เราก็เริ่มจากที่เข้าไปดูเรื่อยว่าใน apps Travelvoka อีก ว่ามีตั๋วไปกลับโตเกียว ราคาไม่เกิน 8000 หรือไม่ โดยตั้งงบไว้แล้วมี alert ค่อยแจ้งว่าจะมีช่วงไหนที่เราตั้งไว้บ้าง และล่วงหน้าก่อนเดินทางประมาณ 2-3 สัปดาห์
*คือต้นเดือน มิถุนายน 2019 เราก็๋ได้ตั๋วไปกลับ Lionair ไปโตเกียวในราคา 5709 บาทต่อคน รวมเป็นเงิน 17128 บาท สำหรับตั๋ว แต่เราเพิ่มบริการอื่นเผื่อไว้ เช่น เลือกที่นั่งเลย เพราะกลัวจะได้แยกกันนั่งในการเดินทางบนเครื่องหลายชั่วโมง
Add on
*จองที่นั่งล่วงหน้า 1500 บาท สำหรับ 3 ที่
*ซื้อน้ำหนักกระเป๋าไว้แค่ 5 kg เพราะเราเอาไปไม่เยอะ ทั้งไปและกลับ เพราะเราไม่แน่ใจเรื่องน้ำหนักกระเป่าแต่เราหิ้วขึ้นเครื่องไม่โหลด แค่เผื่อว่าน้ำหนักเกินจะได้แยกออกมาโหลด ราคา 5 kg 300 บาท ขาไป และขากลับ อีก 5 kg 300 บาท
*ซื้อประกันการเดินทางเพิ่มอีก 260 บาทต่อคน รวม 780 บาท เผื่อเจ็บป่วย เพราะฝนตกทุกวัน
เราใช้บริการ Klook อีก
ซื้อ sim AIS 3 อัน ราคา 299 x 3 = 897 บาท
ซื้อ ตั๋ว Tokyo Subway 48 hrs = 299x3 = 897 บาท
เป็นการเดินทางต่างประเทศครั้งแรกที่เราต้องนั่งนานมากและทรมาณมาก
Flight ที่เราได้ ออกเดินทาง 00.50 a.m ถึง Tokyo 9.10 a.m เราเลิกงาน หกโมงเย็นต้องรีบกลับไป เอากระเป๋าแล้วไปขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง ส่วนลูกไปเรียนที่มหาวิทยาลัย เราเลยให้เลยไปเจอกันที่สนามบินเลย ก็มากันแบบเหนื่อยๆ แล้วเครื่องยังออกดึกมาก เราขึ้นเครื่องกัน เราก็หลับสนิทกันไปเลย 3-4 ชั่วโมง แต่ด้วยความที่นั่งติดหน้าต่าง บนท้องฟ้า ช่วง ตีสี่ ตีห้า ก็เริ่มสว่างแล้วเลยทำให้เรานอนกันไม่หลับเท่าไหร่ และที่นั่งก็แคบๆ
เราตั้งใจว่าเราจะเดินเล่นไปเรื่อยๆ เหมือนที่สิงคโปร์ เหนื่อยก็พัก พอเราถึงสนามบิน เราตัดสินใจใช้บริการ Narita Express โดยซื้อที่สนามบินแบบไปกลับ คนละ 4000 เยนต่อคน น่าจะคุ้มสุดและไม่ลำบากนั่งตรงถึง Shibuya station ที่เราพักแถวนั้นพอดี
