ขอ Top 20 หนังฝรั่งฮฮลลีวู้ดแนวแอ็คชั่น ที่เพื่อนๆชอบมากที่สุด เรื่องอะไรบ้างครับ เพราะอะไร

 สำหรับผมนะ จริงๆชอบดูหนังแนวแอ็คชั่น ไม่ว่าจะเก่ายุค 80 ถึงยุคปัจจุบัน ก็ดูและ enjoy กับมันได้หมด หนังแรวแอ็คชั่นของแต่ละยุคก็สนุกและมีเสน่ห์ต่างออกไป เอาเฉพาะหนังแนวนี้จริงๆผมดูมาเกิน 100 กว่าเรื่อง ตั้งแต่จำความได้ คือ แม่ชอบเช่าวีดิโอหนังฝรั่งแนวแอ็คชั่นมาดูเยอะด้วย เลยเป็นภาพจำและชอบดูหนังแนวนี้มากพอๆกับหนังแนวทริลเลอร์ระทึดขวัญ โตมากับการดูหนังสองแนวนี้เยอะมาก เป็น 100 เรื่อง 

 แต่วันนี้ขอแค่เป็น Top 20 Your Best Hollywood Action Movies Of All Time เพื่อนๆมีหนังแนวนี้เรื่องไหนที่ดูแล้วยังตราตรึงใจอยู่ถึงทุกวัน และเพราะอะไรถึงชอบหนังเรื่องไหน มันมีอะไรพิเศษกว่าหนังแอ็คชั่นทั่วๆไปตามท้องตลาด

 ผมขอประเดิมของผมก่อนนะครับ Top 20 สำหรับผม

1.  Live Free Or Die Hard/ Die Hard 4.0 (2007)
- ปกติผมเป็นคนชอบหนังหลากหลายแนวที่พระเอก Bruce Willis แสดงอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่แกก็จะถนัดแสดงหนังแนวแอ็คชั่นอยู่แล้ว กับโลโก้ขายของแก หนังแทบทุกเรื่อง ชื่อไทยต้อง
ชื่อว่า "คนอึด" ก่อนหน้าก็เคยดูหนังชุด DH มาทั้งสามภาค สนุก เฮฮา มัน ตามสถานการณ์ในหนัง พระเอกแกอึดตายยากสมชื่อหนังและไม่ได้เก่งเว่อร์ ฆ่าคนเป็นผักปลา แถมตัวร้ายแต่ละภาค ก็ทั้งเก่ง ฉลาด วางแผนดี ดูเป็นคู่ปรับที่เก่งกว่าและนำทึกก้าว ทำให้เราเอาใจพระเอกมากขึ้น 

 ก่อนหน้าดูภาค 4 ผมชอบภาค 1 กับ 3 พอๆกัน ภาคแรกมันเป็นหนังแอ็คชั่นสมจริงสมจังยุคบุกเบิก ที่
แอ็คชั่นอยู่ในโลเคชั่นแห่งเดียว ไม่ต้องระเบิดภูเขาเผากระท่อมมากมาย  พระเอกไม่ได้เก่งเว่อร์หรือคิดแผนล้ำเลิศแต่อย่างใด คงอยู่ในระดับมนุษย์ทั่วๆไป อาศัยความอึด ทน มีเพลียกพร่ำบ้างตามสถานการณ์ ดูครั้งแรกจบ รู้สึกว่าชอบ บรูซ
วิลลิส ในบทนายตำรวจสายสืบนิวยอร์ค John McClane มากๆ เชื่อเลยส่าแกเป็นไอคอนนิกในหนังแอ็คชั่นยุคนั้นช่วงปลาย 80-90 

