สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
โดยส่วนตัว ทำ 3 เล่ม เนื่องจากโสด เหตุผล
-เพราะเคยเห็นรถชนคาตา ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียว ถ้าคนๆนั้นเป้นเรา และคนที่บ้านจะอยู่อย่างไง อย่างน้อย ขอให้มีเงินทำศพเถอะ เสียใจไม่ว่า แต่อย่างให้คนข้างหลังต้องมาเดือดร้อน แค่ค่าจัดงานธรรมดา ก็จะเหยียบแสนล่ะ ไหนๆๆ ก็ตายล่ะอย่ามาสร้างภาระให้คนข้างหลังเลย หรือบางคนอาจจะคิดว่าไม่ใช่เราหรอกที่จะโดน แต่คนอื่น ของคนอื่น ก็คือเรา และ สิ่งที่ไม่คาดฝัน มันไม่มาแจ้งเตือนล่วงหน้าหรอก ค่ะ ถ้ามันบอกได้คงจะรีบทำประกัน กันหมดล่ะ
-ตอนนี้ เราสุขภาพดี ไม่ได้ใช้เสียดาย เข้าใจค่ะ แต่เมื่อถึงเวลาที่เป้นอย่างพวกโรคร้ายแรง ถึงจะมีประกันสังคม แต่คุณอย่าลืม ยาบางอย่างเวชภัณฑ์ บางตัว ต้องจ่ายเอง แม้ว่าคุณเป้นราชการ ใช่ว่าจะเบิกได้หมด เค้ามีเกณฑ์ ค่ะที่บ้าน แม่ผ่าตัดเปลี่ยนหัวเข่า ข้างเดียวใช้สิทธิ์ข้าราชการ ต้องจ่ายส่วนต่างแสนนึง หรือว่าคุณอยากอยุ่ห้องรวมก็ได้ คุณต้องเข้าใจสภาพ ห้องผุ้ป่วยรวม ยิ่งของรัฐ เห้อ สลดใจ จริงๆๆ
-ทำเผื่อตายยาก ยังคงต้องใช้เงิน ถามว่าไปลงทุนอย่างอื่นได้ดอกผลดีกว่าจริงค่ะ แต่คุณอย่าลืม high risk hight return ตอนได้กัน ก็ป่าวประกาศ ถ้าเสียล่ะ ไม่เคยเห้นใครมานั่งสาธยายยินดี สักคน มีไว้ก็ดี เหมือนเสื้อกันฝน วันนี้ฝนไม่ตกเราอาจจะรำคาญที่ต้องเอาไปทุกที แต่วันที่ฝนตก คุณจะขอบคุณตัวเอง
ทำแต่พอดี เอาให้ครอบคลุมตามความจำเป็นก็พอค่ะ
ปล.ถ้าคุณอยากทำแบบราคาไม่แพง ให้ทำแนะนำแบบตลอดชีพ ค่าเบี้ยถูก คุ้มครองยาว
80-90 นู้นล่ะค่ะ
-เพราะเคยเห็นรถชนคาตา ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียว ถ้าคนๆนั้นเป้นเรา และคนที่บ้านจะอยู่อย่างไง อย่างน้อย ขอให้มีเงินทำศพเถอะ เสียใจไม่ว่า แต่อย่างให้คนข้างหลังต้องมาเดือดร้อน แค่ค่าจัดงานธรรมดา ก็จะเหยียบแสนล่ะ ไหนๆๆ ก็ตายล่ะอย่ามาสร้างภาระให้คนข้างหลังเลย หรือบางคนอาจจะคิดว่าไม่ใช่เราหรอกที่จะโดน แต่คนอื่น ของคนอื่น ก็คือเรา และ สิ่งที่ไม่คาดฝัน มันไม่มาแจ้งเตือนล่วงหน้าหรอก ค่ะ ถ้ามันบอกได้คงจะรีบทำประกัน กันหมดล่ะ
