สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 31
ทำไมนะเหรอคะ มานี่ค่ะเด็กๆ เจ่เจ้จะเล่าให้ฟัง ศิลปินหญิงของไทยที่ไปในตลาดอินเตอร์
คนแรกของไทยที่ดังในระดับสากล คือ ติ๊นา คริสติน่า ในยุคที่ทั้งเอเชียทุกประเทศมีMTV Asia แค่ช่องเดียว ไม่มีโซเชี่ยลมีเดีย ไม่มีอะไรเลยค่ะ สื่อมีแค่ทีวีหนวดกุ้ง วิทยุ นสพ และแม็กกาซีน แต่ติ๊นาคือใบเบิกทางของจริงให้ศิลปินหญิงไทยคนอื่นๆ ซึ่งเด็กรุ่นใหม่และคนทั่วไปไม่ค่อยรู้หรือไม่รู้เลยด้วยซ้ำ นางคือศิลปินไทยที่ไปแสดงโตเกียวมิวสิคเฟสติวัลแทบทุกปีที่มีเพลงออก (ยังจำตอนนางผมบลอนด์ 6.2.12. ไปร้องได้อยู่เลย คือแบบ โอ๊ยย ดีมาก แพงอะไรแบบนี้) / ตอนอัลบั้มนินจาวางเมื่อ28ปีก่อน สิงคโปร์กรี๊ดนางอยู่นะคะ ด้วยลุคด้วยเพลง / ตอนชุด2 MVของนาง (เพลงจริงไม่กลัว) ได้รางวัล MTV Viewer Choice Awards จากการโหวต โดยคะแนนโหวตส่วนมากมาจากคนอินเดีย และได้ไปรับรางวัลMTVที่อเมริกา และนางก็เอาเพลงชุดนี้ไปขายที่ญี่ปุ่น / ตอนชุด3 ชุดที่พีคของนางที่มีเพลงไม่ยากหรอก ไปด้วยกันนะ นาทีที่ยิ่งใหญ่ เป็นชุดที่กล้าพูดว่านางคือคนที่พร้อมสุดที่จะไปเมืองนอก ต่างชาติก็เริ่มรู้จักนางเยอะขึ้น เริ่มมีแววโกอินเตอร์และค่ายก็ดันตั้งแต่ให้ลุคนางเป็นสาวผมบลอนด์ (ชุด6.2.12. เพลงแล้วมารักกันต่อ ไปขุดดูนะคะเด็กๆ แล้วจะรู้ว่าทำไมเจ่เจ้เสียดายนาง) แต่เรารู้สึกว่าเหมือนนางจะไม่โกอินเตอร์เองอ่าค่ะ (ประกอบกับการเสียชีวิตของพี่เต๋อ เรวัติ) นางเหมือนพอใจกับตัวเองแล้ว ทั้งๆที่ทำเพลงภาษาอังกฤษออกมาในช่วงปี1997 และ 1999 แล้ว บวกกับวัยด้วยแหละ (พี่ติ๊นาเดบิวต์ตอน24) เรื่องการเต้นก็เป็นสิ่งที่คนปรามาสนางเยอะ แต่เท่าที่ระลึกได้ สื่อยุค90sเรียกนางว่า นางคือราชินีเพลงเต้น (คือเป็นคนที่มีเพลงเต้นดังสุดในยุคนั้น) ไม่ใช่ราชินีนักเต้นนะคะ เสียดายลุค เสียดายเสียง เสียดายจริตและลีลาเลื้อยๆบนเวทีมาก
หลังจากนั้นก็มีหลายคนที่พยายามไปในตลาดโลกทั้งค่ายดันและพยายามเอง ตั้งแต่ทาทายัง นัท มีเรีย(ประกบ นามิเอะ อามูโระ บนเวทีฟรีคอนเสิร์ตมาแล้ว) ไชน่าดอลล์ (ตลาดไต้หวัน ทุกวันนี้เพลง "ปีใหม่จีน ปีใหม่ไทย" ยังคงถูกเปิดที่ไต้หวันนะคะ) พอเริ่มเข้าสู่ยุคอินเตอร์เน็ตKSC (ทราบกันใช่ไหมคะว่า18ปีก่อน จะเชื่อมเน็ตที่นี่แทบจะกราบสายโทรศัพท์) แต่ทาทา อมิตตา มาเรีย ยัง ยังคือคนที่ทำสำเร็จคนแรกแบบ official หลังจาก Reach for the star