ความลับและเวทย์มนต์ดึงดูดทุกประเภทของปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้อย่างน่าสนใจและสั่นเส้นประสาท นั่นเป็นสาเหตุที่ผู้เขียนสร้างเรื่องราวที่น่ากลัวและทีมผู้สร้างถ่ายทำภาพยนตร์สยองขวัญที่มีผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกจับตามองอย่างไรก็ตามผู้แสวงหาความตื่นเต้นสามารถเพิ่มระดับอะดรีนาลีนในเลือดได้ มีสถานที่ที่น่ากลัวมากมายบนโลกที่ตื่นเต้นจินตนาการไม่น้อยกว่าตัวละคร
สะพานข้ามไป สก็อตแลนด์
ในดินแดนเก่าแก่ของสก็อตแลนด์ Overton ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมือง Glazko ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือไม่กี่กิโลเมตรมีสะพานโค้งหินเหนือแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ XIX
มีฉายาว่า สะพานสุสานสุนัข เป็นสะพานโค้งสร้างในปี 1859 ในมิลตัน, ดัมบาร์ดัน สก็อตแลนด์ ได้เหตุการณ์ลึกลับเริ่มเกิดขึ้นที่นี่ โดยมีสุนัขเริ่มกระโดดลงจากสะพานแห่งนี้เป็นประจำซึ่งส่วนใหญ่จะตายเนื่องจากความสูงของสะพานอยู่ที่ 15 เมตร
น่าแปลกใจที่แม้จะรอดชีวิตจากความเจ็บปวดและบาดแผล แต่ก็กลับมาที่เดิมและพยายามฆ่าตัวตายซ้ำอีกครั้งราวกับว่าพวกเขาถูกบังคับโดยสิ่งที่ไม่รู้จัก ..
ทำให้หลายคนเชื่อว่าสะพานนี้มีผีสิง และไม่ได้เกิดกับสุนัขเท่านั้นยังเกิดกับคนด้วย มีเด็กคนหนึ่งถูกโยนตกสะพานในปี1994 และคนโยนก็มีพฤติกรรมอยากฆ่าตัวตายด้วย
นอกจากนี้ยังมีคนเชื่อว่าสะพานแห่งนี้เป็นที่กั้นระหว่างโลกคนเป็นกับคนตาย อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ได้แนะนำเหตุผลของพวกเขาสำหรับปรากฏการณ์แปลก ๆนี้ ความจริงก็คือว่าหนูอาศัยอยู่ใต้สะพานและสุนัขได้กลิ่นของพวกมันเพียงทำตามสัญชาตญาณการล่าสัตว์ แต่ทฤษฎีนี้ก็ไม่สามารถอธิบายการกระโดดจากสะพานซ้ำๆของสุนัขที่ขัดแย้งกับสัญชาตญาณของการดูแลรักษาตัวเองได้
fin-omen.ru
ทะเลสาบ Ivachevskoe รัสเซีย
รัสเซียเองก็มีโซนที่น่ากลัวเช่นกัน หนึ่งในนั้นตั้งอยู่ในภูมิภาค Vologda ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมือง Cherepovets - ในพื้นที่ของทะเลสาบ Ivachevskoe ท้องถิ่นบนชายฝั่งที่พวกเขาพักทั้งในฤดูร้อนและฤดูหนาว
ทะเลสาบ Ivachevskoe (ภูมิภาค Volgograd) บ่อน้ำที่มีเสน่ห์ต่อความงามและความลึกลับ เป็นพื้นที่ที่สวยงาม แต่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าหลังจากพักผ่อนบนทะเลสาบแห่งนี้สุขภาพของพวกเขาก็ทรุดโทรม และผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง Cherepovets ซึ่งตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบบอกว่ามีผู้คนมากมายที่หายไปในอ่างเก็บน้ำนี้ นักวิจัยไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้
มีคำอธิบายมากมายสำหรับปรากฏการณ์ลึกลับเหล่านี้ เช่นมีมนุษย์ต่างดาวและสัตว์ประหลาดชั่วร้ายที่ไม่รู้จัก และผู้คนที่หายไปการเปลี่ยนผ่านไปสู่โลกอื่น
