สอบถามผู้ที่เคยเป็น Friend with Benefit

คำเตือน
1. หากท่านใดไม่เห็นด้วยหรือรับไม่ได้กับการมี FWB ก็ขอให้ข้ามกระทู้นี้ไปค่ะ
2. เนื้อหากระทู้ยาวมาก

ก่อนเริ่มนั้น อยากให้รู้จักเราก่อนที่จะตัดสินเรา เราใช้เวลาเขียนกระทู้นี้หลายวันมาก เพื่ออยากให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด ดังนั้นขอเล่าเรื่องประสบการณ์ของตัวเองก่อนค่ะ

Profile
เราเป็นผู้หญิงวัยทำงาน อายุประมาณ 30 ต้นๆ ทำงานอยู่ในองค์กรที่มั่นคง มีรถ มีคอนโด ด้วยเงินทุกบาท ทุกสตางค์ที่เราหามาด้วยตัวเอง

จุดเปลี่ยน
เราเป็นคนนึงที่กลัวเรื่อง sex มาก กลัวโดนหลอก เลยหลีกเลี่ยงการมี sex กับแฟนมาตลอด บางคนก็เลิกกับเราไปด้วยเหตุผลนี้ จนมาถึงอายุ 26 ปี เราได้เจอกับคนๆ นึงที่เราค่อนข้างมั่นใจในตัวเค้า ประจวบกับว่าเราคิดว่าเราก็โตมาในระดับนึงแล้ว หากดูแลรับผิดชอบ และป้องกัน มันก็คงไม่เสียหายอะไร เราถึงยอมให้เค้าไป และหลังจากนั้นแค่ 2 เดือนเค้าก็ค่อยๆ หายไป...

เราเสียใจ และใช้เวลาหลายเดือนในการทำความเข้าใจสิ่งที่เกิด จนตกตะกอนได้ว่า
1. เราไม่ควรใช้ sex เพื่อแลกกับความรัก
2. เรารู้ตัวแล้วว่า เราเองก็ชอบ sex มาก

หลังจากนั้น พอเราคุยกับใครได้ไม่นาน ซึ่งเราคบทีละคน เราก็มี sex กับเค้า ด้วยที่เราเองก็ต้องการ แต่ก็มีอีกนัยยะนึงคือ
- บางคนก็อยากพัฒนาความสัมพันธ์ต่อ, sex เป็นแค่ส่วนประกอบ เราเข้ากันได้ดีในเกือบทุกๆ เรื่อง คนนี้ก็พัฒนามาเป็นแฟนในภายหลัง (ปัจจุบันเลิกกันแล้ว หลังจากคบมา 4 ปี)
- บางคนก็หวังแค่เรื่อง sex พอมีด้วยแล้ว ก็หายไป ซึ่งอันนี้สำหรับเราก็ไม่เสียเวลาดี 
- บางคนก็หวังแค่เรื่อง sex พอมีด้วยแล้ว ก็อยากมีด้วยกันอีก คนนี้เราก็วางเป็น FWB

เราเข้าใจว่าการเป็น FWB นอกจากเรื่อง sex แล้วมันต้องมีกฎบางอย่าง คือ เราจะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน, ไม่สนใจเรื่องส่วนตัว, ต่างคนต่างโสด ต่างใช้ชีวิต, ไม่ใช่ฟีลแฟน เว้นแต่ เราเห็นตรงกันทั้งคู่ ว่าเราอยากเป็นมากกว่านี้

ที่ผ่านมาเรามี FWB มาแล้ว 3 คน 
1. คนแรกเค้าชอบเรามากกว่า FWB แต่เราไม่ได้อยากพัฒนากับเค้า เราเลยขอจบไป 
2. คนที่สองเราก็เห็นตรงกันแค่เรื่อง sex พอเรามีแฟน เราก็จบไป 
3. คนที่สามปัญหาเกิดขึ้นกับคนนี้...