-ตอนนี้ เราสุขภาพดี ไม่ได้ใช้เสียดาย เข้าใจค่ะ แต่เมื่อถึงเวลาที่เป้นอย่างพวกโรคร้ายแรง ถึงจะมีประกันสังคม แต่คุณอย่าลืม ยาบางอย่างเวชภัณฑ์ บางตัว ต้องจ่ายเอง แม้ว่าคุณเป้นราชการ ใช่ว่าจะเบิกได้หมด เค้ามีเกณฑ์ ค่ะที่บ้าน แม่ผ่าตัดเปลี่ยนหัวเข่า ข้างเดียวใช้สิทธิ์ข้าราชการ ต้องจ่ายส่วนต่างแสนนึง หรือว่าคุณอยากอยุ่ห้องรวมก็ได้ คุณต้องเข้าใจสภาพ ห้องผุ้ป่วยรวม ยิ่งของรัฐ เห้อ สลดใจ จริงๆๆ
-ทำเผื่อตายยาก ยังคงต้องใช้เงิน ถามว่าไปลงทุนอย่างอื่นได้ดอกผลดีกว่าจริงค่ะ แต่คุณอย่าลืม high risk hight return ตอนได้กัน ก็ป่าวประกาศ ถ้าเสียล่ะ ไม่เคยเห้นใครมานั่งสาธยายยินดี สักคน มีไว้ก็ดี เหมือนเสื้อกันฝน วันนี้ฝนไม่ตกเราอาจจะรำคาญที่ต้องเอาไปทุกที แต่วันที่ฝนตก คุณจะขอบคุณตัวเอง
ทำแต่พอดี เอาให้ครอบคลุมตามความจำเป็นก็พอค่ะ
ปล.ถ้าคุณอยากทำแบบราคาไม่แพง ให้ทำแนะนำแบบตลอดชีพ ค่าเบี้ยถูก คุ้มครองยาว
80-90 นู้นล่ะค่ะ
ความคิดเห็นที่ 94
ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะ การทำประกันชีวิต คือ คนตายไม่ได้ใช้เงินค่ะ แต่บางคนทำไว้เผื่อว่าในชีวิตเขาอาจจะไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้มีมรดกเงินทองมากมาย อาจจะมองว่า การทำประกันชีวิตอันนี้ อย่างน้อยหากเขาไม่อยู่ ก็เป็นมรดกให้ลูก ให้คนที่ต้องดูแลในช่วงที่เรายังมีชีวิต อย่างน้อยเขาก็จะมีเงินก้อนนี้ ประคับประคอง ต่อยอดเขาได้ต่อ แล้วแต่มุมมองนะ บางคนถ้าชีวิตตัวคนเดียว ไม่มีลูกหลาน ญาติพี่น้องก็ไม่อยู่แล้ว ถ้าใครเข้าเงื่อนไขนี้ก็ไม่ต้องทำหรอกค่ะ
ส่วนตัว เราทำไปแล้วพวกประกันสุขภาพ opd ipd ไรงี้ เราว่ามันเปลืองแหละ แต่ทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอน มันคือความสบายใจ ความมั่นคงในการใช้ชีวิตที่หากเราเป็นอะไรไป จะได้ไม่รบกวนคนอื่น แต่บางคนป่วยง่าย คิดว่าชีวิตประจำวันหรือการทำงาน เสี่ยง อยู่ในสภาวะอากาศที่ไม่ค่อยดี อะไรก็แล้วแต่ ที่คิดว่า เรามีความเสี่ยงต้องหาหมอบ่อย ก็อาจจะเหมาะ แต่ถ้าวันๆไม่ได้มีความเสี่ยงไปทำงานกลับบ้าน แต่ต้องจ่ายรายเดือนรายปี ทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ เราว่าไปทำแบบอื่นดีกว่า เพราะปกติอย่างที่ จขกท บอกมาว่า มีประกันสังคมอยู่แล้ว ซึ่งอันนี้เราว่าก็ครอบคลุมแค่ประมาณนึง หลังอายุ 60 ก็ตัวใครตัวมันแล้วนะ ส่วนตัวเราคิดว่าถ้าเราไหวมีไว้ก็ดีค่ะ