บางคนที่มาเยี่ยมชมทะเลสาบบอกว่าเมื่อพวกเขาเข้าหามันการเต้นของหัวใจและการหายใจช้าลงและจากนั้นก็มีความรู้สึกสงบ อย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ในน้ำแล้วความสงบก็ถูกแทนที่ด้วยความวิตกกังวลกลายเป็นความกลัวที่อธิบายไม่ได้ และดูเหมือนว่ามีบางสิ่งที่เป็นศัตรูอยู่ใกล้ๆ
"ผู้เห็นเหตุการณ์" คนอื่นกล่าวว่าพวกเขารู้สึกถึงแรงกระตุ้นบางอย่างที่ทำให้พวกเขาเชื่อฟังตัวเอง นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้การฆ่าตัวตายเกิดขึ้นบ่อยครั้งที่นี่
สี่ปีที่ผ่านมากลุ่มนักวิจัยถูกส่งไปยังพื้นที่ ได้ระบุสัญญาณของการเปลี่ยนแปลง geomagnetic ในพื้นที่นี้ที่อาจทำให้เกิดความผิดปกติทั้งหมดนี้
fin-omen.ru
เกาะโพเวกเลีย (Poveglia Island)
กล่าวกันว่า มีเกาะแห่งหนึ่งในยุโรปที่เป็นที่กล่าวขานกันมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานว่า เป็นสถานที่ที่น่ากลัว ที่เชื่อว่ามีผีสิงและผีดุมากที่สุดในโลก นั่นก็คือ “เกาะโพเวกเลีย (Poveglia Island)” ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ มีเนื้อที่ประมาณ 42 ไร่ ตั้งอยู่ในทะเลสาบ Venetian ระหว่างเมืองเวนิส (Venice) และ เมืองลิโด้ (Lido) ในเวเนเชี่ยน ลากูน (Venetian Lagoon) ทางตอนเหนือของ อิตาลี (Italy)
เกาะแห่งนี้ได้จารึกในประวัติศาสตร์ครั้งแรกเมื่อครั้งที่ผู้คนจาก Pauda และ Este หนีจากการรุกรานของชาวบาร์บาเรี่ยนเข้ามาอาศัยอยู่บนเกาะ และเกาะแห่งนี้ยังเคยเป็นสถานที่สู้รบกันระหว่างชาวเวนิเทียกับชาวเจนัวโดยผู้ที่เสียชีวิตจะถูกเผาและฝัง แต่เมื่อจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจึงเปลี่ยนวิธีการ Burning Ground และ Plague Field แทน
ในช่วงที่กาฬโรคระบาดในยุโรป (Black Death) ในช่วงศตวรรษที่ 18 มีผู้ติดเชื้อกาฬโรคถูกส่งมากักกันที่เกาะแห่งนี้ ซึ่งผู้ติดเชื้อจะต้องนั่งเรือมากับหมอที่ใส่หน้ากาก ส่วนจมูกจะใส่สมุนไพรไว้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ (แน่นอนว่าไม่ได้ผล) จึงมีผู้เสียชีวิตจากกาฬโรคบนเกาะนี้เป็นจำนวนกว่า 160,000 คน
ต่อมาเกาะนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ตรวจสุขภาพคนที่จะเข้าไปในเวนิซ และยังคงถูกใช้เป็นสถานที่กักกันผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นโรคติดต่ออยู่เรื่อยมา
ครั้นในปี 1922 อาคารที่เคยใช้เป็นศูนย์ตรวจสุขภาพได้ถูกเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลสำหรับผู้มีอาการทางประสาทและเปิดดำเนินการจนถึงปี 1968 โดยเล่าต่อกันว่าการรักษาผู้ป่วยทางจิตในสมัยนั้น เต็มไปด้วยวิธีที่โหดร้ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจาะกะโหลกทางเบ้าตา การจับผู้ป่วยกดน้ำ เครื่องมือที่ใช้ในการรักษาอาการป่วยทางจิต ไม่ว่าจะเป็น ค้อน สว่าน ลิ่ม ก็ยังคงมีหลงเหลือให้เห็นอยู่บนเกาะนี้ในปัจจุบัน โดยว่ากันว่ามีผู้ป่วยทางจิตประมาณ 5,000 คน ที่เสียงชีวิตและถูกฝังในเกาะนี้เช่นกัน
