THE GREAT "THAI" HOPE - นิชิโน๊ะ
ในสมัยก่อนเคยมี The Great White Hope ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่มวยรุ่น Heavy Weight ในอเมริกา แชมป์เปี้ยนถูกครองโดยคนผิวดำเป็นเวลานาน โดยที่ชาวผิวขาวไม่มีโอกาศได้แชมป์นั้นมาครองเลย -- ก็เลยมีคำพังเพยอันนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นความหวังในการค้นหา"นักมวยผิวขาว"ขึ้นมาเพื่อชิงแชมปรุ่นนี้คืนมา ก็เลยเกิดคำพังเพยอันนี้ขึ้นมา
ประเทศไทยในตอนนี้ ก็เกิดอาการแบบเดียวกันกับในอเมริกาสมัยก่อนโน้น ที่ฟุตบอลไทยในตอนนี้ แพ้ยับเยินต่อเวียตนามมาแล้วทุกรุ่นทุกทีม ถึงแม้จะเปลี่ยนโค้ชมาแล้วหลายคนก็ตาม ก็ยังแพ้เวียตอยู่อย่างนั้น ดังนั้นคำพังเพยอันนี้จึงเหมาะสมกับฟุตบอลไทยในสมัยนี้เป็นที่สุด THE GREAT "THAI" HOPE - นิชิโน๊ะ
โดยนิชิโน๊ะ จะเป็นความหวังอันสูงสุดของไทยในการที่จะมาทำให้ทีมฟุตบอลไทยกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิมอีกครั้ง (อย่างน้อย ก็ต้องเอาชนะเวียตนามให้ได้ และหวังว่าจะขึ้นไปในระดับ Top 5 ของเอเซียให้ได้ - ถ้าได้เข้ารอบสุดท้ายของ Olympic และ ฟุตบอลโลกด้วยก็จะยิ่งดีใหญ่) ความหวังอันนี้คนไทยเกือบทุกคนจะฝากไว้กับ โค้ชนิชิโน๊ะ ชาวญี่ปุ่นคนนี้
ผมบอกตรงนี้ได้เลยว่า เมื่อเราได้โค้ชฝีมือดีแบบนี้มาจากญี่ปุ่นแล้ว ก็ต้องให้ "เวลา" ของ "การฝึกซ้อมทีม" ให้เขาด้วย ไม่ใช่ไปยึดติดอยู่กับกติกาการปล่อยตัวของฟีฟ่าแค่ 7 วันก่อนการแข่งขันเท่านั้น
ซ้อมทีมได้ 7 วันก่อนแข่ง แล้วเวลานอกเหนือจากนั้นก็อยู่กับสโมสร แบบนี้โค้ชระดับโลกคนไหนก็ทำให้ทีมไทยเอาชนะทีมอื่นไม่ได้ (รวมทั้งการเอาชนะเวียตนามด้วย) เพราะฝีมือเรายังห่างจากทีมระดับ Top ของเอเซียอยู่อย่างมากๆ ในขณะที่เวียตนามมีเวลาซ้อมกันเป็นทีมมากกว่าเรา
เราแพ้เขาแล้วในตอนนี้ทุกรุ่น และเขามีเวลาซ้อมทีมมากกว่าของเราอีก แล้วอย่างนี้ทีมไทยเราจะไปเอาชนะเวียตนามได้อย่างไร และไม่มีทางที่จะแทรกเข้าไปในระดับ Top 5 ของเอเซียได้เลยครับ
ผมขอให้ความเห็นว่า ให้ทีมไทยที่นิชิโน๊ะคุมอยู่ (ทั้งชุดใหญ่ และชุดยู23) ได้มีโอกาศซ้อมทีม (แท็คติก/เซ็ตเพลย์/การป้องกัน/การเพรสซิ่ง/การแก้เพรสซิ่ง/รวมถึงเทคนิคการเล่นเป็นทีมทั้งหมด) ภายใต้การควบคุมของโค้ชคนนี้ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1-2 วัน ในช่วงเวลาที่ไม่มีการแข่งทัวนาเมนต์ในระดับชาติต่างๆ เพื่อเตรียมทีมให้พร้อมที่จะเล่นเป็นทีมที่รู้ใจกันทั้งทีม (วันอื่นๆ ก็เป็นหน้าที่ของแต่ละสโมสรเอานักเตะของตนไปเทรนเอง เพื่อแข่งให้สโมสร)
