เมื่อวานตอนเย็น ฝนตกพรำๆ ผมขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน เส้นกำแพงเพชร 6 (โลคัล โร้ด) ถึงหน้า รร.มิราเคิล เห็นคุณป้าท่านหนึ่งยืนบนทางม้าลาย รอข้ามถนน ผมมองกระจกหลังแล้ว เห็นว่ารถที่ตามมาข้างหลังอยู่ไกลและขับไม่เร็วมากทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ เลยหยุดรถ เปิดไฟกะพริบ และยกมือซ้ายเป็นสัญญาณให้รถข้างหลังหยุด
คุณป้าก็เดินข้ามมาได้ 2 ก้าว
แต่มีกระบะสีขาวที่ขับตามหลังมาบีบแตรใส่ และกะพริบไฟสูงไล่ จนคุณป้าตกใจ ถอยหลังขึ้นไปยืนบนฟุตบาท (ทั้งที่ตอนรอข้าม แกยืนบนถนนแล้ว)
ผมก็เลยต้องขับรถออกมา ไอ้กระบะคันนั้นก็เร่งแซงไปติดไฟแดงห่างไปสัก 200 เมตร
พอขี่ตามทัน เห็นคนขับผู้ชายอายุประมาณ 50 เปิดกระจกไว้ครึ่งบาน ก็เลยตะโกนถามว่า “คุณบีบแต่ไล่ทำไม ไม่เห็นเหรอว่าหยุดให้คนข้าม” มันก็บอก “ ฝนตก ถนนลื่น กลัวล้ม ผมเลยเปิดไฟเตือนเฉยๆ” ผมก็ไม่ว่าไร แค่ชูนิ้วกลางใส่ แล้วขี่ออกมา
ถ้าเมื่อวานไม่มีแฟนซ้อนท้ายด้วย ผมคงจอดรถขวางถนน แล้วไปจูงคุณป้าเดินข้ามมา
นี่คือเหตุผลหนึ่งที่คนขี่มอเตอร์ไซค์กลัวเวลาจะหยุดรถ ไม่ว่าทางม้าลาย หรือตอนไฟเขียวเปลี่ยนเป็นไฟแดง คือไอ้พวกรถขาแรงที่ซิ่งตามหลังมานี่แหละ
ถูกบีบแตรเปิดไฟไล่ เพราะหยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย
คุณป้าก็เดินข้ามมาได้ 2 ก้าว
แต่มีกระบะสีขาวที่ขับตามหลังมาบีบแตรใส่ และกะพริบไฟสูงไล่ จนคุณป้าตกใจ ถอยหลังขึ้นไปยืนบนฟุตบาท (ทั้งที่ตอนรอข้าม แกยืนบนถนนแล้ว)
ผมก็เลยต้องขับรถออกมา ไอ้กระบะคันนั้นก็เร่งแซงไปติดไฟแดงห่างไปสัก 200 เมตร
พอขี่ตามทัน เห็นคนขับผู้ชายอายุประมาณ 50 เปิดกระจกไว้ครึ่งบาน ก็เลยตะโกนถามว่า “คุณบีบแต่ไล่ทำไม ไม่เห็นเหรอว่าหยุดให้คนข้าม” มันก็บอก “ ฝนตก ถนนลื่น กลัวล้ม ผมเลยเปิดไฟเตือนเฉยๆ” ผมก็ไม่ว่าไร แค่ชูนิ้วกลางใส่ แล้วขี่ออกมา
ถ้าเมื่อวานไม่มีแฟนซ้อนท้ายด้วย ผมคงจอดรถขวางถนน แล้วไปจูงคุณป้าเดินข้ามมา
นี่คือเหตุผลหนึ่งที่คนขี่มอเตอร์ไซค์กลัวเวลาจะหยุดรถ ไม่ว่าทางม้าลาย หรือตอนไฟเขียวเปลี่ยนเป็นไฟแดง คือไอ้พวกรถขาแรงที่ซิ่งตามหลังมานี่แหละ