คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ปล่อยให้แฟนบอลรอคอยกันมานานว่าตกลงโค้ชใหม่ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ และชุด ยู 23 จะเป็นใคร เนื่องจากใกล้การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 จะเริ่มต้นแข่งขันแล้วในวันที่ 5 กันยายนนี้ ซึ่งจะมีการจับสลากในอีกแค่ 2 อาทิตย์ข้างหน้า ส่วนชุดเล็กก็มีการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์ 2019 ที่ฟิลิปปินส์ ปลายปีนี้ รวมถึงชิงแชมป์เอเชีย 2020 รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีต้นปีหน้า ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะเป็นการคัดเอา 3 ทีมไปแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิก 2020 โควต้าเอเชีย
ปรากฎว่าสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย มีการให้ข่าวกับสื่อมวลชนและแฟนบอลว่า อากิระ นิชิโนะ อดีตโค้ชทีมชาติญี่ปุ่น ชุดฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายที่รัสเซีย ตอบตกลงเงื่อนไขเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนเซ็นสัญญาเท่านั้น โดยมีภาพของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กับยอดโค้ชรายนี้จับมือกันผ่านมาสื่อหลักของสมาคมฟุตบอลฯ
เรื่องนี้สร้างความปลาบปลื้มให้แฟนบอล และสื่อมวลชนเป็นอันมาก เพราะถือว่าสมาคมฟุตบอลฯ สามารถคว้าตัวโค้ชดีกรีดีเยี่ยมจากชาติหัวแถวของเอเชียมารับงานดังกล่าวได้ แต่ก็ดีใจไม่ถึง 24 ชั่วโมง นิชิโนะ เดินทางกลับถึงญี่ปุ่น มีนักข่าวเจ้าบ้านมาถามถึงการรับงานทีมชาติไทย ปรากฎว่าคำตอบที่บอกไปกลายเป็นเรื่อง "โอละพ่อ" ซะอย่างนั้น เขาบอกยังไม่ได้ตอบตกลงอะไรเลย
แน่นอนว่าภาพลักษณ์ที่กำลังจะดูดีของสมาคมฟุตบอลฯ และตัว พล.ต.อ.สมยศ กลายเป็นติดลบโดนถล่มจากโค้ชคีย์บอร์ด จนต้องออกมาชี้แจงว่า ยังไม่ได้เซ็นสัญญากันจริงๆ แต่ไม่น่าจะพลาด เพราะตกลงกันไปหลายเรื่องแล้ว อยู่ระหว่างการให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาสัญญาก่อนจรดปากกาเท่านั้น
จากมุมมองส่วนตัวผมเชื่อว่านี่คือเกมอย่างหนึ่งของ นิชิโนะ ที่ต้องยอมรับว่าเขาคงสนใจรับงานจริง ไม่เช่นนั้นคงไม่เดินทางมาสัมภาษณ์งานถึงสมาคมฟุตบอลฯ เพียงแต่ เขาอาจจะยังไม่โอเค กับเงื่อนไขในสัญญา ที่คิดว่าน่าจะต้องปรับปรุง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าเหนื่อย ที่ระบุว่า นิชิโนะ อาจรับเงินเดือน 2.5 ล้านบาท ซึ่งระดับนี้อาจจะเรียกได้มากกว่า เนื่องจากมีงานเพิ่มคือพ่วงทีม ยู 23 ที่ยังหวังผลเลิศคือตั๋ว "โตเกียวเกมส์" มาด้วย รวมถึงนโยบายการส่งสตาฟฟ์โค้ชชาวไทยไปแทรกในทีมชาติทุกชุด เนื่องจากเขาก็ต้องมีทีมงานส่วนตัวที่รู้มือกันอยู่แล้ว
ก็อย่างที่ พล.ต.อ.สมยศ พยายามอธิบายว่า ภาพถ่ายตอนจับมือกัน และข่าวที่สมาคมฟุตบอลฯ ประกาศว่าตกลงกับ นิชิโนะ ได้แล้วนั้นก็มีการขออนุญาตเจ้าตัวแล้วด้วย ซึ่งเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากเป็นการเรียกราคาให้ตัวเอง ในเมื่อสมาคมฟุตบอลไทย ออกข่าวแบบนี้แล้ว หากไม่เซ็นหรือวืดตัวกุนซือรายนี้ขึ้นมา ใครหละจะเป็นฝ่ายเสียหน้า? เรื่องนี้น่าจะเป็นเกมการต่อรองเสียมากกว่า ซึ่งจากนี้หากว่า นิชิโนะ ขออะไรมาก็คงต้องเออๆ ออๆ กับเขาไปนั่นแหละ
ส่วนมาแล้วผลงานจะดีไหม? ถ้ามุมมองส่วนตัวคิดว่าเราต้องดูภาพรวม แม้ว่าโค้ชมีส่วนในการยกระดับนักฟุตบอล หรือทีมก็จริง แต่ต้องไม่ลืมว่านักฟุตบอลทีมชาติไทย เรามีความสามารถอยู่ระดับไหนด้วย คือตำแหน่งเจ้าอาเซียน คงไม่ยากหรอก แต่การไปอยู่หัวแถวของทวีปด้วยการเปลี่ยนโค้ชในระยะเวลาสั้นๆ นั้นยาก แค่อยากให้ทำใจและยอมรับว่าเราจะไม่หวังอะไรเกินตัว แล้วเดี๋ยวพอผิดหวังก็จะมาบ่นว่า "อาย" กันอีก...
