆ
จากนั้นจึงมาการระดมทุนจากคนรอบข้างโดยคุณหลานชักชวนญาติพี่น้องและคนที่บ้านให้มาลงทุนกับคุณน้อยคนละแสนบ้างสองแสนบ้าง และยังให้คุณน้าตัวเอง(ก็คือเจ้านายหนูค่ะ) ไปเริ่มเชิญชวนคนในออฟฟิศ ซึ่งหนูก็เข้าใจนะคะว่าเจ้านายเห็นว่าเป็นธุรกิจที่น่าจะทำเงินได้ดีจึงหวังดีมาชวน พวกเราลูกน้องและคนสนิทก็ร่วมลงทุนด้วยเพราะความเชื่อใจเสียส่วนใหญ่ ปรากฏว่าผ่านไปสักพักก็เหมือนเริ่มได้เงินปันผล หากแต่ว่าทุนยังไม่ได้คืน (แต่แอบเห็นว่ารังนกหยุดทำไปได้สักพัก แต่คำตอบของคุณน้อยกับคุณหลานบอกว่ายังคงรอออเดอร์)
ผ่านไปสักพักก็มีมาชวนลงทุนต่างๆ เช่นถังเช่าบ้าง ผ้าพันคอบ้าง พันปลาพิเศษบ้าง ซึ่งคุณน้อยได้บอกว่าเค้ามีคนจีนที่สนใจผลิตภัณฑ์ประเภทนี้อยู่เยอะ อยากได้ถังเช่าหลายกิโลแต่ขาดเงินทุน, อยากได้ผ้าพันขอ 4,800ผืนซึ่งเป็นล้อตใหญ่แต่ก้ยังขาดเงินไปพรีออเดิอร์, กำลังจะรับพีนธุ์ปลามาขายตัวละหลายแสงหรือเป็นล้านโดยคุณน้อยบอกว่าขายได้เกือบยี่สิบล้านแน่ จึงชักชวนคุณหลานและพักพวกมาร่วมลงทุนอีก ซึ่งก้มีการลงทุนอีกเรื่อยๆเนื่องจากเจ้านายหนูเค้าเป็นคนดีไม่เคยทำร้ายหรือคิดร้ายใคร ทุกคนเลยร่วมลงทุนอีก ผ่านไปสักพัก ก็มีการอัพเดทนู่นนั่นนี่ แต่ก้ยังไม่เห็นได้อะไร
แต่มาช่วงหลังๆนี่คุณน้อยเค้ามีโปรเจคใหญ่มากคือเป็นนายหน้าหาที่ดินจำไม่ได้แล้วว่ากี่ร้อยไร่ ให้เหตุผลว่าคนจีนจะเกงกำไร เอาไว้ทำโรงแรมบ้าง ห้างบ้าง บลาๆๆ คุณน้อยก็เกิดอาการชักชวนคุณหลาน ซึ่งก็เป็นตามคาดว่าคุณหลานก็มาชักชวนญาติพี่น้องเค้าอีก โดยเฉพาะเจ้านายหนูเนี่ยแหล่ะค่ะ (เจ้านายเป็นน้าของคุณหลานนะคะ) ซึ่งคุณหลานเค้าชอบถามว่าน้าเค้าว่ามีเงินอยู่มากน้อยเท่าไหร่เมื่อรู้ว่ามีทรัพย์สินเท่าไหร่ก็อยากให้เอามาลงทุน ปรากฏว่าล้อทลงทุนนี้ค่อนข้างใหญ่ เริ่มเป็นหลักล้านเลยทีเดียว
ผ่านไปสักพักก้มีการอัพเดทจากคุณน้อยว่าเงินจะได้แล้วที่ดินจะขายได้แล้ว พร้อมโอนเงินวันจันทร์ (ประมาณเดือน มีนา เมษา) ปรากฏว่าก้ไม่ได้เงินคืนโดยให้เหตุผลว่าลูกค้าเลื่อน แล้วอาการของการเลื่อนทุกจันทร์ก็โผล่มาอีกเนืองๆ ทุกครั้งที่มีการนัดหมายหลายสิบครั้ง สุดท้ายพวกหนูจึงต้องถามเจ้านายว่า แล้วจะซื้อที่ดินเค้าเนี่ยเคยเห็นโฉนดตัวจริงหรือยัง (เจ้านายแค่บอกว่าคุณน้อยกับคุณหลานพาไปดูที่ดินมาแล้ว เคยฟังเค้าคุยธุรกิจกันแต่ก้แค่ฟังจากโทรสับที่เปิดสปี้คเกอร์โฟนเท่านั้นไม่เคยเห็นหน้าคู่ค้านักธุรกิจคนนั้น ยังบอกว่ามีนักการเมืองหญิง ส. ที่ชอบดูแลเรื่องสตรีที่ถูกเอาเปรียบมาสร้างปัญหาไว้ ซึ่งดูเป็นตุเป็นตะจนหนูคิดาคนระดับนักการเมืองจะมาเล่นเกมส์แบบนี้เหรอ? ) พวกหนูก็รู้ได้เลยว่าธุรกิจที่มาหลอกเจ้านายมันดูตุๆแล้ว