ที่มา :
https://board.postjung.com/946814.html
ทั้งนี้ก็มีเรื่องเล่าต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับเกาะนี้ หนึ่งในเรื่องเล่าที่รู้จักกันมากที่สุดเรื่องหนึ่งคือ ในช่วงที่เกาะโพเวกเลียได้เป็นโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยทางจิต ได้มีผู้ป่วยรายหนึ่ง (บ้างก็ว่าเป็นหมอคนหนึ่งที่ทำการทดลองอย่างร้ายกาจกับคนไข้จนไปกระตุ้นความเจ็บแค้นของวิญญาณบนเกาะนั้น) ขึ้นไปบนหอระฆังและกระโดด หรือถูกเหวี่ยงลงมา แต่จากปากคำของผู้เห็นเหตุการณ์ คนผู้นั้นไม่ได้ตายเพราะตกจากหอระฆัง แต่ในขณะที่เขานอนเจ็บอยู่บนพื้นนั้นเอง ได้มีหมอกสีขาวปรากฏขึ้น และบีบคอคนผู้นั้นจนตาย หอระฆังนั้นถูกปิดลงแต่ยังมีผู้คนได้ยินเสียงระฆังดังอยู่บอยครั้งในเวลาค่ำคืน แม้กระทั่งในปัจจุบัน
หลังจากโรงพยาบาลได้ปิดตัวลงใน ปี 1968 ช่วงเวลาหนึ่งเกาะนี้ตกเป็นของรัฐบาล แต่ต่อมาได้มีกลุ่มคนกลุ่มสุดท้ายซึ่งพยายามอยู่อาศัยบนเกาะนี้ โดยครอบครัวนี้ได้ซื้อเกาะนี้มาเพื่อตั้งใจว่าจะสร้างบ้านพักตากอากาศบนเกาะ แต่ท้ายที่สุดครอบครัวนั้นก็จำต้องออกไปทันทีตั้งแต่คืนแรกที่อยู่บนเกาะ โดยแม้ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น แต่สิ่งที่หลงเหลือจากค่ำคืนนั้นมีเพียงสิ่งเดียวคือ คนลูกสาวมีแผลใบหน้าฉีกขาดและต้องเย็บถึง 14 เข็ม
นอกจากนี้จากการสำรวจโดยนักโบราณคดีค้นพบว่า ซากศพที่พบบนเกาะนั้นมีบางส่วนที่ไม่ได้เสียชีวิตจากกาฬโรค แต่คาดว่าเสียชีวิตจากการต้องสงสัยว่าเป็นแวมไพร์ เนื่องจากบางโครงกระดูกนั้นยังอยู่ในสภาพที่คาบก้อนอิฐอยู่ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในศพที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นแวมไพร์ โดยเชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้แวมไพร์นั้นหิวตาย
เมื่อเร็วๆนี้ทางรัฐบาลอิตาลี่ ได้ประกาศขายเกาะแห่งนี้เพื่อหาเงินเข้ารัฐ โดยทางรัฐบาลอิตาลีหวังว่าจะมีข้อเสนอจากผู้สนใจปรับเปลี่ยนมันจากโรงพยาบาลเป็นโรงแรมหรูภายใต้ข้อตกลงสัญญาเช่าเพื่อพัฒนาสินทรัพย์เป็นเวลา 99 ปี ขณะที่เกาะแห่งนี้ก็ยังเป็นทรัยพ์สินของรัฐอยู่ กระนั้นก็ดีโฆษกรัฐอิตาลี ยังไม่ได้กำหนดว่าจะตั้งราคาประมูลขายเกาะโพเวกเลียไว้ที่เท่าใด
แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้เกาะโพเวกเลียนั้นก็ยังถูกทิ้งร้างและปิดตาย หากจะเข้าไปในเกาะต้องทำหนังสือขอความยินยอมจากรัฐบาลอิตาลีก่อน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นรายการท้าพิสูจน์เรื่องลึกลับต่าง ๆ และเหล่านักชีววิทยา เนื่องจากระบบนิเวศน์บนเกาะนั้นปราศจากการรบกวนจากมนุษย์โดยสิ้นเชิง
อ้างอิง : travel.thaiza.