เริ่มเรื่อง
หลังจากที่เราเลิกกับแฟนมาซักพัก เราเหงา เราเลยเริ่มเล่น Tinder เพื่อหาเพื่อนคุยแก้เหงา แต่ไม่ได้หวังหาคนนอนด้วย และคนนี้ก็เข้ามา เค้าเป็นหนุ่มไต้หวัน (ขอเรียกคุณ D) ที่เข้ามาทำงานในเมืองไทย และเป็นคนแรกที่เป็นต่างชาติที่เราปัดขวา อาจจะเพราะเค้ามีความตี๋เหมือนหนุ่มไทยทั่วไป และเราแพ้ทางคนยิ้มหวาน จริงๆ เราไม่ค่อยชอบคุยกับต่างชาติ เพราะภาษาอังกฤษเราก็ไม่ได้เก่งอะไรมาก เราชอบคุยกับคนที่สามารถคุยแบบแลกเปลี่ยนทัศนคติได้มากกว่า แต่ปรากฎว่า กับคุณ D เราสามารถคุยได้ทั้งคืน ในเรื่องที่ที่ซับซ้อนมากๆ ได้ แม้แต่ทัศนคติในเรื่อง sex ซึ่งเค้าก็ยอมรับว่าเค้าเคยมี sex กับผู้หญิงไทยมาก่อน แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เราประทับใจอะไรเค้า เราแค่เซอร์ไพรส์ตัวเองที่สามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษให้เข้าใจได้ก็เท่านั้น

ทุกๆ วันคุณ D มักจะส่งรูปชีวิตประจำวันของเค้าให้เราดูว่ากำลังทำอะไรอยู่  เพื่อนร่วมงานหน้าตาเป็นอย่างไร พร้อมกับส่งข้อความหวานๆ ว่าอยากเจอเราตัวจริงแค่ไหน แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เราหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย เราผ่านการพูดคุยแบบนี้มาเป็นร้อยๆ ครั้ง และเราเข้าใจดีว่าสุดท้ายแล้ว สิ่งที่อีกฝ่ายหวังคืออะไร จนเวลาผ่านไปได้ 2 อาทิตย์  เราก็นัดเจอกันที่คาเฟ่ในห้างแห่งหนึ่ง แว้บแรกที่เห็น ตัวจริงคุณ D นั้น ดูดีมาก หุ่นดี  แต่มารยาทบนโต๊อาหารนั้นค่อนข้างแย่ บทสนทนาก็ไม่ลื่นไหล เราคิดอยู่ในใจซ้ำๆ ว่าอยากกลับแล้ว คุณ D ก็คงสังเกตเห็น จึงได้ถามเราว่า เราดูเหนื่อยๆ นะ จะไปนั่งเล่นที่ห้องเค้ามั้ย เพราะอยู่ไม่ไกลจากคาเฟ่นี้มาก...

ในหัวเราก็คิดขึ้นมาทันที ว่าสิ่งที่เค้าพูดนั้นคือเรื่อง sex เราจึงลองถามติดตลกไปว่า
เรา: คุณต้องการมี sex กับชั้นใช่มั้ย? 
คุณ D: ใช่
เรา: งั้นไปกัน

อย่างน้อยคุณ D ก็พูดตรงๆ ว่าเค้าต้องการอะไร และทันทีที่เค้าเอ่ยเรื่องนี้ เราก็จัดกลุ่มให้เค้าอยู่ในกลุ่มผู้ชายทั่วๆ ไปโดยปริยาย สำหรับเราไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร ก็ดีซะอีกเค้าก็ดูดีนี่ เราก็ต้องการ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ

แน่นอนว่า sex ที่เรามีกันนั้นมันดีมาก เราต่างคนต่างชื่นชมซึ่งกันและกัน อาจจะพูดได้ว่าดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยซ้ำ คุณ D ก็ยังคงปฏิบัติต่อเราเหมือนเดิม คือ แชร์ชีวิตประจำวันว่าไปไหน ทำอะไรมาบ้าง เราก็แชร์กลับไปเหมือนเดิม และเราจะนัดกันมี sex หากเราว่างตรงกัน เรามี sex กันอีก 2-3 ครั้งหลังจากนั้น จนวันนึงคุณ D มาบอกว่าเค้าต้องกลับไปทำงานที่ไต้หวันเร็วๆ นี้ และเราสามารถพูดได้เต็มปากว่า เราไม่รู้สึกเสียใจอะไรที่เค้ากำลังจะจากไป อาจจะมีก็แค่เสียดาย sex ดีๆ ก็เท่านั้น และเราก็คิดว่า FWB ระหว่างเราก็คงต้องจบลงเพียงแค่นี้...

แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น ตลอดระยะเวลาที่คุณ D อยู่ไต้หวัน หรือแม้แต่เค้าต้องบินไปทำงานต่างประเทศหลายเดือนมานี้ เค้าไม่เคยขาดการติดต่อกับเราเลย อาจจะมีน้อยบ้าง เยอะบ้าง แต่ก็ไม่เคยขาด กลับเป็นเราที่ไม่เคยทักเค้าไปก่อน เค้าก็มีพูดๆ บ้างว่าบทสนทนาของเราทำไมมีแต่เค้าที่ต้องเริ่ม ซึ่งเราก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิม จนเค้าเลิกทักท้วงไปเอง เราคิดว่า ก็ในเมื่อเราเป็น FWB กัน ทำไมเราต้องทำตัวเหมือนฟีลแฟนกัน ทำไมต้องเรียกร้องอะไรด้วย

(ต่อในคอมเมนต์)
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เป็นเรื่อง
จนเมื่อล่าสุดเราได้เจอกันอีกครั้ง เมื่อเค้ามาทำงานที่เมืองไทย ถึงแม้ว่าคุณ D จะพูดว่าแค่เจอกันเฉยๆ ก็ได้ไม่ต้องมี sex กัน แต่ในใจเราตอนนั้น คิดว่าเค้าก็พูดไปแบบนั้นแหละ สุดท้ายเราก็เป็นคนพาคุณ D เข้าโรงแรมเองจนได้ แต่มันแปลกมากที่ครั้งนี้สำหรับเรามันอ่อนโยน ต่างกับทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา

และเราก็เกิดอาการปั่นป่วนในใจ... เราไม่ชอบแบบนี้เลย...

และหลังจากที่คุณ D กลับไต้หวันไปรอบนี้ ใจนึงเราอยากภาวนาให้เค้าเหมือนผู้ชายคนอื่น คือหายไปเลย ไม่ต้องติดต่อมาอีก แต่คุณ D ก็ยังปฏิบัติกับเราเหมือนเดิม และเราก็ตอบรับเค้าไม่เคยขาด แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือความหวังในใจของเราที่มันเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน

ยกตัวอย่าง เหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกหวัง เช่น
1. คุณ D ไม่เคยขาดการติดต่อนานเกินกว่า 2 วัน
2. ปกติเวลาคุณ D กลับไต้หวัน จะค่อนข้างติดต่อเราน้อยมาก แต่รอบนี้คุยกับเราเยอะมากในทุกๆ วัน แชร์ plan งานที่เค้าต้องทำจนถึงปีหน้า
3. แชร์รูปครอบครัวให้เราดู
4. เค้าส่งเพลงไทยที่เค้าชอบมาให้เรา และเราก็ขอลองส่งกลับไปให้เค้า คุณ D แคปหน้าจอมาให้ดูว่านี่เห็นมั้ย ฟังเพลงของเราอยู่นะ
5. มีบอกฝันดีเป็นภาษาไทย โดยส่งมาเป็นคลิปเสียง

เพ้อฝันเป็นบ้า คิดแบบนี้กันอยู่ใช่มั้ย แต่เชื่อเถอะว่ามันพิเศษ เพราะก่อนหน้านี้ คุณ D ไม่เคยมีโมเมนต์นี้กับเราเลย แต่ด้วยอะไรที่เราก็ผ่านมาพอสมควรกับประสบการณ์อะไรแบบนี้ เราก็ยังมีสิ่งที่คอยดาวน์ความหวังตัวเองลง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

1. อะไรที่เค้าแชร์กับเรา เค้าก็อาจจะแชร์กับคนอื่นด้วยก็ได้
2. การที่คุณ D ยังติดต่อเราอยู่ เป็นเพราะเค้าหวังว่ารอบหน้าที่มาไทย เราก็ยังมี good sex อีกได้
3. เราทั้งคู่ไม่เคยคุยเรื่องความสัมพันธ์อื่นที่มากกว่า good friend
4. เราทั้งคู่ไม่เคยถามถึงเรื่องส่วนตัวอย่างเรื่อง ครอบครัว
5. เราทั้งคู่ไม่เคยบอกคิดถึงกัน
6. รอบล่าสุดที่มาไทย การที่คุณ D พูดว่าเจอกันเฉยๆ ไม่ต้องมี sex กันก็ได้ เพราะจริงๆ เค้ามีเวลาให้เราแค่ 2 ชั่วโมง หลังจากเค้ากลับไป เค้าก็หายไปทั้งคืนไม่ติดต่อเราเลย
7. เค้าไปหัดพูดภาษาไทยมาจากใคร
8. เวลาที่คุณ D หายไปซักวัน สองวัน หลังจากที่กลับมาคุย คุณ D จะคุยดีกับเรามาก

หลายๆ คนอ่านแล้วก็รู้สึกว่า “อ้าว ก็รู้อยู่แล้วนี่ ว่าเค้าคิดกับเราแค่ไหน” แต่เราว่ามันยังไม่พอ เราอยากให้คนที่มีประสบการณ์ FWB ช่วยเตือนสติให้เราอยู่ในขอบเขตของ FWB มากกว่านี้ค่ะ หรือเห็นควรว่าสำหรับเราและคุณ D ควรจะพอได้แล้ว ขอคำชี้แนะด้วยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่