https://mgronline.com/sport/detail/9620000063789
หลงเหลี่ยม "นิชิโนะ"? / แมวดำ เผยแพร่: 5 ก.ค. 2562 11:21 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ปล่อยให้แฟนบอลรอคอยกันมานานว่าตกลงโค้ชใหม่ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ และชุด ยู 23 จะเป็นใคร เนื่องจากใกล้การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 จะเริ่มต้นแข่งขันแล้วในวันที่ 5 กันยายนนี้ ซึ่งจะมีการจับสลากในอีกแค่ 2 อาทิตย์ข้างหน้า ส่วนชุดเล็กก็มีการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์ 2019 ที่ฟิลิปปินส์ ปลายปีนี้ รวมถึงชิงแชมป์เอเชีย 2020 รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีต้นปีหน้า ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะเป็นการคัดเอา 3 ทีมไปแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิก 2020 โควต้าเอเชีย
ปรากฎว่าสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย มีการให้ข่าวกับสื่อมวลชนและแฟนบอลว่า อากิระ นิชิโนะ อดีตโค้ชทีมชาติญี่ปุ่น ชุดฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายที่รัสเซีย ตอบตกลงเงื่อนไขเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนเซ็นสัญญาเท่านั้น โดยมีภาพของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กับยอดโค้ชรายนี้จับมือกันผ่านมาสื่อหลักของสมาคมฟุตบอลฯ
เรื่องนี้สร้างความปลาบปลื้มให้แฟนบอล และสื่อมวลชนเป็นอันมาก เพราะถือว่าสมาคมฟุตบอลฯ สามารถคว้าตัวโค้ชดีกรีดีเยี่ยมจากชาติหัวแถวของเอเชียมารับงานดังกล่าวได้ แต่ก็ดีใจไม่ถึง 24 ชั่วโมง นิชิโนะ เดินทางกลับถึงญี่ปุ่น มีนักข่าวเจ้าบ้านมาถามถึงการรับงานทีมชาติไทย ปรากฎว่าคำตอบที่บอกไปกลายเป็นเรื่อง "โอละพ่อ" ซะอย่างนั้น เขาบอกยังไม่ได้ตอบตกลงอะไรเลย
แน่นอนว่าภาพลักษณ์ที่กำลังจะดูดีของสมาคมฟุตบอลฯ และตัว พล.ต.อ.สมยศ กลายเป็นติดลบโดนถล่มจากโค้ชคีย์บอร์ด จนต้องออกมาชี้แจงว่า ยังไม่ได้เซ็นสัญญากันจริงๆ แต่ไม่น่าจะพลาด เพราะตกลงกันไปหลายเรื่องแล้ว อยู่ระหว่างการให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาสัญญาก่อนจรดปากกาเท่านั้น
จากมุมมองส่วนตัวผมเชื่อว่านี่คือเกมอย่างหนึ่งของ นิชิโนะ ที่ต้องยอมรับว่าเขาคงสนใจรับงานจริง ไม่เช่นนั้นคงไม่เดินทางมาสัมภาษณ์งานถึงสมาคมฟุตบอลฯ เพียงแต่ เขาอาจจะยังไม่โอเค กับเงื่อนไขในสัญญา ที่คิดว่าน่าจะต้องปรับปรุง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าเหนื่อย ที่ระบุว่า นิชิโนะ อาจรับเงินเดือน 2.5 ล้านบาท ซึ่งระดับนี้อาจจะเรียกได้มากกว่า เนื่องจากมีงานเพิ่มคือพ่วงทีม ยู 23 ที่ยังหวังผลเลิศคือตั๋ว "โตเกียวเกมส์" มาด้วย รวมถึงนโยบายการส่งสตาฟฟ์โค้ชชาวไทยไปแทรกในทีมชาติทุกชุด เนื่องจากเขาก็ต้องมีทีมงานส่วนตัวที่รู้มือกันอยู่แล้ว
ก็อย่างที่ พล.ต.อ.สมยศ พยายามอธิบายว่า ภาพถ่ายตอนจับมือกัน และข่าวที่สมาคมฟุตบอลฯ ประกาศว่าตกลงกับ นิชิโนะ ได้แล้วนั้นก็มีการขออนุญาตเจ้าตัวแล้วด้วย ซึ่งเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากเป็นการเรียกราคาให้ตัวเอง ในเมื่อสมาคมฟุตบอลไทย ออกข่าวแบบนี้แล้ว หากไม่เซ็นหรือวืดตัวกุนซือรายนี้ขึ้นมา ใครหละจะเป็นฝ่ายเสียหน้า? เรื่องนี้น่าจะเป็นเกมการต่อรองเสียมากกว่า ซึ่งจากนี้หากว่า นิชิโนะ ขออะไรมาก็คงต้องเออๆ ออๆ กับเขาไปนั่นแหละ
ส่วนมาแล้วผลงานจะดีไหม? ถ้ามุมมองส่วนตัวคิดว่าเราต้องดูภาพรวม แม้ว่าโค้ชมีส่วนในการยกระดับนักฟุตบอล หรือทีมก็จริง แต่ต้องไม่ลืมว่านักฟุตบอลทีมชาติไทย เรามีความสามารถอยู่ระดับไหนด้วย คือตำแหน่งเจ้าอาเซียน คงไม่ยากหรอก แต่การไปอยู่หัวแถวของทวีปด้วยการเปลี่ยนโค้ชในระยะเวลาสั้นๆ นั้นยาก แค่อยากให้ทำใจและยอมรับว่าเราจะไม่หวังอะไรเกินตัว แล้วเดี๋ยวพอผิดหวังก็จะมาบ่นว่า "อาย" กันอีก...
https://mgronline.com/sport/detail/9620000063789