 แถมตัวร้ายภาคแรกก็เปิดตัวได้น่าประทับใจ ตัวร้าย ฉลาด มีการวางแผน สุขุม มีสไตล์ แก้สถานการณ์เฉพาะร้ายเก่ง ถึงพระเอกจะพยายามปั่นป่วนยับยั้งแผนของตัวร้ายแค่ไหน ตัวร้ายก็ดูนิ่งต่อสถานการณ์ บู๊เท่าที่จำเป็น บทตัวร้ายในภาคแรก ฮาน กรูเบอร์ ที่ Alan Rickman แสดง ผมยกให้เป็นหนึ่งในวายร้ายที่ดีที่สุดคนหนึ่งในโลกภาพยนตร์เลย ด้วยบทของแก และการแสดงของแกมันสุดยอดมาก

 ภาคสาม ก็เป็นอีกภาคที่ผมชอบมากๆ เนื่องจากผู้กำกับภาคแรกอย่าง John McTiernan มากำกับแล้ว ดูแล้วรู้สึกสนุก ลุ้นกว่าภาคสอง แต่ก็ดีสู้ภาคแรกไม่ได้นะ ดร็อปความสนุกไปนิดหน่อย แต่โดยรวมผมชอบภาคนี้พอๆกับภาคแรก จุดที่ชอบคือ หยิบประเด็นเอาตัวร้ายที่เป็นพี่ชายของฮาน กรูเบอร์จากภาคแรกมาใช้ประโยชน์ทำทีมาล้างแค้น แม็คเคลน ได้ดี แต่จริงๆพี่แกกับพรรคพวกไม่ได้ตั้งใจมาล้างแค้นหรอก พวกแกมีแผนสูงกว่านั้นมาก ภาคนี้สถานที่เปิดกว้าง เหมือนเล่นเกมแนว open world ไม่ได้กำจัดอยู่แค่ในตึกสูงระฟ้าปิดตาบ หรือ สนามบินปิดตาย ภาคนี้มันอยู่ในเมืองนิวยอร์ค และภาคนี้ชอบบทคู่หูของแม็ค
เคลนด้วย Mr. Glass ในเรื่อง Unbreakable มาพบกับ เดวิด ดันน์ นั่นเอง ถุ้ย..คนละเรื่อง เรื่องนี้แกสองคนนี้มาเจอกันก่อนเรื่อง Unbreakable บทของ ซุส นำแสดงโดย Samuel Lee Jackson นั่นเอง พร้อมประโยคเด็ดที่หนังเรื่องไหนที่แกรับแสดงส่วนมาก แกต้องพูดประโยคนี้ ก็อย่าจะรู้ๆกันอยู่ ซึ่งเรื่องนี้แกก็พูดครับ

 ภาคสาม มันออกแนวเกรียน วิ่งวุ่นไปตามสถานที่ต่างๆในเมืองเพื่อไปปลดระเบิดที่ตัวร้ายวางไว้ ส่วนพวกตัวร้ายก็วางแผนไว้ฉลาด ไม่จำเป็นต้องออกมาบู๊ระห่ำกับพวกพระเอกมาก อยู่นิ่งๆ ดูสถานการณ์ไป ชอบมากๆ แถมคู่หู แม็คเคลนกับซุส ก็ปล่อยมุขฮาๆเกรียนๆทั้งเรื่อง 

 มาในภาคสี่ เนื่องด้วยชอบหนังชุด DH เป็นทุนเดิม ดูภาคนี้ก็คาดหวังสูงว่าต้องทำได้ดูในระดับดีเทียบเท่า หนังไตรภาคแรก ตอนดูจะเทียบความสนุกกับภาค 1 กับภาค 3 ที่โดยส่วนตัวผมชอบสองภาคนี้มากๆ แต่พอดูจบ ผมยกให้ภาคนี้
"เป็นหนังภาคที่ดีที่สุดของ
แฟรนไซส์นี้เลย" 

