[BR] บัลลังก์เมฆ The Musical 2019 : ละครเวทีไทยคุณภาพระดับโลก ละครเพลงดีๆ ที่จะฝากคุณค่าไว้ในหัวใจคุณ

กระทู้ผู้สนับสนุน
ปกติตัวเองเป็นคนชอบฟังเพลงและดูละครอยู่แล้ว.. วันนี้พอทราบว่าจะได้มีโอกาสมาดูละครเวที ซึ่งเป็นละครเพลงรอบพิเศษ รีบเคลียร์คิวทุกอย่างให้ว่างทันทีเลย รอบที่ตัวเองไปดู คือ วันศุกร์ ที่ 21 มิ.ย. 2561 สถานที่ คือ เมืองไทยรัชดาลัยเธียเตอร์ ที่ศูนย์การค้า Esplanade

พอพูดถึงเรื่อง “บัลลังก์เมฆ” ต้องบอกว่าหลายคนอาจจะพอนึกถึงเรื่องย่อหรือเนื้อหาคร่าวๆออกได้ว่า เป็นบทละครที่เล่าถึงนายแม่ (ปานรุ้ง) ผู้หญิงซึ่งเก่งและพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ในแบบที่ตัวเองหวังไว้ >> ส่วนใครที่ยังไม่เคยดู แนะนำว่าไม่จำเป็นต้องอ่านเรื่องย่อเพื่อ spoil ตัวเองใดๆทั้งสิ้น เพราะละครเวทีนี้ สามารถถ่ายทอดเนื้อหาได้แบบครบถ้วน ไม่ตกหล่นใดๆเลยค่ะ
บางท่านอาจจะคิดว่าเรื่อง “บัลลังก์เมฆ” ถูกทำเป็นละคร/ละครเวทีมาหลายครั้งแล้ว ทำไมยังต้องมาดูอีก?

ขอบอกว่า บัลลังก์เมฆ เดอะมิวสิคัล 2019 ที่คุณบอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ (ผู้กำกับการแสดง) ได้ตั้งใจสร้างสรรค์ขึ้นใหม่นี้ ไม่เหมือนกับเวอร์ชั่นที่ผ่านๆ และเป็นความบันเทิงที่ครบอรรถรส ถือเป็น ละครเวทีที่นับได้ว่าพีคสุดในรอบหลายปีที่เคยดูมา

รอบพิเศษคุณบอยได้ให้เกียรติมากล่าวเปิดและปิดด้วย น่าประทับใจมากๆค่ะ งั้นขอเข้า part รีวิวละครเวทีนะคะ
1. ละครเพลงจะสำคัญที่สุด คือ การถ่ายทอดอารมณ์ผ่านเสียงเพลง และบทเพลงที่ขับร้อง ซึ่งต้องบอกว่านักแสดงทุกคนล้วนเป็นมืออาชีพ และถ่ายทอดออกมาแบบสุดพลังส่งถึงคนดูจริงๆ

• เพลงประกอบที่เขียนมาแต่ละบท แต่ละท่อนนั้น บอกได้เลยว่ามันสอดประสานรับกันอย่างดี จนนักแสดงแต่ละท่านถ่ายทอดออกได้มาอย่างกินใจเหลือเกิน และทำให้ชื่อ “บัลลังก์เมฆ” ที่ดูเหมือนยากที่จะเข้าใจความหมายในตอนแรกนั้น ชัดเจนขึ้นทันที

• มาสังเกตว่าตอนที่เราดูละครเวทีนี้ ทุกๆครั้งที่มีนักแสดงออกมาขับร้องบทเพลง เราจะให้ความสำคัญกับฉากตรงหน้าเต็มที่ ว่านี้คือฉากของเขา เราจะสนใจแค่เขา โดยที่แทบไม่สนเลยว่า..เมื่อไหร่นางเอก พระเอก จะออกมา ต่างจากตอนที่เราดูละคร จะมีพระนาง และตัวอิจฉาที่เด่น แต่ในละครเวที ทุกตัวละครมีบทเด่นของตัวเอง และมีโอกาสได้ perform แบบเต็มที่ในช่วงเวลาของตัวเอง คุณบอย ถกลเกียรติ สามารถออกแบบโชว์นี้มา ให้นักแสดงทุกคนมีบทบาทและเป็นที่จดจำในแบบของตัวเอง ซึ่งสำหรับเราถือว่าน่าทึ่งมากเลย เพราะทำให้คนดูเห็น Character ของตัวละครทุกตัว และหลงรักตัวละครแต่ละตัวในแบบที่เขาเป็น

• ก่อนเข้าชม..ได้ยินคนพูดว่า “ชาย ชาตโยดม นี่เล่นเต็มที่มาก ทุ่มเทมาก คือสุดอ่ะ” ตอนนั้นที่ได้ยิน ก็ยังรู้สึกเฉยๆนะคะ เพราะไม่แน่ใจว่าคุณชาย แกรับบทอะไร แต่ฉากที่แกเล่นเป็นบทเด่นนี่ บอกเลยว่าประทับใจ ได้ยินเสียงคนข้างหน้าสะอื้น เราเองก็น้ำมูกน้ำตาไหลสิคะ (จะเหลือหรอ) พอร้องจบนี้คนปรบมือทั้ง Hall