บนเวทีเอเชียนเกมส์ นางออกจากแกรมมี่แล้วไปเซ็นสัญญากับ BEC ซึ่งอัลบั้มเพลงสากลของนางชุดแรกจริงๆเนี่ยต้องออกก่อน I believe อีก เพราะไปอัดที่อเมริกาช่วงปี2000/2001 แต่ยังไงก็ไม่รู้ ไม่ได้ออก จากนั้นนางก็มาออกเพลงช็อต กะอีกชุดนึง จนกระทั่งคลอด I believe ออกมา แน่นอนค่ะ ตอนนั้นสื่อโซเชี่ยลมีแค่ website และ msn ทาทาดังได้ด้วยตัวนางเอง ถามว่าดังแค่ไหน ดังชนิดที่เรียกว่ายุคนั้นใครๆก็ร้องเพลงของนางได้ ขนาดชายแท้ก็ต้องเคยฟังเพลงของนาง ไปจนถึงคนแก่ๆอย่างยายดิฉันยังรู้จักเลยว่านางร้องเพลง I believe I believe in love ส่วน FCจะช่วยปั่นให้โลกรู้จักนางไม่มีเลย เพราะมันไม่มีช่องทาง มีแค่เว็บไซต์ของนางที่โหลดหน้าเว็บนานมากกกก อีกอย่าง anti-fan ของนางเยอะมากกกกกก น่าจะเป็นดาราไทยที่มีanti-fan เยอะที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งประเทศไทยมา แต่ถึงอย่างนั้นทาทาก็ทำสำเร็จทั้งในสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ตลาดเพลงญี่ปุ่นเป็นอะไรที่ตียากมากกกก (ใครฟังเพลงญี่ปุ่นมาตลอดแบบดิฉันจะรู้ค่ะว่า น่าปวดหัวมาก คนจะดังได้เนี่ย ไม่ได้มีอะไรเป็น pattern เลยนะคะ คือจังหวะจะดีก็จะดีเอง) แต่ทาทาตีสำเร็จ แม้จะไม่ได้เข้าไปผงาดง้ำ แต่เพลงอย่าง I believe , Sexy Naughty Bitchy ของนางคือตีได้ แต่ก็อย่างที่เราทราบๆกันความสำเร็จของนางมันอยู่ในยุคที่วงการเพลงไม่ได้บูมอะไรมาก (ยุคกลางๆปี2000) ทำให้ทาทาจอดแค่อัลบั้มแรก เพราะอัลบั้มที่2เพลงไม่ค่อยติดหู พอมาชุด3แรงโปรโหมต+สุขภาพ+วินัยต่างๆเริ่มหดหาย (คงจะได้เห็นดราม่าของนางกันอยู่ เมื่อเกือบ10ปีก่อน) และ ด้วยอายุ ด้วยวัย ทำให้ทาทาค่อยๆหายไป แต่ทาทาก็คือทาทา นางไม่เคยหายไปไหนนานนะคะ สิ่งที่ชัดเจนของทาทาคือเสียงร้องที่ดีงาม และตัวตนที่ไม่มีใครเหมือน และสำหรับเจ่เจ้นะคะ ยังไม่มีใครซ้ำรอยกับทาทาได้ ที่แบกความมั่นใจ+ความสามารถ แล้วผงาดให้คนที่เกลียดนางกลับมาชอบนาง
มาถึงน้องลิซ่า ศลิษา นางคือคนที่มาถูกจังหวะ ถูกเวลา มาก เพราะมาในยุคที่นอกจากโลกเชื่อมต่อกันเพียงปลายนิ้วแล้วนะคะ ยังมีเหตุผลอื่นๆอีกมากมายค่ะ
1.คนไทยไม่มีไอดอลเพศหญิงมานานมากกกกแล้ว หลังจากทาทายุคโกอินเตอร์มา คนที่มีลักษณะเป็นไอดอลแทบจะไม่มีเลย ปาล์มมี่ดูเป็น artist มากกว่า /// TK ก็ไม่ได้มีเพลงต่อเนื่อง /// GB ก็ไม่ได้แมสขนาดนั้น /// แคท อิงลิช ก็มีปัญหากับนักข่าว แล้วก็ว่างยาวเลย จนกระทั่งมีลิซ่า ทำให้เหมือนคนไทยที่ขาดไอดอลผู้หญิงที่มั่นใจ มีความสามารถ กลับมามีคนให้เชียร์อีกครั้ง แถมเป็นตลาดเพลงเกาหลีที่บูมในไทยอีกด้วย