ที่พัก เราใช้บริการ expedia apps หาโรงแรมที่ใกล้ MRT ใกล้แหล่งเที่ยว แต่ไม่แพงเกิน 4000 บาทต่อคืน แต่ก็เกินนิดหน่อย เพราะพักในห้องเดียว 3 คน ราคาต่อคืนเลยเพิ่มขึ้น เราพักที่ Hotel Fukudaya น่าพักมาก เป็นเหมือนบ้านเก่าๆ ห้องพักนอนพื้นปูนเสื่อญี่ปุ่น มีชุดยูกาตะให้ใส่นอน มีห้องน้ำในตัว แต่ห้องเล็กมาก มีอ่างอาบน้ำเล็กๆ น้ำเย็น น้ำอุ่น อุปกรณ์อาบน้าสระผม มีผู้เช็คตัว ใช้ขัดตัวผืนเล็ก สามารถนั่งสูบบุหรี่ที่ lobby เล็กได้ หน้าปากซอยเดินไม่ไกลมี Family mart เยอะมาก เดินไปอีกหน่อยก็เป็น Shibuya แล้ว เดินได้ สามทาง เราเลยเดินดุไปเรื่อยทั้งสามทาง ระหว่างทางมีร้านอาหารมากมาย หลายอย่าง รวมค่าโรงแรม 9000 กว่าบาท
เราจัดอาหารมื้อแพง คือเนื้อย่าง วากิว ประมาณ 7000 กว่าเยน สำหรับ 3 คน กับ Seafood buffet สำหรับ 4 คน (นัดเจอน้องที่รู้จัก) 15000 เยน
นอกนั้น ก็กินมื้ัอกลางวัน มื้อเช้า ตกมื้อละ 2000-3000 เยน สำหรับ 3 คน
เส้นทางในการเที่ยวของเรา ก็พยายามจัดที่ไปได้ที่สุด
วันแรก
Shibuya > Big Camera > Shinjuku > Harajuku > Shibuya
วันที่สอง
Asakusa > วัด Asakusa > Ueno > ตลาดอะเมโยโกะ – Ameyoko Market > เดินตรงไป Akihabara > Tokyo Station > Shibuya
วันทีสามเดินทางกลับไป นาริตะ ด้วย Narita Express
** ตอนขามา Shibuya ด้วย Narita Express ที่เคาวเตอร์ ก็อะไรอธิบายน้อยมาก เราก็จะงงๆ ให้ตั๋วไปทั้งไปและกลับ แต่รายละเอียอตั๋วจะไม่เหมือนกัน
ขามา มีการจองที่นั่งให้แต่ขากลับไม่มีเบอร์ที่นั่ง เราก็งงๆ นึกว่า นั่งที่เดิม แต่ก็จำไม่ได้อยู่ดี เพราะตั๋วเอาใส่เครื่องก็หายไปเลย
ตอนขากลับ เราก็งงกันว่าจะนั่งตรงไหน เราเลยเดินไปถามคนเดินตั๋ว เค้าดุเรามาก บอกว่ารอก่อน รอก่อน แล้วเค้าก็ไปคุยกับผู้โดยสารคนอื่น เราก็ถามว่าเรานั่งตรงไหนได้ เป็นภาษาอังกฤา เอาตั๋วให้ดู เค้าก็ตะคอกมาว่า นั่งตรงไหนก็นั่งไป 3 ที่นะ เราก็ทำหน้างงๆ นั่งตรงไหนก้ได้เรอ เค้าก็ตะคอกอีก พูดคำเดิม 2 รอบ เราเลยไปนั่งที่ว่างๆ สามที แล้วซักพัก ก็มีฝรั่งมาถามว่านี้ที่นั่งเค้าหรือเปล่า เราก็ตกใจ อ๋อใช่ๆ ก็เลยขยับไปนั่งตรงอื่นๆ เรานี้เครียดเลย นั่งหาข้อมูลทาง net หน่อยสิ ยังงัย ปรากฏว่าระเบียบบอกว่าถ้าเราไม่ได้จองที่นั่ง เรานั่งตรงไหนก้ได้ แต่ถ้ามีนั่งตรงมีคนจองก็ต้องลุกให้เค้านั่งแทน
อ๋อเราเลยค่อยสบายใจ .......