แล้วมันก็จะมีประกันชีวิตอีกแบบนึงคือ เป็นประกันชั่วระยะเวลาแต่จะคุ้มครอบแบบกรณีเสียชีวิตอย่างเดียวเลยล้วนๆ ไม่มีเรื่องสุขภาพ ราคารายปีก็ไม่แพงค่ะ เราทำตอนอายุ 30 ของผู้หญิงนี่ ปีนึงประมาณ 2,500 กว่าบาท จะแยกจ่ายรายเดือนก็แค่เดือนละสองร้อยกว่าบาทเอง แต่ละช่วงอายุค่าเบี้ยก็จะต่างกันไปนะ จ่ายคงที่ ตามอายุที่สมัครเลยค่ะ เราทำของ Rapid life เพิ่มอีก 1 ฉบับอ่ะ จะเป็นจ่ายเบี้ยคงที่ไปอีก 10 ปี เริ่มจ่ายก็เริ่มคุ้มครองเลย หยุดจ่ายก็ถือว่า สิ้นสุดกรมธรรม์ และความคุ้มครอง เป็นเบี้ยประกันแบบจ่ายเปล่าเหมือนประกันรถยนต์ทั่วๆไป ปีต่อปี แต่ถ้าเกิดเสียชีวิตขึ้นมาจริงๆได้เงินทุนประกัน 1 ล้าน เงินประกันตรงนี้ ก็ตกสู่คนข้างหลังเรา ไปให้กับครอบครัวเรา ลูกเรา จะมองในมุม เป็นเงินมรดกจากเหตุไม่คาดฝันของเราก็ได้ค่ะ
ส่วนตัว เราทำไปแล้วพวกประกันสุขภาพ opd ipd ไรงี้ เราว่ามันเปลืองแหละ แต่ทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอน มันคือความสบายใจ ความมั่นคงในการใช้ชีวิตที่หากเราเป็นอะไรไป จะได้ไม่รบกวนคนอื่น แต่บางคนป่วยง่าย คิดว่าชีวิตประจำวันหรือการทำงาน เสี่ยง อยู่ในสภาวะอากาศที่ไม่ค่อยดี อะไรก็แล้วแต่ ที่คิดว่า เรามีความเสี่ยงต้องหาหมอบ่อย ก็อาจจะเหมาะ แต่ถ้าวันๆไม่ได้มีความเสี่ยงไปทำงานกลับบ้าน แต่ต้องจ่ายรายเดือนรายปี ทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ เราว่าไปทำแบบอื่นดีกว่า เพราะปกติอย่างที่ จขกท บอกมาว่า มีประกันสังคมอยู่แล้ว ซึ่งอันนี้เราว่าก็ครอบคลุมแค่ประมาณนึง หลังอายุ 60 ก็ตัวใครตัวมันแล้วนะ ส่วนตัวเราคิดว่าถ้าเราไหวมีไว้ก็ดีค่ะ