 ภาคนี้มันลงตัวทั้งแอ็คชั่นที่มีมาหลั่งอะดรีดารีนคุณทั้งเรื่องที่ยัดมามากกว่าสามภาคแรก ชอบตั้งแต่ฉากแอ็คชั่นเปิดเรื่องยิงถล่มกันในอพาร์ทเม้นต์ถึงช่วงท้ายเรื่องที่แม็คเคลนบุกเดี่ยวไปช่วยลูกสาว  ถึงช่วงหลังของเรื่องจะแอ็คชั่นเว่อร์วัง ระเบิดภูเขาเผากระท่อมตามฉบับหนังไมเคิล เบย์ก็ตามแต่ยังรับได้อยู่ ตัวร้ายในภาคนี้ยังคงมาแบบมีสไตล์ เก่ง ฉลาด รอบคอบแบบภาคก่อนๆ ที่ตัวร้ายจะดูเก่งและนำพระเอกอยู่ทุกก้าวเสมอ แต่ภาคนี้พวกตัวร้ายมาแหวก ตรงหยิบเอาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาใช้ปั่นป่วนสหรัฐอเมริกา แฮ็คระบบนู้นนี่นั้น แบบ ก่อการร้ายบนโลกไซเบอร์ ดูต่างจากตัวร้ายภาคก่อนๆ ที่จะยกพวกติดอาวุธมายึดสถานที่อะไรแบบนี้ แต่ภาคนี้ก็ยังมีพวกลูกน้องติดอาวุธมาบู๊กับแม็คเคลนอยู่ แต่จะเน้นการเจาะระบบ แฮ็คนู้นนี่

 ทำให้ภาคนี้ แม็คเคลน ต้องมีผู้ช่วยอย่าง แมทธิว ฟาเรลล์ ที่นำแสดงโดย Justin Long หนุ่มแฮ็กเกอร์ขี้บ่นและขี้ตื่น ผมชอบบทคู่หูคนนี้ของแม็คเคลนพอๆกับซุสในภาคสาม ที่ชอบอีกอย่างคือภาคนี้ได้เห็นลูกสาวของป่แม็คเคลนในวัยสาวเต็มตัว ภาคแรกเห็นอยู่ในตอนเด็ก ภาคนี้มาแบบแจ่มแมวมาก ลูซี่ แม็ค
เคลน นำแสดงโดย Mary Elisabieth Wizard ออกไม่กี่ฉาก แต่ละสายตาออกจาก
นางไม่ได้เลย

 โดยรามภาคนี้ผมชอบทั้งเนื้อเรื่อง บท ตัวร้าย ฉากแอ็คชั่น การลำดับเรื่อง ดนตรีประกอบ และนักแสดงแทบทุกคนในภาคนี้เลยครับ 

2. Shooter (2007)
- หนังเรื่องนี้คงติดอันดับหนังแอ็คชั่นในดวงใจของใครหลายๆคน ผมก็เช่นกันครับ คือก่อนหน้าดูเรื่องนี้ ผมเป็นแฟนหนังของพระเอก Mark Wahlberg ดูมาหลายเรื่อง และเรื่องนี้กำกับโดย Antoie Fuqua จากเรื่อง Training Day, Teras Of The Sun เป็นหนึ่งในผู้กำกับหนังที่ผมชอบผลงานเป็นส่วนใหญ่ของแกมากๆครับ

 เรื่องนี้เเค่ฉากเปิดเรื่อง ฉากซุ่มยิงของพระเอก ก็ทำออกได้สนุกและลุ้นมากๆแล้ว หนังมีดีที่ฉากแอ็คชั่นที่เน้นปืน
สไนเปอร์ และเนื้อเรื่อง ตัวบท ก็เข้มข้นและน่าติดตามเช่นกัน ไม่ได้เร้นแต่แอ็คชั่นเอามันแล้วเนื้อหาอ่อน เรื่องมันไม่ใช่แบบนั้น ในตัวหนังดูไปถึงกลางเรื่องตัวร้ายเรื่อยเผยความจริง คือ ทำเอาช็อคเหมือนกัน คิดในใจว่า พวกตัวร้ายแกลงทุนจัดฉากใส่ร้ายพระเอกขนาดนี้เลยเหรอ เพื่อเอามาเป็นแพะในคดีให้พวกแกนี่นะ ดูแล้วสงสารพระเอก แต่ตอนหลังพระเอกแกก็พลิกเกมได้ เอาคืนสะใจมาก ฆ่าตายยกแกงค์