• ตอนพักครึ่งให้ไปเข้าห้องน้ำ คนในห้องน้ำหยิบกระดาษทิชชูกันพรึ่บ บอกว่าเตรียมไว้เดี๋ยวบ่อน้ำตาแตกอีก
2. ถัดมาอยากพูดตัวละคร และบทละครที่ถูกปรับให้เข้ากับยุคปัจจุบันมากขึ้นผ่านการตีความใหม่

• มีการเพิ่มเนื้อเพลง คำร้องให้เข้ากับปัจจุบัน ฟังแล้วรู้เลยว่าตั้งใจแต่งขึ้นมาใหม่อย่างดีเพื่อใช้ในการ entertain ผู้ชม และปรับให้เข้ากับยุคสมัยสมกับเป็นปี 2019 มากขึ้น

• ขอ spoil นิดนึงว่ามีส่วนที่เราว่าสนุกมาก ทั้งจังหวะดนตรี การร้อง และท่วงทำนองการเต้น ของปานเทพ (แสดงโดย ชิน) ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าการนำเอาท่อนเพลงแรพ มาผสมผสานกับละครเพลงที่มีมากว่า 2 ทศวรรษ กลับเป็นส่วนผสมที่เข้ากันและลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ รับรองว่าสนุก... ถ้าได้ดูคุณน่าจะประทับใจฉากนี้เหมือนๆกับเรา

• ตัวละครต่างๆก็ดูจะสมเหตุสมผล มีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น ลูกๆในปี 2019 ย่อมไม่ยอมเชื่อฟัง หรือ คล้อยตามแม่ง่ายๆแบบในอดีต กลับกลายเป็นลูกที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก แม้ในบทเพลงยังมีการเสียดสีและประชดประชันเล็กๆเข้ามาผสมอยู่ด้วย

• แม้กระทั่งบทสนทนาเองก็หยิบยกเอาเรื่องที่ใกล้ตัว เป็นปัจจุบัน หรือแม้กระทั้งการเหน็บแนมเรื่องความสัมพันธ์ในปัจจุบันที่มักจะ complicated สะท้อนให้เห็นชัดถึงสังคมที่เปลี่ยนไปในรูปแบบของศตวรรษ ที่ 21

คือ เอาจริงๆ มันดีมากอ่ะค่ะ อันนี้จากใจ

3. พูดถึงละครเวที คงไม่พูดถึงเรื่องฉากไม่ได้เนอะ เพราะถือเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ส่วนผสมอื่นๆลงตัว

• ฉากละครเวทีที่เราเห็น ต้องบอกว่าอลังการอยู่นะ ถ้ามองแบบเร็วๆผ่านไปต้องบอกว่าฉากเองไม่ได้ถึงกับทุ่มทุนสร้าง อลังการดาวล้านดวง แต่ว่ามันมีความสวย หรูหรา ดูพอเหมาะพอควร เช่น ฉากบ้านดูหรู อยู่สบาย อบอุ่นและให้ความรู้สึกที่เป็นบ้านจริงๆ เพิ่ม Chandelier มาทำให้ดูแพงขึ้นมาทันที

• หรือ อย่างฉากบ้านของเกื้อที่ให้ความรู้สึกแบบคนจีน ฐานะยากจน บ่งบอกถึงความลำบาก ไม่สะดวกสบาย แต่มันยังมี element ที่ครบ ที่ทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นบ้าน

• และแม้แต่ฉากสลัมที่ รินทร์ ผู้หญิงที่ปกรณ์ตกหลุมรักอยู่ แม้จะเป็นสลัม แต่ก็ให้ความรู้สึกถึงความเป็นชุมชนเล็กๆที่คนในสลัมไม่ได้แก่งแย่งชิงดีกันเอง แต่เป็นสลัมที่ผู้คนต่างทำมาหากินและดำเนินชีวิตไป

• ถ้าจะให้สรุปคงบอกว่าฉากที่ออกแบบมามันให้ความรู้สึกพอดี ไม่มากไปไม่น้อยไป แต่มันทำหน้าที่ของมันได้อย่างลงตัวส่งให้ภาพรวม mood and tone ของละครเวทีออกมาได้อย่างที่ควรจะเป็น

• มีการนำ Effect มาใช้ด้วยนะ ส่วนที่ชอบมากเลยคือ effect ตอนฝนตก มันให้อารมณ์ที่ใช้เลย ดูเป็นธรรมชาติ เห็นแล้วแบบอยากเอามาใช้ทำมิวสิค เดินตากฝนกับคนรักบ้าง (อุ้ยยย เขิลลลลอ่ะ)

