บทบาทในจอและนอกจอกับชีวิตหลายโหมดของแซมมี่ เคาวเวลล์

หลังจากเรียกเรตติ้งจนจบลงอย่างสวยงามจากบทบาท “พิมพ์ชนก” พยาบาลสาวแสนดี มีแต่ถูกกระทำในละครเรื่องหลงเงาจันทร์ ตอนนี้แซมมี่ เคาวเวลล์ นางเอกสาวร่างเพรียวก็เตรียมพลิกบทมาสนุกสนานประกบคู่พระเอกสุดสนิท อย่างพอร์ช ศรัณย์ ศิริลักษณ์ ในเรื่องสุภาพบุรุษชาวดินอีกครั้ง สาววัย 27 ปี บอกว่าตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ทำงานในวงการนี้ เธอมีโอกาสแสดงละครในบทบาทที่หลากหลาย เราจึงได้เห็นแซมมี่รับบททั้งนางร้าย นางเอกสลับกันไป เพราะสิ่งสำคัญในการรับงานของเธอคือบทบาท เรียกว่าถ้าได้บทถูกใจ ถึงจะไม่ใช่นางเอกก็ไม่ใช่ปัญหา



ละครเรื่องหลงเงาจันทร์ที่เพิ่งลาจอไปได้รับการตอบรับที่ดีมาก ในฐานะที่เป็นหนึ่งในนักแสดงนำรู้สึกอย่างไร?
หายเหนื่อยนะคะ เพราะทีมงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังทำงานกันหนักมาก ด้วยความที่เป็นละครแนวดราม่าเลยมีรายละเอียดเยอะ แต่พอฟีดแบคและเรตติ้งออกมาก็รู้สึกดีใจ สำหรับตัวแซมมี่เองก่อนที่จะมาแสดงก็มีกระแสว่าลุคไม่เหมาะกับบทนี้เพราะตัวละครพิมพ์ชนกที่แซมมี่แสดงเป็นคนที่เรียบร้อยมาก ออกแนวไม่สู้คน ในขณะที่เราไม่เรียบร้อยขนาดนั้น ซึ่งพอเห็นคอมเมนต์ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าต้องทำให้ได้ แล้วเมื่อผลงานออกมากลายเป็นว่าแฟนละครเชื่อว่าเราคือ “พิมพ์ชนก” ตัวละครในเรื่องจริงๆ รู้สึกดีใจมากค่ะ

ตอนนี้กำลังจะมีผลงานอะไรใหม่ๆ มาให้ดูบ้าง?
ตอนนี้ถ่ายเรื่องสุภาพบุรุษชาวดิน แสดงคู่กับพอร์ชค่ะ เราเคยร่วมงานกันมาแล้วในเรื่องเพลงรักผาปืนแตก แล้วละครเรื่องล่าสุดจะเป็นแนวคอเมดี้ กุ๊กกิ๊ก น่ารักด้วย ความจริงแซมมี่ก็ห่างจากละครแนวนี้มานานเหมือนกัน เลยเป็นอะไรที่ท้าทาย เพราะคอเมดี้มีจังหวะของตัวเอง เราก็เลยต้องทำการบ้านกับผลงานเรื่องนี้มากเหมือนกันค่ะ

เท่าที่แสดงละครมามีตัวละครเรื่องไหนมีความใกล้เคียงกับเรามากที่สุด?
บทเป็นฝาแฝด เรื่องวิหกหลงลมค่ะ เพราะเป็นฝาแฝดที่มีนิสัยแตกต่างกัน ตัวหนึ่งร้ายแบบโรคจิต อีกตัวหนึ่งจะเป็นแนวน่าสงสาร ซึ่งตัวแซมมี่เองจะอยู่ระหว่างกลางของทั้ง 2 ตัวละคร คือจะมีความไม่ยอมคนเหมือนฝาแฝดตัวร้าย แต่ก็จะมีมุมเซนสิทีฟอ่อนไหวเหมือนตัวละครที่รับบทน่าสงสาร แต่เราเองก็ไม่ได้เป็นคนที่ร้ายกาจมากขนาดนั้นนะ (หัวเราะ)

ภาพภายนอกดูเป็นสาวเปรี้ยวแซ่บ แต่ตัวจริงเป็นคนแบบไหน หรือมีเรื่องอะไรของตัวเองที่อยากให้คนอื่นรู้จักเรามากขึ้น?
ในอินสตาแกรมแซมมี่มักจะลงรูปงานเสียส่วนใหญ่ ทำให้คนเห็นแต่ความเปรี้ยว ความเซ็กซี่ของเรา แต่ตัวจริงไม่ได้เปรี้ยวหรือเซ็กซี่เลย ชีวิตประจำวันแต่งตัวปกติมาก เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ กางเกงขาสั้น ใส่รองเท้าผ้าใบ ส่วนเรื่องนิสัย คนจะมองว่าเป็นคนสู้คน ใม่ยอมให้ใครมารังแก แต่ความจริงจะมีมุมไม่กล้าลองอะไรใหม่ๆ เป็นคนที่กลัวไปก่อน เพียงแต่สุดท้ายแล้วก็ลองค่ะ (หัวเราะ) อย่างกิจกรรมปีนเขา เวคบอร์ด เมื่อก่อนก็กลัว แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจลองดูเพราะมองว่าไม่ได้มีอะไรเสียหาย แล้วเราก็ก้าวผ่านไปได้ ตอนนี้ทั้ง 2 อย่างกลายเป็นกิจกรรมที่ชอบไปแล้ว แต่ไม่ได้เก่งกาจอะไรนะคะ