 ทั้งตัวร้ายและพระเอกในเรื่องต่างมีกึ๋นพอๆกัน ช่วงแรกๆพระเอกถูกตามล่า ช่วงหลังพระเอกมาตามล่าเอาคืน ได้สะใจมาก และถ้าใครชอบหนังแนวที่ตัวเอกใช้ปืนสไนเปอร์เทพๆ เรื่องนี้ตอบโจทย์คุณมากครับ รวมถึงการรับแสดงเรื่องนี้ของ มาร์ค วอล์หเบิร์ก พี่แกก็ตัดสินใจถูกแล้ว เพราะบท Bob Lee Swagger นี้ ยิ่งสร้างชื่อในฐานะนักแสดงของแกที่ดังอยู่แล้ว ให้ดังเพิ่มไปอีก เรื่องนี้ผมทำนางเอกกับคู่หูพระเอกด้วย Kate Mara ในบท ซาร่าห์ และ Michael Pena ในบท จนท.เอฟบีไอ นิค เม็มฟิช คือ แสดงดีทั้งคู่และบทเด่นสามารถดึงดูดคนดูได้ดีไม่แพ้ตัวมาร์คเลย

3. Sicario (2015)
- เรื่องนี้เรียกว่า หนังแอ็คชั่นได้ไม่เต็มปาก หนังออกแนวดราม่า ทริลเลอร์ มากกว่า เป็นหนังที่โทนเรื่องและการนำเสนอของผู้กำกับ อิกมาดาร์กและหม่นมาก แต่ดูหนักแน่นและสมจริง หนังสามารถสร้างสถานการณ์ความกดดันต่างได้ดี เอาเป็นว่าเรื่องนี้ดูแค่การแสดงของ Emily Blunt ในเรื่องนี้ก็คุ้มแล้ว

 เป็นหนังที่ตีแผ่โลกของสงครามยาเสพติดในเม็กซิโกได้ดี รู้ถึงเบื้องลึก เบื้องหลัง รู้ว่าทางทีมปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐอเมริกา มีแผนจัดการพวกนี้ยังไง เรื่องนี้เด่นที่บทสนทนาและความดาร์ก ดราม่าของมัน ฉากแอ็คชั่นมีจริงๆแค่สองฉากใหญ่ๆ ไม่มากมายแต่ดูสมจริง ยิงกันเลือดสาด ดุเดือด โหดร้านมาก อีกตัวละครที่แสดงได้ดีและดูลึกลับมีปมที่น่าสนใจคือ ตัวละคร อเลนฮานโดร ที่นำแสดงโดย Benicio Del Tero แกแสดงได้ดีมากๆ

4. No Country For Old Man (2007)
- เป็นหนังแนวแอ็คชั่นทริลเลอร์ดราม่า ที่เน้นให้อารมณ์ความเป็นทริลเลอร์ ระทึกขวัญ กดดัน ทำออกมาได้ดี แถมบทของตัวร้ายในเรื่องนี้ มันเป็นอะไรที่ดึงดูดคนดูไว้ได้ดี Javier Bardam แสดงเข้าถึงบทนี้ได้ดีเยี่ยม ดูโรคจิต โหด หน้าตาแบบไม่สนโลกสนแต่เรื่องฆ่าคน แถมยังฉลาดเป็นกรด 