พวกหนูเลยทำการจ้างนักสืบมาจ้างเพื่อสถกดรอยตามคุณน้อยเพื่อที่จะอยากรู้ว่าเอาเงินไปทำธุรกิจอะไรบ้างโดยไม่ให้คุณหลานกับคนที่บ้านคุนหลานทราบรวมถึงน้าของคุณหลาน จนได้รู้ข้อมูลมาส่วนนึงว่า ธุรกิจบ่อปลาที่เค้าบอกว่าดีมาก ปรากฏว่าไม่มีบ่อปลาตามที่เค้าว่า สถานที่ที่คุณน้อยกับคุณหลายว่าทำธุรกิจอยู่มันล้างลาเลิกทำมาเกินสองสามปีแล้ว(คำให้การจากคนท้องที่) และได้ทราบมาอีกว่าคุณน้อยมีเมียน้อยสาวๆอีกสองคนซึ่งมีการแวะเวียนเข้าหาอยู่บ่อยๆ ตลอดทั้งเมียหลวงของคุณน้อยก็กำลังเป็นร้านกาแฟซื้อของเข้าร้านเต็มไปหมด
พวกหนูก็มีการปรึกษากับพี่น้องของหัวหน้าหนู รวมถึงมีการบอกอ้อมๆ ให้เจ้านายได้ดึงสติมาคิด ปรากฏว่าเจ้านายหนูยังคงยืนกรานบอกว่าคุณน้อยเป็นคนดี เชื่อถือได้ เนี่ยคุณหลานก็ยังช่วยทำงานเรื่องการลงทุน (สรุปคุณน้ายังคงคิดว่าการลงทุนยังคงไปได้ดี ยังคงได้รับข่าวว่าจะได้เงินคืน แล้วโทรไปบอกเหล่าคนที่ร่วมลงทุน พวกหนูก็ไม่คิดหลอกว่าจะได้คืน)
วันนึงหนูได้รับจากโทรสับจากหัวหน้าแบงค์ว่าคุณน้าได้ทำการขายหุ้นขายกองทุนไปหมดแล้ว (หนูสนิทกับผู้จัดการแบ้งค์หนึ่ง และเคยปรึกษาเรื่องการลงทุนนี้กับแกมาก่อน) หนูได้รู้มาอีกว่าหัวหน้าหนูไปนั่งรอตั้งแต่แบ้งค์เปิดยันแบ้งค์ปิดตั้งหลายรอบ (หนูรู้สึกเห็นใจปนสงสารมาก)
สุดท้ายนี้หนูแค่รู้สึกเห็นใจหัวหน้าหนูมาก จากคนไม่เคยมีปัญหาด้านการเงิน หนูคิดว่าหัวหน้าหนูจะเกษียรแบบสงบสุข แต่ตอนนี้กลับเป็นว่าคุณหลานกับคุณน้อยมาทำชีวิตหลังเกษียรของหัวหน้าพัง หนูวอนขอให้คุณหลานรู้สึกตัวได้แล้ว เงินทองที่คุณหลานได้ใช้แต่ละเดือนที่ที่คุณน้อยให้ มันคือเงินของพวกหนูและน้าเค้านั่นแหล่ะ วอนคนที่บ้านจะกล้าบอกคุณหลานและคุณน้อยบ้าง ไม่อย่างนั้นคุณน้าเค้าอาจต้องล้มทั้งยืนแน่ ด้วยความรักจากพักพวกคุณน้า
ปล.สถานะการไม่ค่อยสู้ดีนักเพราะเพื่อนคุณน้าได้สอบถามไปยังหลานสาวผู้พูดเก่งได้ความว่า
1)รังนกมันขายไม่ดีเลยคืนทุนด้วยการคืนรังนกให้ -> ดูก็รู้ว่าตัดรำคาญเพราะชวนลงทุนแบยไม่มีแผนการดำเนินงาน
2)เรื่องที่ดิน เค้าอ้างว่าไม่มีใครอยากมีปัญหาหรอก และเงินที่เป็นหนี้คุณอาก้เป็นคนไปหามาเองเลยต้องรับภาระเอง -> เป็นการปัดความรับผิดชอบ เพราะถ้าคุณหลานไม่ไปตะล้อมให้คนลงทุน อาศัยความเก่งด้านการพูดบวกกับเป็นคนไว้ใจของอา อาเลยลงทุนด้วยความไว้ใจ
3)เค้าอ้างว่าคุณน้อยก็ลำบากต้องเป็นหนี้บัตรและเสียเครดิตติดแบล้คลิส - > ทั้งหมดนี่เป็นแค่คุณหลานอ้างไม่ได้มีหลักฐานเลยรู้สึกว่าเชื่อไม่ได้ แค่ตัดลำคาญแล้วสร้างภาพ
4)ตอนนี้พี่ชาย กับพี่สะไภ้(คนละครอบครัว) ซึ่งปกติคุณอาช่วยเหลืออยู่เพราะเป็นคนที่มีบุญคุณ ป่วยอนุ่และไม่ได้รับการช่วยเหลือจากอาแล้ว -> หนูคิดว่าเท่ากับคุณหลานพาคนมาฆ่าคนในครอบครัวเองเลย
5)คุณหลานได้เบี้ยเลี้ยงจากคุณน้อยอย่างน้อยหนึ่งแสนบาท-> นี่อาจเป็นสาเหตุที่คุณหลานยอมทำร้ายคนที่มีบุญคุณกับตัวเอง
6)คำถาม :
-เราสามารถจ้างทนายเอาผิดคุณน้อยกับคุณหลานได้มั้ยคะ?
-เราสามารถสืบไปยังเลขาของนักการเมืองคนนั้นแล้วว่าเค้าไม่รู้จักคุณน้อยหรือคุณหลานเลย อย่างนี้เราแจ้งความฟ้องร้องได้มั้ยคะ?
-ยังมีทางเอาเงินกลับคืนมาได้มั้ยคะ?