: my.dek-d.
tnnthailand.com
soccersuck.com
เกาะเซเบิล มหาสมุทรแอตแลนติก
เกาะเซเบิล (sable) ที่ตั้งอยู่บนมหาสมุทรแอตแลนติก ห่างจากชายฝั่งแคนาดาไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 180 กม. เกาะนี้มีรูปร่างคล้ายเคียวล่องลอยไปมาของเซเบิล ประหลาดตรงที่สามารถเดินทางได้เหมือนมีเท้า ในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา ลมทะเลทำให้เกาะแห่งนี้เดินทางไปทางทิศตะวันออก 20 กิโลเมตร เฉลี่ยแล้วเดินทางได้ปีละ 100 เมตร
Sable ถูกเรียกว่า "สุสานของมหาสมุทรแอตแลนติก" ชื่ออย่างเป็นทางการในภาษาอังกฤษหมายถึงสีดำสีไว้ทุกข์ เป็นสุสานของเรืออัปปางจำนวนมาก เล่ากันว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งเรือบรรทุกสินค้ากรีซกำลังแล่นอยู่กลางทะเล พบว่าที่น่านน้ำห่างจากเรือไปประมาณ 1,000 เมตรมีของบางอย่างหมุนอยู่ ทีแรกลูกเรือนึกว่าเป็นสัตว์น้ำยักษ์แปลกประหลาด แต่เมื่อเข้าใกล้จึงพบว่าเป็นเกาะน้อยแห่งหนึ่งที่หมุนได้นั่นเอง
เป็นเกาะที่มีประชากรน้อยกว่า 30 คนที่อาศัยอยู่บนเกาะอย่างถาวร - พวกเขาคอยให้บริการประภาคารสถานีวิทยุและศูนย์อุทกวิทยาท้องถิ่นและยังสามารถดำเนินการช่วยเหลือในกรณีที่เรืออับปาง คนเหล่านี้ทำงานในสภาวะที่ยากลำบากมากเพราะมีหมอกหนาและลมพายุเฮอริเคน - มีหลายคนกล่าวว่าพวกเขาเห็นผีของลูกเรือที่ตายแล้ว คนงานคนหนึ่งต้องอพยพออกจากเกาะเพราะทุกคืนเขาถูกขอร้องให้ช่วยเหลือจากผีจากซากเรือใบ Silvia Mosher บาดเจ็บที่นี่ในปี 1926 ...
ปัจจุบันเกาะเซเบิลถูกประกาศให้เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยหากต้องการเข้าไป คุณจำเป็นต้องเขียนคำร้องต่อรัฐบบาลแคนาดา เพื่ออธิบายถึงความจำเป็นในการเดินทางเข้าไปยังเกาะแห่งนี้
blogspot.com
thai.cri.cn
Pionen Data Center, สวีเดน
หลุมหลบภัยแห่งนี้ แรกเริ่มถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ หลบภัยระเบิดนิวเคลียร์ในยุค สงครามเย็น ระหว่าง กลุ่มวอซอร์แพค Vs องค์การนาโต้ โดยมีประตูทางเข้านั้นหนาถึง 40 ซม. ทำจากเหล็กกล้า โฑดยเปิดเป็นศูนย์กลางการป้องกันภัยพลเรือนฉุกเฉิน หากเกิดสงครามนิวเคลียร์
มันถูกสร้างในสตอกโฮล์ม โดยนี่คือหลุมหลบภัยที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นสำนักงานที่ทันสมัยของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในสวีเดน โดยมันอยู่ลึกลงไปจากพื้นดินราว 98 ฟุต และซ่อนอยู่หลังประตูหนาถึง 3 ฟุตครึ่ง โดยศูนย์ข้อมูลแห่งนี้เป็นที่ตั้งของเว็บไซต์ชื่อดังมากมายอีกด้วย
สถานที่นี้ถูกออกแบบมาให้ทนต่อแรงระเบิดไฮโดรเจน หลุมหลบภัยนี้สามารถอยู่ได้ แม้ว่าจะเกิดระเบิดโฮโดรเจนขึ้นใกล้ๆ
