กลับมาอีกครั้งกับบทสัมภาษณ์ผู้จัดละคร
ครั้งนี้แอดได้นำบทสัมภาษณ์ของคุณบอย ถกลเกียรติ ผู้บริหารคนสำคัญของ 'เอ็กแซ็กท์'
ค่ายละครที่ได้สร้างความแตกต่าง และแหวกขนบละครให้ละครมีความทันสมัยมากขึ้น
บทสัมภาษณ์จะเป็นอย่างไรติดตามอ่านได้ในย่อหน้าถัดไปได้เลยค่ะ
ไม่ถือว่าเป็นค่ายน้องใหม่แล้วสำหรับ 'เอ็กแซกท์' เพราะจากผลงานที่ผ่านมามักจะกู้หน้าให้กับละครทาง 'ช่อง 5' ได้เสมอๆ และตอนนี้ก็ต้องถือว่าเป็นค่ายที่น่าจับตามองอย่างมาก แม้ว่าจะเพิ่งตั้งมาได้ไม่กี่ปี
ซึ่งคนที่เป็นกำลังสำคัญไปสู่ความสำเร็จ ก็คือ
'บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ' กรรมการผู้จัดการคนนี้นั่นเอง
"มันเป็นอะไรที่เราจะต้องตื่นตัว เพราะตอนนี้คนดูมีทางเลือกเพิ่มขึ้น พัฒนาขึ้น ซึ่งเท่าที่ผ่านมาถ้าละครเรื่องไหนน้ำเน่าจนรับไม่ได้ เราจะได้การตอบกลับจากคนดูเหล่านี้ทันทีว่า
ทำไม?? คนทำละครถึงได้ดูถูกคนดูอย่างนี้"
"จริงๆ แล้วละครของผมทุกเรื่องก็น้ำเน่าหมด แต่ผมมีจุดยืนที่ทำให้ไม่เป็นละครน้ำเน่าได้ คือใส่ความสมเหตุสมผลเข้าไป
ตรงนี้แหละที่ทำให้ความเป็นน้ำเน่าถูกเลือนหายไป
ตลาดคนดูจะยอมรับ
เพราะผมกล้าบอกได้เลยว่าเดี๋ยวนี้ความสำเร็จมันอยู่ที่ตัวของผลงาน"
"เหตุผลที่ผมชอบทำละครที่ พล็อตเรื่องขึ้นมาเองนั้น ก็เพราะผมเห็นว่าการที่เราทำละครเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เอามาจากบทประพันธ์หรือในหนังสืออะไรก็แล้วแต่ มันก็ต้องเอามาปรับปรุงดัดแปลงอยู่ดี ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องคิดกันเยอะหลายตลบ
เนื่องจากต้องให้ตรงกับหลักของบทประพันธ์ไม่เช่นนั้นคนดูที่เคยอ่านมาแล้วหรือเจ้าของบทประพันธ์เอง เขาต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์แน่นอน
ก็เลยคิดเรื่องเองมันเสียเลยจะดีกว่า เราจะได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ
อีกอย่างหนึ่ง ที่เราไม่นิยมเอาบทประพันธ์มาทำละครก็เพราะว่าเราแย่งเค้าไม่ทัน ขี้เกียจแย่งเขาด้วย ไม่รู้จะแย่งไปทำไม
พอเอาเข้าจริงๆ เราก็พิสูจน์ให้เห็นว่า
ละครที่เราพล็อตเรื่องขึ้นมาเอง ก็ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน"
"การคิดพล็อตเรื่องเอง มันอยู่ที่ว่าเราเป็นคนแม่นประเด็นหรือเปล่า ว่าการคิดพล็อตเรื่องแต่ละเรื่องนั้นมีอะไรให้คนดูคิดตาม แล้วคิดอย่างไรที่ทำให้คนดูเกิดการติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่อย่างนั้นคนดูก็คงหมดอารมณ์ชมกันตั้งแต่ต้นเรื่องแน่นอน
อย่างใน 'เพื่อเธอ' ชานนท์ จะตายหรือไม่ตาย??