2.มี social media ยุคนี้คือยุคของ social mediaค่ะ เหมือนเป็นอาวุธลับแห่งยุคเลยที่เอามาวัดกันว่าใครประสบความสำเร็จไม่สำเร็จอ่าค่ะ
3.ตัวลิซ่าเอง จะไม่ให้เครดิตนางก็คงจะไม่ได้เพราะนางออดิชั่นไปเอง ลุคของนางไม่ค่อยเหมือนใครในเกาหลี และเป็นเพราะความพยายามนั่นแหละ ยิ่งไม่ใช่คนเกาหลีเองด้วยยิ่งต้องกดดันและฝ่าพายุไปให้ได้ แต่นางก็ทำได้ เกาหลีนี่เป็นประเทศที่กดดันมากไม่แพ้ญี่ปุ่น (ในฐานะคนที่ฟังเพลงญี่ปุ่น ส่วนตัวคิดว่าจิตๆกว่าญี่ปุ่นด้วยซ้ำ) มันเลยเป็นเหมือนผลตอบแทนในความพยายามที่น้องจะได้กลับมา
4.แฟชั่น แฟชั่นแบรนด์ต่างๆคือตัวผลักและดันให้ลิซ่ามายืนอยู่ข้างหน้าด้วยค่ะ หนูๆเล่นFB กันใช่มั๊ยคะ เคยเห็นบทความในนิตยสารแฟชั่นเช่น Elle Magazine , Bazaar อะไรแบบนี้มั๊ยคะ ไม่อยากบอกให้ช้ำใจเล่นว่า FCของนางนั่นแลหะค่ะคือคนเขียนบทความเหล่านั้น ใช่ค่ะ มันก็วนกลับมาที่เรียกสือแต่เป็น fashion media ที่จะช่วยยกระดับตัวดาราให้ดูแพงและเป็น A-List ได้มากขึ้น (ทำไมทราบ ก็ดิฉันเคยทำงานอยู่ในแวดวงนั้นแหละค่ะ) เขาเลือกกันมาแล้วค่ะ ใครถูกจริตทีมนิตยสาร หรือ คนในนั้นเป็นFCใครหรือเลิฟใครเป็นพิเศษ เขาก็เลือกนำเสนอขึ้นมาค่ะ (สังเกตสิคะ บทความใน the matter , standard หรืออะไรเทือกๆนี้ มีแต่ของวงการเกาหลี วงการญี่ปุ่น ฮอลลีวู้ด บอลลีวู้ด หรือแม้แต่ของไทยแทบไม่โดนแตะเลย) แล้วยิ่งลิซ่า เป็นสาวไทย ไอดอลหนึ่งเดียวที่อยู่ในตลาดโลก ทำไมเขาจะไม่เชียร์
มันเทียบกันไม่ได้ค่ะหนูขาาาาา
เป็นเพราะว่า "ช่องทางของสื่อ" และ "โอกาส" ของโลกใบนี้มันกว้างขึ้นค่ะ ยิ่งมีอินเตอร์เน็ตยิ่งไปได้ไกล
อีกอย่างคือยุคนี้วงการเพลงกลับมาคึกคัก (ยกเว้นเพลงไทย) แล้วยิ่งได้ไปทำงานกับต่างชาติโอกาสมันย่อมดีกว่าทำงานกับทีมไทยอยู่แล้ว
ทั้งเรื่องภาษา ช่องทาง ฐานแฟนคลับต่างๆนานา ที่ตอบรับเข้ามาคือผลตอบแทนและผลพลอยได้ของศิลปินยุคนี้
เทียบเชิงว่าเทียบแบบวัดกันแบบที่หลายๆคนวัด อ่ะ อันนี้ใครๆก็ทำได้ แต่เอาตามความจริงในแง่ของชื่อเสียง ความสำเร็จ
ช่วงเวลาที่ห่างกันเกือบ10ปี มันวัดกันไม่ได้ค่ะ
เป็นเพราะว่า "ช่องทางของสื่อ" และ "โอกาส" ของโลกใบนี้มันกว้างขึ้นค่ะ ยิ่งมีอินเตอร์เน็ตยิ่งไปได้ไกล