*การใช้ Tokyo subway ก็ดีนะ ประหยัด แต่บางที เราก็งง เพราะต้องไปต่อหลายจุดมากกว่าจะถึง แต่ละสถานีที่จะไป เราใช้ Apps Tokyo subway กับ Google map คู่กัน
เราใช้ Apps Tokyo subway หาสถานีที่ใช้บัตรได้ก่อน ถ้าไม่มี เราก็จะใช้ Google หาแทน แล้วดูภาพรวมว่า มีต่อ Tokyo subway ตรงไหน เพราะเราไม่อยากเสียเงิน ซื้อตั๋ว JR หรือ รถอื่น เพิ่มอีก มันแพงมาก สำหรับ 3 คน
แล้วสถานีแต่ละแห่งกว้างมาก หลงทาง ขึ้นลงตลอด จำชื่อสถานีก็ยากละ มารู้ที่หลังว่าให้จำว่า อักษรอะไร สายสีออะไร เบอร์อะไร ขึ้นแต่ละครั้งทะเลาะกะสามีประจำเลย กว่าจะหาทางออก กว่าจะหาทางไป โอย เหนื่อย
คนญี่ปุ่นตามสถานีเดินเร็วมากกก แค่เห็นเค้าเดินเราก็เหนื่อยละ รีบเร่งไปหมด
รวมทั้งหมด
*เครื่องบิน + โรงแรม อื่นๆ เป็นเงิน 29088 บาท หาร 3 = 9,696 บาทต่อคน
*ค่าเดินทาง + sim = 3413+1794 =5207 บาท หาร 3 = 1,735.66 บาทต่อคน
Narita Express 12000 เยน = 3413 บาท
Klook = 1794 บาท
*ค่าอาหาร = 8000+3000+3000+15200 = 29200 เยน = 8,305.53 บาท หาร 3 = 2,768.51 บาทต่อคน
เนื้อย่าง วากิว = 8000 เยน
ราเมง = 3000 เยน
ข้าวหน้าปลาไหล 3000 เยน
Buffet Seafood = 15,200 เยน
*ค่า Shopping =
26,030+15,029+4,620 + 21000 = 66,679 เยน = 18,965.90 บาท หาร3 = 6,321.96
รวม
29088+5207+8305.53+18965.90= 61,566.44 บาท หาร3 = 20,522.14 ต่อคน
เสียดายไม่ได้ไปดู Tokyo Tower, Tokyo Sky Tree, Ginza, พระราชวังและสวนอื่นๆ วัดอื่นๆ เพราะอากาศฝนตกทั้งวัน มองไม่เห้นวิวเลย แล้วทำให้เดินช้าลงมาก มั่วแต่หลบฝน
ทริปท่องเที่ยวญี่ปุ่น โตเกียว ครั้งแรก 3 คน พ่อ (48) แม่ (48) ลูก (วัย 17)
*คือต้นเดือน มิถุนายน 2019 เราก็๋ได้ตั๋วไปกลับ Lionair ไปโตเกียวในราคา 5709 บาทต่อคน รวมเป็นเงิน 17128 บาท สำหรับตั๋ว แต่เราเพิ่มบริการอื่นเผื่อไว้ เช่น เลือกที่นั่งเลย เพราะกลัวจะได้แยกกันนั่งในการเดินทางบนเครื่องหลายชั่วโมง
Add on
*จองที่นั่งล่วงหน้า 1500 บาท สำหรับ 3 ที่
*ซื้อน้ำหนักกระเป๋าไว้แค่ 5 kg เพราะเราเอาไปไม่เยอะ ทั้งไปและกลับ เพราะเราไม่แน่ใจเรื่องน้ำหนักกระเป่าแต่เราหิ้วขึ้นเครื่องไม่โหลด แค่เผื่อว่าน้ำหนักเกินจะได้แยกออกมาโหลด ราคา 5 kg 300 บาท ขาไป และขากลับ อีก 5 kg 300 บาท
*ซื้อประกันการเดินทางเพิ่มอีก 260 บาทต่อคน รวม 780 บาท เผื่อเจ็บป่วย เพราะฝนตกทุกวัน
เราใช้บริการ Klook อีก
ซื้อ sim AIS 3 อัน ราคา 299 x 3 = 897 บาท