พลังงานสำรองอยู่ในการดูแลของเครื่องยนต์ดีเซล 2 ตัวของ Maybach MTU ผลิตพลังงานทั้งหมด 1.5 เมกะวัตต์. แรกเริ่มของเครื่องยนต์ถูกออกแบบมาไว้ใช้ในเรือดำน้ำ และกิจกรรมเพื่อความบันเทิงเล็กๆ ของพนักงาน จึงได้ติดตั้งระบบสัญญาณเตือนภัยจากเรือดำน้ำของเยอรมันไว้ด้วย
board.postjung.com
petmaya.com
สถานที่ลึกลับที่สุด
สะพานข้ามไป สก็อตแลนด์
ในดินแดนเก่าแก่ของสก็อตแลนด์ Overton ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมือง Glazko ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือไม่กี่กิโลเมตรมีสะพานโค้งหินเหนือแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ XIX
มีฉายาว่า สะพานสุสานสุนัข เป็นสะพานโค้งสร้างในปี 1859 ในมิลตัน, ดัมบาร์ดัน สก็อตแลนด์ ได้เหตุการณ์ลึกลับเริ่มเกิดขึ้นที่นี่ โดยมีสุนัขเริ่มกระโดดลงจากสะพานแห่งนี้เป็นประจำซึ่งส่วนใหญ่จะตายเนื่องจากความสูงของสะพานอยู่ที่ 15 เมตร
น่าแปลกใจที่แม้จะรอดชีวิตจากความเจ็บปวดและบาดแผล แต่ก็กลับมาที่เดิมและพยายามฆ่าตัวตายซ้ำอีกครั้งราวกับว่าพวกเขาถูกบังคับโดยสิ่งที่ไม่รู้จัก ..
ทำให้หลายคนเชื่อว่าสะพานนี้มีผีสิง และไม่ได้เกิดกับสุนัขเท่านั้นยังเกิดกับคนด้วย มีเด็กคนหนึ่งถูกโยนตกสะพานในปี1994 และคนโยนก็มีพฤติกรรมอยากฆ่าตัวตายด้วย
นอกจากนี้ยังมีคนเชื่อว่าสะพานแห่งนี้เป็นที่กั้นระหว่างโลกคนเป็นกับคนตาย อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ได้แนะนำเหตุผลของพวกเขาสำหรับปรากฏการณ์แปลก ๆนี้ ความจริงก็คือว่าหนูอาศัยอยู่ใต้สะพานและสุนัขได้กลิ่นของพวกมันเพียงทำตามสัญชาตญาณการล่าสัตว์ แต่ทฤษฎีนี้ก็ไม่สามารถอธิบายการกระโดดจากสะพานซ้ำๆของสุนัขที่ขัดแย้งกับสัญชาตญาณของการดูแลรักษาตัวเองได้
fin-omen.ru
ทะเลสาบ Ivachevskoe รัสเซีย
รัสเซียเองก็มีโซนที่น่ากลัวเช่นกัน หนึ่งในนั้นตั้งอยู่ในภูมิภาค Vologda ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมือง Cherepovets - ในพื้นที่ของทะเลสาบ Ivachevskoe ท้องถิ่นบนชายฝั่งที่พวกเขาพักทั้งในฤดูร้อนและฤดูหนาว
ทะเลสาบ Ivachevskoe (ภูมิภาค Volgograd) บ่อน้ำที่มีเสน่ห์ต่อความงามและความลึกลับ เป็นพื้นที่ที่สวยงาม แต่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าหลังจากพักผ่อนบนทะเลสาบแห่งนี้สุขภาพของพวกเขาก็ทรุดโทรม และผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง Cherepovets ซึ่งตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบบอกว่ามีผู้คนมากมายที่หายไปในอ่างเก็บน้ำนี้ นักวิจัยไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้