แซมมี่เป็นคนที่ไม่ได้ยึดติดกับบทนางเอก หลายๆ เรื่องก็รับบทร้ายเหมือนกัน มีมุมมองกับคำว่านักแสดงอย่างไร?
รู้สึกว่าถ้าเราเป็นนักแสดงก็ควรต้องเล่นได้ทุกอย่าง บางคนอาจมองว่าทำไมเรื่องนี้ได้เป็นนางเอก แต่อีกเรื่องทำไมไม่ได้เป็นนางเอก จริงๆ แล้วแซมมี่จะเลือกจากตัวบทเป็นหลัก เช่น ถ้าตัวละครตัวนั้นน่าสนใจ ถึงไม่ใช่นางเอกก็ไม่ได้ซีเรียสค่ะ อย่างเรื่องหลงเงาจันทร์ ที่รับก็เพราะว่าเราไม่เคยเล่นบทเจ้าน้ำตามากขนาดนี้มาก่อน อีกอย่างลุคเราก็ขัดกับตัวละครตัวนี้ด้วย โจทย์คือทำยังไงให้คนเชื่อว่าเราเป็นตัวละครตัวนั้น เลยต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษ

เริ่มต้นเข้าสู่วงการนี้ด้วยการเป็นนางแบบ แล้วมาเป็นนักแสดงได้อย่างไร?
การเป็นนักแสดงตามมาหลังจากที่ชนะการประกวดไทยซูเปอร์โมเดลปี 2007 ค่ะ เพราะหลังจากนั้นทางช่องก็ให้ไปแคสติ้งละคร ทำเทปเก็บไว้ แล้วก็ผลักดันจนทำให้เราหลงรักการแสดง กลายเป็นอาชีพที่ทำมาจนวันนี้ ทำให้ได้รับโอกาสหลายอย่างจากการทำงานในวงการบันเทิง แล้วยังทำให้มีโอกาสดูแลครอบครัวตั้งแต่เด็กด้วย แซมมี่ว่า ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ทำงานมา งานตรงนี้หล่อหลอมให้เรากลายเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น โตเร็วกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน

แซมมี่มีโอกาสประกบคู่กับพระเอกมาแล้วหลายคน อยากจะให้พูดถึงพระเอกที่สนิทและประทับใจให้ฟังหน่อย?
คนแรกคือพอร์ช เราเจอกันมาเป็นเรื่องที่สองแล้ว เขาเป็นนักแสดงที่ตั้งใจทำงานและอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เลยทำให้คุยกันได้หลายเรื่อง มีอะไรก็ปรึกษากันได้ ไม่ต้องเกรงใจกันมาก ก็เลยเป็นผลดีในการเล่นละครด้วยกัน เพราะบางทีเวลาแสดงกับคนที่ไม่สนิทก็จะไม่กล้าจะทำอย่างนั้น อย่างนี้ แต่กับพอร์ช เราสามารถตบจริงได้โดยไม่ต้องบอกก่อน พอร์ชเป็นอีกคนที่เวลาเข้าซีนอารมณ์ด้วยกันแล้วพากันไปได้ลงตัว เขาเป็นคนที่รับส่งได้ดี หรือเวลาที่รู้สึกว่าซีนนี้เราทำได้มากกว่านี้ก็จะผลัดกันขอเล่นใหม่ ส่วนพระเอกที่ประทับใจอีกคนคือพี่เคลลี่ ธนะพัฒน์ค่ะ แซมมี่จะเรียกเขาว่าคุณพ่อ เพราะมีความอบอุ่นและดูแลดีมาก พี่เคลลี่เป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียด รู้ว่าใครชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เป็นพี่ในวงการคนหนึ่งที่ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกันอีกครั้งจะแฮปปี้มากค่ะ