อีกอย่างคือยุคนี้วงการเพลงกลับมาคึกคัก (ยกเว้นเพลงไทย) แล้วยิ่งได้ไปทำงานกับต่างชาติโอกาสมันย่อมดีกว่าทำงานกับทีมไทยอยู่แล้ว
ทั้งเรื่องภาษา ช่องทาง ฐานแฟนคลับต่างๆนานา ที่ตอบรับเข้ามาคือผลตอบแทนและผลพลอยได้ของศิลปินยุคนี้
เทียบเชิงว่าเทียบแบบวัดกันแบบที่หลายๆคนวัด อ่ะ อันนี้ใครๆก็ทำได้ แต่เอาตามความจริงในแง่ของชื่อเสียง ความสำเร็จ
ช่วงเวลาที่ห่างกันเกือบ10ปี มันวัดกันไม่ได้ค่ะ
ทำไมนะเหรอคะ มานี่ค่ะเด็กๆ เจ่เจ้จะเล่าให้ฟัง ศิลปินหญิงของไทยที่ไปในตลาดอินเตอร์
คนแรกของไทยที่ดังในระดับสากล คือ ติ๊นา คริสติน่า ในยุคที่ทั้งเอเชียทุกประเทศมีMTV Asia แค่ช่องเดียว ไม่มีโซเชี่ยลมีเดีย ไม่มีอะไรเลยค่ะ สื่อมีแค่ทีวีหนวดกุ้ง วิทยุ นสพ และแม็กกาซีน แต่ติ๊นาคือใบเบิกทางของจริงให้ศิลปินหญิงไทยคนอื่นๆ ซึ่งเด็กรุ่นใหม่และคนทั่วไปไม่ค่อยรู้หรือไม่รู้เลยด้วยซ้ำ นางคือศิลปินไทยที่ไปแสดงโตเกียวมิวสิคเฟสติวัลแทบทุกปีที่มีเพลงออก (ยังจำตอนนางผมบลอนด์ 6.2.12. ไปร้องได้อยู่เลย คือแบบ โอ๊ยย ดีมาก แพงอะไรแบบนี้) / ตอนอัลบั้มนินจาวางเมื่อ28ปีก่อน สิงคโปร์กรี๊ดนางอยู่นะคะ ด้วยลุคด้วยเพลง / ตอนชุด2 MVของนาง (เพลงจริงไม่กลัว) ได้รางวัล MTV Viewer Choice Awards จากการโหวต โดยคะแนนโหวตส่วนมากมาจากคนอินเดีย และได้ไปรับรางวัลMTVที่อเมริกา และนางก็เอาเพลงชุดนี้ไปขายที่ญี่ปุ่น / ตอนชุด3 ชุดที่พีคของนางที่มีเพลงไม่ยากหรอก ไปด้วยกันนะ นาทีที่ยิ่งใหญ่ เป็นชุดที่กล้าพูดว่านางคือคนที่พร้อมสุดที่จะไปเมืองนอก ต่างชาติก็เริ่มรู้จักนางเยอะขึ้น เริ่มมีแววโกอินเตอร์และค่ายก็ดันตั้งแต่ให้ลุคนางเป็นสาวผมบลอนด์ (ชุด6.2.12. เพลงแล้วมารักกันต่อ ไปขุดดูนะคะเด็กๆ แล้วจะรู้ว่าทำไมเจ่เจ้เสียดายนาง) แต่เรารู้สึกว่าเหมือนนางจะไม่โกอินเตอร์เองอ่าค่ะ (ประกอบกับการเสียชีวิตของพี่เต๋อ เรวัติ) นางเหมือนพอใจกับตัวเองแล้ว ทั้งๆที่ทำเพลงภาษาอังกฤษออกมาในช่วงปี1997 และ 1999 แล้ว บวกกับวัยด้วยแหละ (พี่ติ๊นาเดบิวต์ตอน24) เรื่องการเต้นก็เป็นสิ่งที่คนปรามาสนางเยอะ แต่เท่าที่ระลึกได้ สื่อยุค90sเรียกนางว่า นางคือราชินีเพลงเต้น (คือเป็นคนที่มีเพลงเต้นดังสุดในยุคนั้น) ไม่ใช่ราชินีนักเต้นนะคะ เสียดายลุค เสียดายเสียง เสียดายจริตและลีลาเลื้อยๆบนเวทีมาก
จบแผ่นดินที่1