ซื้อ ตั๋ว Tokyo Subway 48 hrs = 299x3 = 897 บาท
เป็นการเดินทางต่างประเทศครั้งแรกที่เราต้องนั่งนานมากและทรมาณมาก
Flight ที่เราได้ ออกเดินทาง 00.50 a.m ถึง Tokyo 9.10 a.m เราเลิกงาน หกโมงเย็นต้องรีบกลับไป เอากระเป๋าแล้วไปขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง ส่วนลูกไปเรียนที่มหาวิทยาลัย เราเลยให้เลยไปเจอกันที่สนามบินเลย ก็มากันแบบเหนื่อยๆ แล้วเครื่องยังออกดึกมาก เราขึ้นเครื่องกัน เราก็หลับสนิทกันไปเลย 3-4 ชั่วโมง แต่ด้วยความที่นั่งติดหน้าต่าง บนท้องฟ้า ช่วง ตีสี่ ตีห้า ก็เริ่มสว่างแล้วเลยทำให้เรานอนกันไม่หลับเท่าไหร่ และที่นั่งก็แคบๆ
เราตั้งใจว่าเราจะเดินเล่นไปเรื่อยๆ เหมือนที่สิงคโปร์ เหนื่อยก็พัก พอเราถึงสนามบิน เราตัดสินใจใช้บริการ Narita Express โดยซื้อที่สนามบินแบบไปกลับ คนละ 4000 เยนต่อคน น่าจะคุ้มสุดและไม่ลำบากนั่งตรงถึง Shibuya station ที่เราพักแถวนั้นพอดี
ที่พัก เราใช้บริการ expedia apps หาโรงแรมที่ใกล้ MRT ใกล้แหล่งเที่ยว แต่ไม่แพงเกิน 4000 บาทต่อคืน แต่ก็เกินนิดหน่อย เพราะพักในห้องเดียว 3 คน ราคาต่อคืนเลยเพิ่มขึ้น เราพักที่ Hotel Fukudaya น่าพักมาก เป็นเหมือนบ้านเก่าๆ ห้องพักนอนพื้นปูนเสื่อญี่ปุ่น มีชุดยูกาตะให้ใส่นอน มีห้องน้ำในตัว แต่ห้องเล็กมาก มีอ่างอาบน้ำเล็กๆ น้ำเย็น น้ำอุ่น อุปกรณ์อาบน้าสระผม มีผู้เช็คตัว ใช้ขัดตัวผืนเล็ก สามารถนั่งสูบบุหรี่ที่ lobby เล็กได้ หน้าปากซอยเดินไม่ไกลมี Family mart เยอะมาก เดินไปอีกหน่อยก็เป็น Shibuya แล้ว เดินได้ สามทาง เราเลยเดินดุไปเรื่อยทั้งสามทาง ระหว่างทางมีร้านอาหารมากมาย หลายอย่าง รวมค่าโรงแรม 9000 กว่าบาท
เราจัดอาหารมื้อแพง คือเนื้อย่าง วากิว ประมาณ 7000 กว่าเยน สำหรับ 3 คน กับ Seafood buffet สำหรับ 4 คน (นัดเจอน้องที่รู้จัก) 15000 เยน
นอกนั้น ก็กินมื้ัอกลางวัน มื้อเช้า ตกมื้อละ 2000-3000 เยน สำหรับ 3 คน
เส้นทางในการเที่ยวของเรา ก็พยายามจัดที่ไปได้ที่สุด
วันแรก
Shibuya > Big Camera > Shinjuku > Harajuku > Shibuya
วันที่สอง
Asakusa > วัด Asakusa > Ueno > ตลาดอะเมโยโกะ – Ameyoko Market > เดินตรงไป Akihabara > Tokyo Station > Shibuya
วันทีสามเดินทางกลับไป นาริตะ ด้วย Narita Express
** ตอนขามา Shibuya ด้วย Narita Express ที่เคาวเตอร์ ก็อะไรอธิบายน้อยมาก เราก็จะงงๆ ให้ตั๋วไปทั้งไปและกลับ แต่รายละเอียอตั๋วจะไม่เหมือนกัน
ขามา มีการจองที่นั่งให้แต่ขากลับไม่มีเบอร์ที่นั่ง เราก็งงๆ นึกว่า นั่งที่เดิม แต่ก็จำไม่ได้อยู่ดี เพราะตั๋วเอาใส่เครื่องก็หายไปเลย