ใน 'อยากหยุดตะวันฯ' น้ำเชี่ยวกับเจ้าหญิงจะได้อยู่ด้วยกันมั้ย??
หรือ
'รักในรอยแค้น' พัดยศจะตายหรือเปล่า??
ประเด็นพวกนี้คงจะไม่มีขึ้นมาให้คนฮือฮากันหรอก ถ้าเผื่อเราเอามาจากบทประพันธ์
ดังนั้นประเด็นของเราจะต้องชัด ที่เราทำละครแนวนี้บ่อยก็เพราะเราเป็นคนแม่นประเด็นด้วย แต่บางทีเราเอาประเด็นคนอื่นมาเล่น ก็ได้ไม่แปลก"
"สำหรับละครที่นำเอามาจากบทประพันธ์ ของเราก็มีบ้างบางส่วน แต่ไม่ถึงกับมากเหมือนกับเจ้าอื่น
เพราะเราเอามาเก็บไว้เพื่อที่จะสร้างให้คนดูได้ชมละครที่หลากหลาย
ตอนนี้ก็ยังดูๆ อยู่ว่าพร้อมเมื่อไหร่ก็จะทำ
เพราะตรงนี้ขึ้นอยู่กับความเอ่อล้นของละครในตอนนั้นด้วยว่าละครแนวที่เราจะทำจากบทประพันธ์ที่ซื้อมาเนี่ยในช่วงนั้นผู้จัดฯ แต่ละช่องผลิตออกชนมากไปหรือเปล่า"
"ปีหน้าเอ็กแซ็กท์ก็ยังเน้นที่จะผลิตละครให้หลากหลาย เพื่อไม่ให้คนดูเกิดความจำเจ โดยเราคงมุ่งไปที่ละครที่เราพล็อตเรื่องขึ้นเอง ซึ่งเราถนัดมากกว่าละครที่เอามาจากบทประพันธ์ ซึ่งเรื่องที่เราคิดพล็อตไว้นั้นมีเยอะมาก รับรองว่าทุกเรื่องจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวังแน่นอน
เราจะพยายามหางานที่สร้างสรรค์ มีคุณภาพ ให้ท่านผู้ชมทุกท่านได้รับอรรถรสในการดูอย่างคุ้มค่าที่สุด"
ถ้าเกิดว่า 'เอ็กแซ็กท์' มุ่งมั่นที่จะทำละครพล็อตอย่างนี้อยู่ก็คงต้องขอแสดงความดีใจกับแฟนๆ ละครทุกท่านด้วย
โดยเฉพาะพวกหนอนหนังสือ นักเลงนิยายที่ดูละครทีวีแล้วเสียอารมณ์ เนื่องจากบทประพันธ์ถูกดัดแปลงจนจำแทบไม่ได้ เพราะท่านสามารถหลบความจำเจมาหาสิ่งใหม่ๆ จากละครของค่ายนี้ได้
ก็จบกันไปแล้วนะคะกับบทสัมภาษณ์ของคุณบอย
ผู้บริหารคนสำคัญของเอ็กแซ็กท์
ในอดีตเอ็กแซ็กท์จัดว่าเป็นค่ายที่สร้างละครในรสชาติที่แตกต่างจากค่ายอื่นๆ ในยุคนั้น
ส่งผลให้คนดูอย่างเราได้ดูอะไรที่แปลกใหม่ แตกต่าง ไม่ซ้ำซากจำเจ เหมือนที่เราๆ เคยได้ดูมา
มีละครของเอ็กแซ็กท์เรื่องใดที่ทุกคนชื่นชอบคะ
สวัสดี.