หลังจากนั้นก็มีหลายคนที่พยายามไปในตลาดโลกทั้งค่ายดันและพยายามเอง ตั้งแต่ทาทายัง นัท มีเรีย(ประกบ นามิเอะ อามูโระ บนเวทีฟรีคอนเสิร์ตมาแล้ว) ไชน่าดอลล์ (ตลาดไต้หวัน ทุกวันนี้เพลง "ปีใหม่จีน ปีใหม่ไทย" ยังคงถูกเปิดที่ไต้หวันนะคะ) พอเริ่มเข้าสู่ยุคอินเตอร์เน็ตKSC (ทราบกันใช่ไหมคะว่า18ปีก่อน จะเชื่อมเน็ตที่นี่แทบจะกราบสายโทรศัพท์) แต่ทาทา อมิตตา มาเรีย ยัง ยังคือคนที่ทำสำเร็จคนแรกแบบ official หลังจาก Reach for the star บนเวทีเอเชียนเกมส์ นางออกจากแกรมมี่แล้วไปเซ็นสัญญากับ BEC ซึ่งอัลบั้มเพลงสากลของนางชุดแรกจริงๆเนี่ยต้องออกก่อน I believe อีก เพราะไปอัดที่อเมริกาช่วงปี2000/2001 แต่ยังไงก็ไม่รู้ ไม่ได้ออก จากนั้นนางก็มาออกเพลงช็อต กะอีกชุดนึง จนกระทั่งคลอด I believe ออกมา แน่นอนค่ะ ตอนนั้นสื่อโซเชี่ยลมีแค่ website และ msn ทาทาดังได้ด้วยตัวนางเอง ถามว่าดังแค่ไหน ดังชนิดที่เรียกว่ายุคนั้นใครๆก็ร้องเพลงของนางได้ ขนาดชายแท้ก็ต้องเคยฟังเพลงของนาง ไปจนถึงคนแก่ๆอย่างยายดิฉันยังรู้จักเลยว่านางร้องเพลง I believe I believe in love ส่วน FCจะช่วยปั่นให้โลกรู้จักนางไม่มีเลย เพราะมันไม่มีช่องทาง มีแค่เว็บไซต์ของนางที่โหลดหน้าเว็บนานมากกกก อีกอย่าง anti-fan ของนางเยอะมากกกกกก น่าจะเป็นดาราไทยที่มีanti-fan เยอะที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งประเทศไทยมา แต่ถึงอย่างนั้นทาทาก็ทำสำเร็จทั้งในสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ตลาดเพลงญี่ปุ่นเป็นอะไรที่ตียากมากกกก (ใครฟังเพลงญี่ปุ่นมาตลอดแบบดิฉันจะรู้ค่ะว่า น่าปวดหัวมาก คนจะดังได้เนี่ย ไม่ได้มีอะไรเป็น pattern เลยนะคะ คือจังหวะจะดีก็จะดีเอง) แต่ทาทาตีสำเร็จ แม้จะไม่ได้เข้าไปผงาดง้ำ แต่เพลงอย่าง I believe , Sexy Naughty Bitchy ของนางคือตีได้ แต่ก็อย่างที่เราทราบๆกันความสำเร็จของนางมันอยู่ในยุคที่วงการเพลงไม่ได้บูมอะไรมาก (ยุคกลางๆปี2000) ทำให้ทาทาจอดแค่อัลบั้มแรก เพราะอัลบั้มที่2เพลงไม่ค่อยติดหู พอมาชุด3แรงโปรโหมต+สุขภาพ+วินัยต่างๆเริ่มหดหาย (คงจะได้เห็นดราม่าของนางกันอยู่ เมื่อเกือบ10ปีก่อน) และ ด้วยอายุ ด้วยวัย ทำให้ทาทาค่อยๆหายไป แต่ทาทาก็คือทาทา นางไม่เคยหายไปไหนนานนะคะ สิ่งที่ชัดเจนของทาทาคือเสียงร้องที่ดีงาม และตัวตนที่ไม่มีใครเหมือน และสำหรับเจ่เจ้นะคะ ยังไม่มีใครซ้ำรอยกับทาทาได้ ที่แบกความมั่นใจ+ความสามารถ แล้วผงาดให้คนที่เกลียดนางกลับมาชอบนาง
จบแผ่นดินที่2