มีคำอธิบายมากมายสำหรับปรากฏการณ์ลึกลับเหล่านี้ เช่นมีมนุษย์ต่างดาวและสัตว์ประหลาดชั่วร้ายที่ไม่รู้จัก และผู้คนที่หายไปการเปลี่ยนผ่านไปสู่โลกอื่น
บางคนที่มาเยี่ยมชมทะเลสาบบอกว่าเมื่อพวกเขาเข้าหามันการเต้นของหัวใจและการหายใจช้าลงและจากนั้นก็มีความรู้สึกสงบ อย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ในน้ำแล้วความสงบก็ถูกแทนที่ด้วยความวิตกกังวลกลายเป็นความกลัวที่อธิบายไม่ได้ และดูเหมือนว่ามีบางสิ่งที่เป็นศัตรูอยู่ใกล้ๆ
"ผู้เห็นเหตุการณ์" คนอื่นกล่าวว่าพวกเขารู้สึกถึงแรงกระตุ้นบางอย่างที่ทำให้พวกเขาเชื่อฟังตัวเอง นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้การฆ่าตัวตายเกิดขึ้นบ่อยครั้งที่นี่
สี่ปีที่ผ่านมากลุ่มนักวิจัยถูกส่งไปยังพื้นที่ ได้ระบุสัญญาณของการเปลี่ยนแปลง geomagnetic ในพื้นที่นี้ที่อาจทำให้เกิดความผิดปกติทั้งหมดนี้
fin-omen.ru
เกาะโพเวกเลีย (Poveglia Island)
กล่าวกันว่า มีเกาะแห่งหนึ่งในยุโรปที่เป็นที่กล่าวขานกันมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานว่า เป็นสถานที่ที่น่ากลัว ที่เชื่อว่ามีผีสิงและผีดุมากที่สุดในโลก นั่นก็คือ “เกาะโพเวกเลีย (Poveglia Island)” ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ มีเนื้อที่ประมาณ 42 ไร่ ตั้งอยู่ในทะเลสาบ Venetian ระหว่างเมืองเวนิส (Venice) และ เมืองลิโด้ (Lido) ในเวเนเชี่ยน ลากูน (Venetian Lagoon) ทางตอนเหนือของ อิตาลี (Italy)
เกาะแห่งนี้ได้จารึกในประวัติศาสตร์ครั้งแรกเมื่อครั้งที่ผู้คนจาก Pauda และ Este หนีจากการรุกรานของชาวบาร์บาเรี่ยนเข้ามาอาศัยอยู่บนเกาะ และเกาะแห่งนี้ยังเคยเป็นสถานที่สู้รบกันระหว่างชาวเวนิเทียกับชาวเจนัวโดยผู้ที่เสียชีวิตจะถูกเผาและฝัง แต่เมื่อจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจึงเปลี่ยนวิธีการ Burning Ground และ Plague Field แทน
ในช่วงที่กาฬโรคระบาดในยุโรป (Black Death) ในช่วงศตวรรษที่ 18 มีผู้ติดเชื้อกาฬโรคถูกส่งมากักกันที่เกาะแห่งนี้ ซึ่งผู้ติดเชื้อจะต้องนั่งเรือมากับหมอที่ใส่หน้ากาก ส่วนจมูกจะใส่สมุนไพรไว้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ (แน่นอนว่าไม่ได้ผล) จึงมีผู้เสียชีวิตจากกาฬโรคบนเกาะนี้เป็นจำนวนกว่า 160,000 คน
ต่อมาเกาะนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ตรวจสุขภาพคนที่จะเข้าไปในเวนิซ และยังคงถูกใช้เป็นสถานที่กักกันผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นโรคติดต่ออยู่เรื่อยมา