ขอขอบพระคุณบทความจาก
นิตยสารทีวีพูล ประจำวันที่ 14-20 มิ.ย. พ.ศ. 2539
คอลัมน์ 12 ผู้จัดละครทีวีดัง
ขอแท็ค exact ด้วยนะคะ
แก้ไขชื่อคุณบอยแล้วนะคะ ต้องขออภัยในความผิดพลาดด้วยนะคะ
ย้อนอดีตกับบทสัมภาษณ์ของคุณบอย ถลกเกียรติ จาก นิตยสารทีวีพูล ฉบับปี 2539
ครั้งนี้แอดได้นำบทสัมภาษณ์ของคุณบอย ถกลเกียรติ ผู้บริหารคนสำคัญของ 'เอ็กแซ็กท์'
ค่ายละครที่ได้สร้างความแตกต่าง และแหวกขนบละครให้ละครมีความทันสมัยมากขึ้น
บทสัมภาษณ์จะเป็นอย่างไรติดตามอ่านได้ในย่อหน้าถัดไปได้เลยค่ะ
ไม่ถือว่าเป็นค่ายน้องใหม่แล้วสำหรับ 'เอ็กแซกท์' เพราะจากผลงานที่ผ่านมามักจะกู้หน้าให้กับละครทาง 'ช่อง 5' ได้เสมอๆ และตอนนี้ก็ต้องถือว่าเป็นค่ายที่น่าจับตามองอย่างมาก แม้ว่าจะเพิ่งตั้งมาได้ไม่กี่ปี
ซึ่งคนที่เป็นกำลังสำคัญไปสู่ความสำเร็จ ก็คือ
'บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ' กรรมการผู้จัดการคนนี้นั่นเอง
"มันเป็นอะไรที่เราจะต้องตื่นตัว เพราะตอนนี้คนดูมีทางเลือกเพิ่มขึ้น พัฒนาขึ้น ซึ่งเท่าที่ผ่านมาถ้าละครเรื่องไหนน้ำเน่าจนรับไม่ได้ เราจะได้การตอบกลับจากคนดูเหล่านี้ทันทีว่า
ทำไม?? คนทำละครถึงได้ดูถูกคนดูอย่างนี้"
"จริงๆ แล้วละครของผมทุกเรื่องก็น้ำเน่าหมด แต่ผมมีจุดยืนที่ทำให้ไม่เป็นละครน้ำเน่าได้ คือใส่ความสมเหตุสมผลเข้าไป
ตรงนี้แหละที่ทำให้ความเป็นน้ำเน่าถูกเลือนหายไป
ตลาดคนดูจะยอมรับ
เพราะผมกล้าบอกได้เลยว่าเดี๋ยวนี้ความสำเร็จมันอยู่ที่ตัวของผลงาน"
"เหตุผลที่ผมชอบทำละครที่ พล็อตเรื่องขึ้นมาเองนั้น ก็เพราะผมเห็นว่าการที่เราทำละครเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เอามาจากบทประพันธ์หรือในหนังสืออะไรก็แล้วแต่ มันก็ต้องเอามาปรับปรุงดัดแปลงอยู่ดี ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องคิดกันเยอะหลายตลบ
เนื่องจากต้องให้ตรงกับหลักของบทประพันธ์ไม่เช่นนั้นคนดูที่เคยอ่านมาแล้วหรือเจ้าของบทประพันธ์เอง เขาต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์แน่นอน
ก็เลยคิดเรื่องเองมันเสียเลยจะดีกว่า เราจะได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ
อีกอย่างหนึ่ง ที่เราไม่นิยมเอาบทประพันธ์มาทำละครก็เพราะว่าเราแย่งเค้าไม่ทัน ขี้เกียจแย่งเขาด้วย ไม่รู้จะแย่งไปทำไม
พอเอาเข้าจริงๆ เราก็พิสูจน์ให้เห็นว่า
ละครที่เราพล็อตเรื่องขึ้นมาเอง ก็ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน"
"การคิดพล็อตเรื่องเอง มันอยู่ที่ว่าเราเป็นคนแม่นประเด็นหรือเปล่า ว่าการคิดพล็อตเรื่องแต่ละเรื่องนั้นมีอะไรให้คนดูคิดตาม แล้วคิดอย่างไรที่ทำให้คนดูเกิดการติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่อย่างนั้นคนดูก็คงหมดอารมณ์ชมกันตั้งแต่ต้นเรื่องแน่นอน
อย่างใน 'เพื่อเธอ' ชานนท์ จะตายหรือไม่ตาย??