ตอนขากลับ เราก็งงกันว่าจะนั่งตรงไหน เราเลยเดินไปถามคนเดินตั๋ว เค้าดุเรามาก บอกว่ารอก่อน รอก่อน แล้วเค้าก็ไปคุยกับผู้โดยสารคนอื่น เราก็ถามว่าเรานั่งตรงไหนได้ เป็นภาษาอังกฤา เอาตั๋วให้ดู เค้าก็ตะคอกมาว่า นั่งตรงไหนก็นั่งไป 3 ที่นะ เราก็ทำหน้างงๆ นั่งตรงไหนก้ได้เรอ เค้าก็ตะคอกอีก พูดคำเดิม 2 รอบ เราเลยไปนั่งที่ว่างๆ สามที แล้วซักพัก ก็มีฝรั่งมาถามว่านี้ที่นั่งเค้าหรือเปล่า เราก็ตกใจ อ๋อใช่ๆ ก็เลยขยับไปนั่งตรงอื่นๆ เรานี้เครียดเลย นั่งหาข้อมูลทาง net หน่อยสิ ยังงัย ปรากฏว่าระเบียบบอกว่าถ้าเราไม่ได้จองที่นั่ง เรานั่งตรงไหนก้ได้ แต่ถ้ามีนั่งตรงมีคนจองก็ต้องลุกให้เค้านั่งแทน
อ๋อเราเลยค่อยสบายใจ .......
*การใช้ Tokyo subway ก็ดีนะ ประหยัด แต่บางที เราก็งง เพราะต้องไปต่อหลายจุดมากกว่าจะถึง แต่ละสถานีที่จะไป เราใช้ Apps Tokyo subway กับ Google map คู่กัน
เราใช้ Apps Tokyo subway หาสถานีที่ใช้บัตรได้ก่อน ถ้าไม่มี เราก็จะใช้ Google หาแทน แล้วดูภาพรวมว่า มีต่อ Tokyo subway ตรงไหน เพราะเราไม่อยากเสียเงิน ซื้อตั๋ว JR หรือ รถอื่น เพิ่มอีก มันแพงมาก สำหรับ 3 คน
แล้วสถานีแต่ละแห่งกว้างมาก หลงทาง ขึ้นลงตลอด จำชื่อสถานีก็ยากละ มารู้ที่หลังว่าให้จำว่า อักษรอะไร สายสีออะไร เบอร์อะไร ขึ้นแต่ละครั้งทะเลาะกะสามีประจำเลย กว่าจะหาทางออก กว่าจะหาทางไป โอย เหนื่อย
คนญี่ปุ่นตามสถานีเดินเร็วมากกก แค่เห็นเค้าเดินเราก็เหนื่อยละ รีบเร่งไปหมด
รวมทั้งหมด
*เครื่องบิน + โรงแรม อื่นๆ เป็นเงิน 29088 บาท หาร 3 = 9,696 บาทต่อคน
*ค่าเดินทาง + sim = 3413+1794 =5207 บาท หาร 3 = 1,735.66 บาทต่อคน
Narita Express 12000 เยน = 3413 บาท
Klook = 1794 บาท
*ค่าอาหาร = 8000+3000+3000+15200 = 29200 เยน = 8,305.53 บาท หาร 3 = 2,768.51 บาทต่อคน
เนื้อย่าง วากิว = 8000 เยน
ราเมง = 3000 เยน
ข้าวหน้าปลาไหล 3000 เยน
Buffet Seafood = 15,200 เยน
*ค่า Shopping =
26,030+15,029+4,620 + 21000 = 66,679 เยน = 18,965.90 บาท หาร3 = 6,321.96
รวม
29088+5207+8305.53+18965.90= 61,566.44 บาท หาร3 = 20,522.14 ต่อคน
เสียดายไม่ได้ไปดู Tokyo Tower, Tokyo Sky Tree, Ginza, พระราชวังและสวนอื่นๆ วัดอื่นๆ เพราะอากาศฝนตกทั้งวัน มองไม่เห้นวิวเลย แล้วทำให้เดินช้าลงมาก มั่วแต่หลบฝน