ขอชื่อชมคนออกแบบฉากและอุปกรณ์ประกอบฉาก รวมถึงพี่ๆหลังฉากและนักแสดงทุกคนที่ต้องรู้คิวงานเป็นอย่างดี ส่งผลให้การสลับฉากเป็นไปอย่าง smooth และไม่รบกวนสายตาคนดูแม้แต่น้อย

4. แน่นอนว่าจะต้องไม่ลืมพูดถึง “ความรักของแม่” ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นนั้นยิ่งใหญ่ มีพลังมาก

• จากความรักของคมขวัญ ที่ส่งถึงปานรุ้ง และปานรุ้ง ส่งต่อไปยังลูกๆ เราเห็นถึงความต่อเนื่องในอารมณ์ และลึกลงไปกว่านั้น เราเห็นถึงการหยิบยกเอาเรื่องจริงมาสะท้อนให้เห็นในตัวละคร หลายๆครั้งที่เราไม่ชอบบางสิ่งบางอย่างที่พ่อแม่ทำ แต่เราก็ยังมีพฤติกรรมบางอย่างที่เหมือนท่าน ไม่ว่าจะตั้งใจ หรือ ไม่ตั้งใจก็ตาม แบบที่ปานรุ้งพยายามพร่ำสอนและขีดเส้นตีกรอบหนทางให้ลูกๆเดิน ทั้งๆที่เธอเองเคยไม่ชอบการกระทำแบบเดียวกันนี้ของปานวาด ซึ่งเป็นแม่ของเธอ

• “ความรักที่มากไปย่อมเกินพอดี” และสุดท้ายกลับกลายเป็น “ทำลาย” ปานรุ้ง กลายเป็นผู้มีทุกอย่าง แต่กลับไม่มีความเข้าใจ

• สุดท้ายแล้ว รักแท้ คือ การที่เราปล่อยไป ปล่อยให้เขาได้เลือกทางเดินของตัวเอง ปล่อยให้เขาได้เป็นตัวของตัวเอง ได้มีโอกาสเรียนรู้ผิดพลาด เพื่อจะได้โตมาเป็นผู้ใหญ่ในวัยอันสมควร เราคงไม่สามารถปกป้องลูกได้ตลอดไป

5. ความประทับใจกับฉากความสัมพันธ์ในครอบครัว และซีนที่ดึงให้เรามีอารมณ์ร่วมจนหลายๆครั้งเผลอน้ำตาไหล

• เรื่องในครอบครัว จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามาก อยู่ในชีวิตจริงของทุกคน เพราะฉะนั้นระหว่างดูละครเวทีไป เราจะสามารถ relate กับเนื้อเรื่องได้ไม่ยาก

• เส้นเรื่องที่วางมาจะทำให้เราค่อยๆเข้าใจในตัวละคร ความปรารถนาลึกๆ ความหวัง และความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ เมื่อปะติดปะต่อเป็นเรื่องราวแล้ว มันทำให้เราอดไม่ได้ที่จะคาดเดาตัวละคร พร้อมๆกันกับเอาใจช่วย จนไปเจอเข้ากับฉากซึ้งๆ ที่เรียกน้ำตาเราได้เป็นระยะๆ

• ฉากที่สะเทือนใจเรามากฉากนึง คือ ตอนที่ปานวาด (ลูกสาวปานรุ้ง) แอบกลับมายืนที่ประตูบ้านแล้วร้องเพลง “ฉันทำผิดเอง” (...แอบมองเห็นเธอทุกวัน แอบมองด้วยรอยน้ำตา และอยากกลับคืนกลับมาเหมือนเก่า มันทรมานเหลือเกิน แอบมองด้วยความปวดร้าว เมื่อรู้ว่ามันสายไป...) เป็นตอนที่เพิ่งจะตระหนักว่าตัวเองได้ทำผิด และกำลังสูญเสียคนที่รักไป ฉากนี้สะเทือนใจจริงๆ ระหว่างลูกสาวกับแม่ มันจะมีเส้นใยบางๆส่งถึงกันตลอดเวลาสินะ (ทำเอาคิดถึงแม่... และก็ร้องไห้อีกจ้า)

• หรือ แม้แต่ฉากเล็กๆน้อยๆที่พี่ชายน้องชายกอดลากัน มันสะท้อนให้เห็นความรักของ 2 หนุ่มที่โตมาด้วยกัน แต่ไม่เคยบอกรักกัน ในทุกๆฉากคุณบอยได้ซ่อนซีนอารมณ์เล็กๆไว้เสมอ

• มีช่วง Drama แบบที่คุณคาดไม่ถึงด้วยนะ >> อันนี้แตะไม่ได้เลย เพราะมันพีคมากจริงๆ

อยากให้ทุกคนที่อยู่ในฐานะแม่ได้มาดู จะได้เข้าใจความรู้สึกคนเป็นลูก และอยากให้คนที่เป็นลูกได้มาดู จะได้เข้าใจความรู้สึกคนเป็นแม่
ชื่อสินค้า:   บัลลังก์เมฆเดอะมิวสิคัล2019
คะแนน:     

BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่