และในช่วงการแข่งขันตามฟีฟ่าเดย์หรือทัวนาเมนต์ที่ทีมชาติจะลงแข่ง ก็ต้องให้เวลากับโค้ชนิชิโน๊ะอีกอย่างน้อย 3 อาทิตย์ในการเก็บเพื่อซ้อมทีม เพื่อเรียนรู้เข้ากับระบบการเล่นต่างๆในรูปแบบเล่นเป็นทีม -- การซ้อมทีมแบบนี้จะทำให้เข้าใจระบบการเล่นเป็นทีมได้อย่าถ่องแท้ และจะเล่นได้แบบอัตโนมัติเมื่ออยู่ในสนาม (ผมเชื่อเช่นเดียวกันกับผู้จัดการทีมและโค้ชของสโมสรทุกท่านว่า พอแสวงนั้นมีความสำคัญมากกว่าพรสวรรค์ - นักเตะที่ฝีเท้าดีทุกคน ถ้าขาดการฝึกซ้อมก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ เช่นเดียวกันกับทีมฟุตบอล ถ้าไม่มีโอกาศที่จะฝึกซ้อมทีมร่วมกัน ก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะคู่แข่งที่มีการฝึกซ้อมที่มากกว่าได้)
แบบนี้แล้ว ทีมไทยถึงจะมีโอกาศที่จะเอาชนะเวียตนามได้ รวมทั้งพัฒนาตัวเองเข้าสู่ระดับ Top 5 ของเอเซียได้
THE GREAT "THAI" HOPE - นิชิโน๊ะ
ในสมัยก่อนเคยมี The Great White Hope ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่มวยรุ่น Heavy Weight ในอเมริกา แชมป์เปี้ยนถูกครองโดยคนผิวดำเป็นเวลานาน โดยที่ชาวผิวขาวไม่มีโอกาศได้แชมป์นั้นมาครองเลย -- ก็เลยมีคำพังเพยอันนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นความหวังในการค้นหา"นักมวยผิวขาว"ขึ้นมาเพื่อชิงแชมปรุ่นนี้คืนมา ก็เลยเกิดคำพังเพยอันนี้ขึ้นมา
ประเทศไทยในตอนนี้ ก็เกิดอาการแบบเดียวกันกับในอเมริกาสมัยก่อนโน้น ที่ฟุตบอลไทยในตอนนี้ แพ้ยับเยินต่อเวียตนามมาแล้วทุกรุ่นทุกทีม ถึงแม้จะเปลี่ยนโค้ชมาแล้วหลายคนก็ตาม ก็ยังแพ้เวียตอยู่อย่างนั้น ดังนั้นคำพังเพยอันนี้จึงเหมาะสมกับฟุตบอลไทยในสมัยนี้เป็นที่สุด THE GREAT "THAI" HOPE - นิชิโน๊ะ
โดยนิชิโน๊ะ จะเป็นความหวังอันสูงสุดของไทยในการที่จะมาทำให้ทีมฟุตบอลไทยกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิมอีกครั้ง (อย่างน้อย ก็ต้องเอาชนะเวียตนามให้ได้ และหวังว่าจะขึ้นไปในระดับ Top 5 ของเอเซียให้ได้ - ถ้าได้เข้ารอบสุดท้ายของ Olympic และ ฟุตบอลโลกด้วยก็จะยิ่งดีใหญ่) ความหวังอันนี้คนไทยเกือบทุกคนจะฝากไว้กับ โค้ชนิชิโน๊ะ ชาวญี่ปุ่นคนนี้