ใน 'อยากหยุดตะวันฯ' น้ำเชี่ยวกับเจ้าหญิงจะได้อยู่ด้วยกันมั้ย??
หรือ
'รักในรอยแค้น' พัดยศจะตายหรือเปล่า??
ประเด็นพวกนี้คงจะไม่มีขึ้นมาให้คนฮือฮากันหรอก ถ้าเผื่อเราเอามาจากบทประพันธ์
ดังนั้นประเด็นของเราจะต้องชัด ที่เราทำละครแนวนี้บ่อยก็เพราะเราเป็นคนแม่นประเด็นด้วย แต่บางทีเราเอาประเด็นคนอื่นมาเล่น ก็ได้ไม่แปลก"
"สำหรับละครที่นำเอามาจากบทประพันธ์ ของเราก็มีบ้างบางส่วน แต่ไม่ถึงกับมากเหมือนกับเจ้าอื่น
เพราะเราเอามาเก็บไว้เพื่อที่จะสร้างให้คนดูได้ชมละครที่หลากหลาย
ตอนนี้ก็ยังดูๆ อยู่ว่าพร้อมเมื่อไหร่ก็จะทำ
เพราะตรงนี้ขึ้นอยู่กับความเอ่อล้นของละครในตอนนั้นด้วยว่าละครแนวที่เราจะทำจากบทประพันธ์ที่ซื้อมาเนี่ยในช่วงนั้นผู้จัดฯ แต่ละช่องผลิตออกชนมากไปหรือเปล่า"
"ปีหน้าเอ็กแซ็กท์ก็ยังเน้นที่จะผลิตละครให้หลากหลาย เพื่อไม่ให้คนดูเกิดความจำเจ โดยเราคงมุ่งไปที่ละครที่เราพล็อตเรื่องขึ้นเอง ซึ่งเราถนัดมากกว่าละครที่เอามาจากบทประพันธ์ ซึ่งเรื่องที่เราคิดพล็อตไว้นั้นมีเยอะมาก รับรองว่าทุกเรื่องจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวังแน่นอน
เราจะพยายามหางานที่สร้างสรรค์ มีคุณภาพ ให้ท่านผู้ชมทุกท่านได้รับอรรถรสในการดูอย่างคุ้มค่าที่สุด"
ถ้าเกิดว่า 'เอ็กแซ็กท์' มุ่งมั่นที่จะทำละครพล็อตอย่างนี้อยู่ก็คงต้องขอแสดงความดีใจกับแฟนๆ ละครทุกท่านด้วย
โดยเฉพาะพวกหนอนหนังสือ นักเลงนิยายที่ดูละครทีวีแล้วเสียอารมณ์ เนื่องจากบทประพันธ์ถูกดัดแปลงจนจำแทบไม่ได้ เพราะท่านสามารถหลบความจำเจมาหาสิ่งใหม่ๆ จากละครของค่ายนี้ได้
ก็จบกันไปแล้วนะคะกับบทสัมภาษณ์ของคุณบอย
ผู้บริหารคนสำคัญของเอ็กแซ็กท์
ในอดีตเอ็กแซ็กท์จัดว่าเป็นค่ายที่สร้างละครในรสชาติที่แตกต่างจากค่ายอื่นๆ ในยุคนั้น
ส่งผลให้คนดูอย่างเราได้ดูอะไรที่แปลกใหม่ แตกต่าง ไม่ซ้ำซากจำเจ เหมือนที่เราๆ เคยได้ดูมา
มีละครของเอ็กแซ็กท์เรื่องใดที่ทุกคนชื่นชอบคะ
สวัสดี.
ขอขอบพระคุณบทความจาก
นิตยสารทีวีพูล ประจำวันที่ 14-20 มิ.ย. พ.ศ. 2539
คอลัมน์ 12 ผู้จัดละครทีวีดัง
ขอแท็ค exact ด้วยนะคะ
แก้ไขชื่อคุณบอยแล้วนะคะ ต้องขออภัยในความผิดพลาดด้วยนะคะ