เพื่อนสนิทในวงการมีใครบ้าง?
ถ้าเป็นเพื่อนในวงการจะมี ดิว ( อริสรา ทองบริสุทธิ์) ค่ะ ดิวเป็นคนรักเพื่อน มีน้ำใจ ใส่ใจ สมมติถ้าเขาเห็นว่าเราลงอะไรในอินสตาแกรมที่ดูจะดราม่า ดิวจะโทรมาเลย ถามว่าเป็นอะไร เรื่องนั้นใช่ไหม เรื่องนี้ใช่ไหม หรือถ้าเพื่อนต้องการความช่วยเหลือเขาก็จะพร้อมให้ความช่วยเหลือ อีกคนคือพี่นัททิว (ณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม) เป็นคนที่ไม่น่าจะมาสนิทกับแซมมี่ได้ แต่กลับรู้สึกว่าถูกชะตากับเขา พี่นัททิวเป็นคนน่ารัก คิดบวก เวลาอยู่ด้วยแล้วโลกสวยขึ้น เพราะแซมมี่เองไม่ได้เป็นคนมองโลกในแง่ดีขนาดนั้น บางเรื่องเขาก็ทำให้เรารู้สึกว่าปล่อยชิลล์บ้างก็ได้ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ทำการบ้าน ทำงานเป๊ะมาก บางทีเรายังคิดไม่ถึงขนาดเขาเลยค่ะ


ใน 1 อาทิตย์ของแซมมี่แบ่งวลาในการใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง?
หลักๆ จะทำงาน 3 วันค่ะ แล้วจะมี 1-2 วันที่เป็นบิวตี้เดย์ ทำเล็บ ดูแลหน้า ดูแลผิว จัดตารางออกกำลังกาย ตอนนี้บังคับตัวเองให้ไปฟิสเนสและจ้างเทรนเนอร์เพราะเราจะได้มีแรงผลักดันในการไป (หัวเราะ) ด้วยอายุที่มากขึ้นทำให้เราอยากมีสุขภาพที่ดี และอยากจะปรับในเรื่องการกิน เพราะเป็นอีกอย่างที่สำคัญกับสุขภาพ แต่ก็ยากมากเพราะเป็นคนที่ชอบกินของทอด ของหวาน กาแฟที่ใส่นม ชอบกินชานมไข่มุก เรียกว่าถ้าผ่านไปเห็นเมื่อไรก็จะแวะซื้อตลอด (หัวเราะ) เรื่องนี้คงต้องค่อยเป็นค่อยไป ถ้าหักดิบไปเลยชีวิตคงไม่มีความสุข เลยต้องหาสมดุลให้กับตัวเอง

แซมมี่ถูกมองว่าเป็นสาวเซ็กซี่ คำว่า “เซ็กซี่” ในมุมมองของคุณเป็นอย่างไร?
ต้องเซ็กซี่แบบที่ดูไม่พยายามค่ะ ถ้าใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ตัวใหญ่แล้วยังดูเซ็กซี่ ก็คือเซ็กซี่

คิดว่าส่วนไหนในร่างกายตัวเองที่เซ็กซี่ที่สุด?
ขากับหลังค่ะ เมื่อก่อนเวลาที่แซมมี่ใส่เสื้อเชิ้ต นุ่งกางเกงขาสั้น ใส่รองเท้าผ้าใบก็จะมีคนบอกว่าขาสวย แต่ตอนนี้ด้วยอายุและอาหารที่เรากินทำให้มีส่วนเกินต่างๆ เกิดขึ้นบ้าง เลยเปลี่ยนมาโชว์หลังแทน ตอนนี้เลยบิ้วด้วยการปีนเขากับยกเวทเพื่อให้หลังดูมีกล้ามมากขึ้น

เรื่องสำคัญในชีวิตแซมมี่คืออะไรบ้าง?
ครอบครัวค่ะ ตอนนี้ไม่มีคุณพ่อแล้ว เรายิ่งรู้สึกเคว้ง เมื่อก่อนจะให้เรื่องงานมาเป็นอันดับหนึ่ง คือถ้ามีงานเข้ามาให้ทำแล้วชนกับทริปไปเที่ยวกับครอบครัวก็จะเลื่อนทริปครอบครัวเพื่อทำงานก่อน จนพอถึงวันที่คุณพ่อไม่อยู่ ทำให้รู้สึกว่าเวลามันสั้นนะ เราควรมีเวลาอยู่ด้วยกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เดี๋ยวนี้ถ้ามีทริปครอบครัวแล้วจะล็อคไม่เลื่อนเลย หรือเวลาไปทำงานที่ไหนที่พาคุณแม่ไปได้ ก็จะพาไปด้วยกัน เรียกว่าอยู่กับแม่แทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ เรื่องสำคัญต่อมาคือการทำงานค่ะ นี่เป็นอาชีพที่เรารัก มีความสุขเสมอกับการออกจากบ้านเพื่อมาทำงานตรงนี้และยังทำให้เราได้ดูแลคนที่รักอีกด้วย เรื่องสุดท้ายคือเรียนค่ะ ตอนนี้แซมมี่ตั้งใจที่จะเรียนให้จบ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อที่บ้านค่ะ

แล้วเรื่องความรักล่ะคะ เป็นอย่างไร?
ตอนนี้ยังไม่มีใคร แต่ก็มีคนคุยอยู่บ้างนะคะ แซมมี่คิดว่าถ้ามีใครสักคนก็อยากให้เขาสามารถเข้ากับครอบครัวเราได้ พร้อมที่จะปรับตัวเข้าหากัน ให้เกียรติกัน

http://www.okmagazine-thai.com/sammysliferoles/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่