แล้วมันก็จะมีประกันชีวิตอีกแบบนึงคือ เป็นประกันชั่วระยะเวลาแต่จะคุ้มครอบแบบกรณีเสียชีวิตอย่างเดียวเลยล้วนๆ ไม่มีเรื่องสุขภาพ ราคารายปีก็ไม่แพงค่ะ เราทำตอนอายุ 30 ของผู้หญิงนี่ ปีนึงประมาณ 2,500 กว่าบาท จะแยกจ่ายรายเดือนก็แค่เดือนละสองร้อยกว่าบาทเอง แต่ละช่วงอายุค่าเบี้ยก็จะต่างกันไปนะ จ่ายคงที่ ตามอายุที่สมัครเลยค่ะ เราทำของ Rapid life เพิ่มอีก 1 ฉบับอ่ะ จะเป็นจ่ายเบี้ยคงที่ไปอีก 10 ปี เริ่มจ่ายก็เริ่มคุ้มครองเลย หยุดจ่ายก็ถือว่า สิ้นสุดกรมธรรม์ และความคุ้มครอง เป็นเบี้ยประกันแบบจ่ายเปล่าเหมือนประกันรถยนต์ทั่วๆไป ปีต่อปี แต่ถ้าเกิดเสียชีวิตขึ้นมาจริงๆได้เงินทุนประกัน 1 ล้าน เงินประกันตรงนี้ ก็ตกสู่คนข้างหลังเรา ไปให้กับครอบครัวเรา ลูกเรา จะมองในมุม เป็นเงินมรดกจากเหตุไม่คาดฝันของเราก็ได้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ประกันชีวิตจำเป็นกับชีวิตมากแค่ไหนคะ
คือความทรงจำของเราเกี่ยวกับประกันชีวิต จำได้แต่ว่าพ่อแม่มำให่ตั้งแต่เด่ก พอเราเรียนจบมหาลัย มันก็ครบอายุอะไรประมาณนี้ค่ะ แล้วก็ได้เงินก้อนมาตั้งตัว
ทีนี้มันก็หมดความคุ้มครอง เราเข้าสู่วัยทำงานพอดี พ่อแม่เลยบอกให้ทำอันใหม่ โดยจ่ายเอง
ตัวเราในตอนนั้นไม่ได้ศึกษาข้อมูลอะไร รู้แต่ว่า ขออันที่ถูกสุดนะ เพราะยังไม่อยาดมีภาระจ่ายเยอะ
จบที่ปีละประมาณหมื่นแปด แบ่งเป็นประกันชีวิตกับประกันสุขภาพ
จ่ายมาเรื่อยๆ ห้าปีแล้วค่ะ เวลาถึงดีลจ่ายรู้สึกซัฟเฟอมาก ว่าทำไมเราถึงต้องจ่ายมันเนี่ย
เพิ่งมาสนใจศึกษาเอาภายหลังแล้วก็เลยรู้ว่า ที่จ่ายไปส่วนใหญ่คือจ่ายทิ้ง กว่าจะได้คืนสองแสน (ทุนชีวิต) คือตอนอายุ 80 ปี
บวกกับขณะนั้นทำงานแล้วออฟฟิศก็มีประกันกลุ่มให้อีก ทุกครั้งที่ไปโรงพยาบาล ไม่เคยได้ใช้สิทธิ์ประกันตัวเองเพราะมันบังคับให้ต้องนอนโรงบาลเท่านั้นถึงจะเบิกได้ ก็ยิ่งรู้สึกว่า มีไปทำไมนะ
จนตอนนี้ มีความคิดว่าอยากจะเลิกจ่ายแล้วก็เวนคืนกรรมธรรม์ ซึ่งคำนวนแล้วน่าจะได้เงินกลับมาแค่หมื่นห้า แต่ก็ลดภาระจ่ายปีละเกือบสองหมื่นไป (จริงๆ ที่เริ่มมีความคิดอยากยกเลิก เพราะตั้งใจเก็บเงินก้อนไว้แต่งคอนโดด้วยค่ะ)
จากที่คุยกับคนรอบตัวมา บางคนก็ไม่มีประกัน ไม่เคยทำและไม่คิดจะทำ และมองว่าไม่เดือดร้อน
กับอีกฝ่ายที่มองว่า เราควรมีไว้เพราะไม่รู้อนาคต และหวังพึ่งกับสวัสดิการจากรัฐบาลไม่ได้
อยากทราบว่าคนอื่นๆ คิดว่ายังไงคะ