 ส่วนนักแสดงนำอีกสองคนก็แสดงดีสมกับบทบาท Tommy Lee Jones และ Josh Brolin แต่ยังไม่โดเด่นและน่าประทับใจเท่า Javiar Bardem ดูทั้งเรื่อง ไม่ได้ชอบตัวพระเอกอะไรมาก ชอบตัวร้าย มันเหี้ยมโรคจิตดี หนังออกแนวคาวบอยๆหน่อย ดิบ ดวล ตึงเครียด กดดัน  ฉากแอ็คชั่นไล่ล่ากัน มั้งมันและระทึก ไม่เว่อร์เลย โคตรจะสมจริง โดยรวมชอบมากๆ

5. Non-Stop (2014)
- เป็นหนังแนวแอ็คชั่นทริลเลอร์ ที่สนุกและดีอีกเรื่องของนักแสดง Liam Neeson นับตั้งแต่เรื่อง Taken เอาจริงๆเรื่องนี้มาแอ็คชั่นช่วง  10 นาทีสุดท้ายของเรื่อง แต่ทำออกมาได้มันมาก ผมชอบฉากยิงปืนลอยกลางอากาศ โคตรเท่ ข่วงแรกถึงกลางเรื่องหนังให้ความกดดัน ระทึกขวัญ และสงสัยอะไรหลายอย่าง ทำให้เราคนดูคิดตามพระเอกว่า "ไอหมอนี่ มันมีท่าทีแปลกๆมีคนร้ายแน่เลย แต่อีกคนก็น่าสงสัย" อารมณ์ประมาณนี้ หนังเล่นอารมณ์กดดันได้ดี แถมตัวร้ายในเรื่องก็งางแผนมาแบบฉลาดมาก 

 ตอนหลังมาเฉลยตัวคนร้ายก็ทำแบบช็อกเหมือนกัน ตกลง "ไอคนนี้เหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย" ช่วง 10 นาทีหลังพระเอกก็สู้กับตัวร้ายได้มันมาก ตามสไตล์เลียม นีสัน เป็นหนังแอ็คชั่นทริลเลอร์ที่อยู่ในเครื่องบินลำเดียวทั้งเรื่อง ที่ครบรสทั้ง กดดัรน ระทึกขวัญ มีการสืบสวนสอบสวน และแอ็คชั่นเท่ๆ 

6. Law Abiding Citizen (2009)
- หนังที่นำแสดงโดยดารามากฝีมืออย่าง Jamie Foxx ประชันบทเข้มๆกับ Gerard Butler หนังเรื่องนี้เป็นหนัง
"บู๊เงียบ" ในที่นี้คือ เราจะไม่ได้เห็นพี่เจอราล์ดถือดาบไปไล่ฟันใคร หรือแบกปืนมาถล่มเละกับพวกตีวร้ายแบบหนังเรื่องอื่นๆของแก เรื่องมาแบบสายวางแผน พระเอกถูกขังอยู่ในคุกทั้งเรื่อง แต่สามารถฆ่าคนตามแผนที่เตรียมไว้อย่างฉลาดแยบยล มันเป็นหนังแนวล้างแต้นที่ต่งจากเรื่องอื่นๆ และดารแสดงประชันบทระหว่าง ฟ็อกซ์ กับ เจอราล์ด แต่ละซีนที่มีบทสนมนากัน มันวัดกึ๋น และสร้างแรงกดดันมาก

 ช่วงแรกถึงกลางเรื่อง เราเอาใจช่วยและเชียร์พระเอก แต่พอมาช่วงหลังๆพระเอกเริ่ม ทำแผนลอบฆ่าคนอื่นแบบมากเกินความจำเป็น เรามาเลยเชียร์ฝ่ายของอัยการที่แสดงโดย เจมี่ ฟ็อกศ์ ในการหาทางยับยั้งแผนของพระเอกมากกว่า

 หนังเรื่องนี้ฉากแอ็คชั่นไม่โจ่งแจ้งมาก แต่ว่าโหดเลือดสาดมาก ดูแล้วอาจขนฝยะแขยงได้เลย ตอนจบของหนังอาจจะดูเศร้าสำหรับใครหลายๆคน แต่ผมว่าหนังมันเลือกที่จะจบแบบนี้ ดีแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่