มาถึงน้องลิซ่า ศลิษา นางคือคนที่มาถูกจังหวะ ถูกเวลา มาก เพราะมาในยุคที่นอกจากโลกเชื่อมต่อกันเพียงปลายนิ้วแล้วนะคะ ยังมีเหตุผลอื่นๆอีกมากมายค่ะ
1.คนไทยไม่มีไอดอลเพศหญิงมานานมากกกกแล้ว หลังจากทาทายุคโกอินเตอร์มา คนที่มีลักษณะเป็นไอดอลแทบจะไม่มีเลย ปาล์มมี่ดูเป็น artist มากกว่า /// TK ก็ไม่ได้มีเพลงต่อเนื่อง /// GB ก็ไม่ได้แมสขนาดนั้น /// แคท อิงลิช ก็มีปัญหากับนักข่าว แล้วก็ว่างยาวเลย จนกระทั่งมีลิซ่า ทำให้เหมือนคนไทยที่ขาดไอดอลผู้หญิงที่มั่นใจ มีความสามารถ กลับมามีคนให้เชียร์อีกครั้ง แถมเป็นตลาดเพลงเกาหลีที่บูมในไทยอีกด้วย
2.มี social media ยุคนี้คือยุคของ social mediaค่ะ เหมือนเป็นอาวุธลับแห่งยุคเลยที่เอามาวัดกันว่าใครประสบความสำเร็จไม่สำเร็จอ่าค่ะ
3.ตัวลิซ่าเอง จะไม่ให้เครดิตนางก็คงจะไม่ได้เพราะนางออดิชั่นไปเอง ลุคของนางไม่ค่อยเหมือนใครในเกาหลี และเป็นเพราะความพยายามนั่นแหละ ยิ่งไม่ใช่คนเกาหลีเองด้วยยิ่งต้องกดดันและฝ่าพายุไปให้ได้ แต่นางก็ทำได้ เกาหลีนี่เป็นประเทศที่กดดันมากไม่แพ้ญี่ปุ่น (ในฐานะคนที่ฟังเพลงญี่ปุ่น ส่วนตัวคิดว่าจิตๆกว่าญี่ปุ่นด้วยซ้ำ) มันเลยเป็นเหมือนผลตอบแทนในความพยายามที่น้องจะได้กลับมา
4.แฟชั่น แฟชั่นแบรนด์ต่างๆคือตัวผลักและดันให้ลิซ่ามายืนอยู่ข้างหน้าด้วยค่ะ หนูๆเล่นFB กันใช่มั๊ยคะ เคยเห็นบทความในนิตยสารแฟชั่นเช่น Elle Magazine , Bazaar อะไรแบบนี้มั๊ยคะ ไม่อยากบอกให้ช้ำใจเล่นว่า FCของนางนั่นแลหะค่ะคือคนเขียนบทความเหล่านั้น ใช่ค่ะ มันก็วนกลับมาที่เรียกสือแต่เป็น fashion media ที่จะช่วยยกระดับตัวดาราให้ดูแพงและเป็น A-List ได้มากขึ้น (ทำไมทราบ ก็ดิฉันเคยทำงานอยู่ในแวดวงนั้นแหละค่ะ) เขาเลือกกันมาแล้วค่ะ ใครถูกจริตทีมนิตยสาร หรือ คนในนั้นเป็นFCใครหรือเลิฟใครเป็นพิเศษ เขาก็เลือกนำเสนอขึ้นมาค่ะ (สังเกตสิคะ บทความใน the matter , standard หรืออะไรเทือกๆนี้ มีแต่ของวงการเกาหลี วงการญี่ปุ่น ฮอลลีวู้ด บอลลีวู้ด หรือแม้แต่ของไทยแทบไม่โดนแตะเลย) แล้วยิ่งลิซ่า เป็นสาวไทย ไอดอลหนึ่งเดียวที่อยู่ในตลาดโลก ทำไมเขาจะไม่เชียร์
ยังค่ะ ยังไม่จบแผ่นดินที่3
เก๋มั๊ยล่ะแกงค์สระอาทั้งหมดเลย คิดว่าถ้ามีคนที่4 นางจะเป็นคนพลิกทุกอย่างให้วงการบันเทิงไทยอย่างแน่นอน
ปี2030 เจอกันนะคะ เจ่เจ้ขอทำนายไว้
ปี2030 เจอกันนะคะ เจ่เจ้ขอทำนายไว้
แสดงความคิดเห็น
Lisa ดังพอๆหรือมากกว่า Tata Young ตอนพีคๆในระดับสากล?
และใครเต้นเก่งกว่ากัน