ผมบอกตรงนี้ได้เลยว่า เมื่อเราได้โค้ชฝีมือดีแบบนี้มาจากญี่ปุ่นแล้ว ก็ต้องให้ "เวลา" ของ "การฝึกซ้อมทีม" ให้เขาด้วย ไม่ใช่ไปยึดติดอยู่กับกติกาการปล่อยตัวของฟีฟ่าแค่ 7 วันก่อนการแข่งขันเท่านั้น
ซ้อมทีมได้ 7 วันก่อนแข่ง แล้วเวลานอกเหนือจากนั้นก็อยู่กับสโมสร แบบนี้โค้ชระดับโลกคนไหนก็ทำให้ทีมไทยเอาชนะทีมอื่นไม่ได้ (รวมทั้งการเอาชนะเวียตนามด้วย) เพราะฝีมือเรายังห่างจากทีมระดับ Top ของเอเซียอยู่อย่างมากๆ ในขณะที่เวียตนามมีเวลาซ้อมกันเป็นทีมมากกว่าเรา
เราแพ้เขาแล้วในตอนนี้ทุกรุ่น และเขามีเวลาซ้อมทีมมากกว่าของเราอีก แล้วอย่างนี้ทีมไทยเราจะไปเอาชนะเวียตนามได้อย่างไร และไม่มีทางที่จะแทรกเข้าไปในระดับ Top 5 ของเอเซียได้เลยครับ
ผมขอให้ความเห็นว่า ให้ทีมไทยที่นิชิโน๊ะคุมอยู่ (ทั้งชุดใหญ่ และชุดยู23) ได้มีโอกาศซ้อมทีม (แท็คติก/เซ็ตเพลย์/การป้องกัน/การเพรสซิ่ง/การแก้เพรสซิ่ง/รวมถึงเทคนิคการเล่นเป็นทีมทั้งหมด) ภายใต้การควบคุมของโค้ชคนนี้ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1-2 วัน ในช่วงเวลาที่ไม่มีการแข่งทัวนาเมนต์ในระดับชาติต่างๆ เพื่อเตรียมทีมให้พร้อมที่จะเล่นเป็นทีมที่รู้ใจกันทั้งทีม (วันอื่นๆ ก็เป็นหน้าที่ของแต่ละสโมสรเอานักเตะของตนไปเทรนเอง เพื่อแข่งให้สโมสร)
และในช่วงการแข่งขันตามฟีฟ่าเดย์หรือทัวนาเมนต์ที่ทีมชาติจะลงแข่ง ก็ต้องให้เวลากับโค้ชนิชิโน๊ะอีกอย่างน้อย 3 อาทิตย์ในการเก็บเพื่อซ้อมทีม เพื่อเรียนรู้เข้ากับระบบการเล่นต่างๆในรูปแบบเล่นเป็นทีม -- การซ้อมทีมแบบนี้จะทำให้เข้าใจระบบการเล่นเป็นทีมได้อย่าถ่องแท้ และจะเล่นได้แบบอัตโนมัติเมื่ออยู่ในสนาม (ผมเชื่อเช่นเดียวกันกับผู้จัดการทีมและโค้ชของสโมสรทุกท่านว่า พอแสวงนั้นมีความสำคัญมากกว่าพรสวรรค์ - นักเตะที่ฝีเท้าดีทุกคน ถ้าขาดการฝึกซ้อมก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ เช่นเดียวกันกับทีมฟุตบอล ถ้าไม่มีโอกาศที่จะฝึกซ้อมทีมร่วมกัน ก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะคู่แข่งที่มีการฝึกซ้อมที่มากกว่าได้)
แบบนี้แล้ว ทีมไทยถึงจะมีโอกาศที่จะเอาชนะเวียตนามได้ รวมทั้งพัฒนาตัวเองเข้าสู่ระดับ Top 5 ของเอเซียได้