ครั้นในปี 1922 อาคารที่เคยใช้เป็นศูนย์ตรวจสุขภาพได้ถูกเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลสำหรับผู้มีอาการทางประสาทและเปิดดำเนินการจนถึงปี 1968 โดยเล่าต่อกันว่าการรักษาผู้ป่วยทางจิตในสมัยนั้น เต็มไปด้วยวิธีที่โหดร้ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจาะกะโหลกทางเบ้าตา การจับผู้ป่วยกดน้ำ เครื่องมือที่ใช้ในการรักษาอาการป่วยทางจิต ไม่ว่าจะเป็น ค้อน สว่าน ลิ่ม ก็ยังคงมีหลงเหลือให้เห็นอยู่บนเกาะนี้ในปัจจุบัน โดยว่ากันว่ามีผู้ป่วยทางจิตประมาณ 5,000 คน ที่เสียงชีวิตและถูกฝังในเกาะนี้เช่นกัน
ที่มา : https://board.postjung.com/946814.html
ทั้งนี้ก็มีเรื่องเล่าต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับเกาะนี้ หนึ่งในเรื่องเล่าที่รู้จักกันมากที่สุดเรื่องหนึ่งคือ ในช่วงที่เกาะโพเวกเลียได้เป็นโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยทางจิต ได้มีผู้ป่วยรายหนึ่ง (บ้างก็ว่าเป็นหมอคนหนึ่งที่ทำการทดลองอย่างร้ายกาจกับคนไข้จนไปกระตุ้นความเจ็บแค้นของวิญญาณบนเกาะนั้น) ขึ้นไปบนหอระฆังและกระโดด หรือถูกเหวี่ยงลงมา แต่จากปากคำของผู้เห็นเหตุการณ์ คนผู้นั้นไม่ได้ตายเพราะตกจากหอระฆัง แต่ในขณะที่เขานอนเจ็บอยู่บนพื้นนั้นเอง ได้มีหมอกสีขาวปรากฏขึ้น และบีบคอคนผู้นั้นจนตาย หอระฆังนั้นถูกปิดลงแต่ยังมีผู้คนได้ยินเสียงระฆังดังอยู่บอยครั้งในเวลาค่ำคืน แม้กระทั่งในปัจจุบัน
หลังจากโรงพยาบาลได้ปิดตัวลงใน ปี 1968 ช่วงเวลาหนึ่งเกาะนี้ตกเป็นของรัฐบาล แต่ต่อมาได้มีกลุ่มคนกลุ่มสุดท้ายซึ่งพยายามอยู่อาศัยบนเกาะนี้ โดยครอบครัวนี้ได้ซื้อเกาะนี้มาเพื่อตั้งใจว่าจะสร้างบ้านพักตากอากาศบนเกาะ แต่ท้ายที่สุดครอบครัวนั้นก็จำต้องออกไปทันทีตั้งแต่คืนแรกที่อยู่บนเกาะ โดยแม้ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น แต่สิ่งที่หลงเหลือจากค่ำคืนนั้นมีเพียงสิ่งเดียวคือ คนลูกสาวมีแผลใบหน้าฉีกขาดและต้องเย็บถึง 14 เข็ม
นอกจากนี้จากการสำรวจโดยนักโบราณคดีค้นพบว่า ซากศพที่พบบนเกาะนั้นมีบางส่วนที่ไม่ได้เสียชีวิตจากกาฬโรค แต่คาดว่าเสียชีวิตจากการต้องสงสัยว่าเป็นแวมไพร์ เนื่องจากบางโครงกระดูกนั้นยังอยู่ในสภาพที่คาบก้อนอิฐอยู่ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในศพที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นแวมไพร์ โดยเชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้แวมไพร์นั้นหิวตาย
เมื่อเร็วๆนี้ทางรัฐบาลอิตาลี่ ได้ประกาศขายเกาะแห่งนี้เพื่อหาเงินเข้ารัฐ โดยทางรัฐบาลอิตาลีหวังว่าจะมีข้อเสนอจากผู้สนใจปรับเปลี่ยนมันจากโรงพยาบาลเป็นโรงแรมหรูภายใต้ข้อตกลงสัญญาเช่าเพื่อพัฒนาสินทรัพย์เป็นเวลา 99 ปี ขณะที่เกาะแห่งนี้ก็ยังเป็นทรัยพ์สินของรัฐอยู่ กระนั้นก็ดีโฆษกรัฐอิตาลี ยังไม่ได้กำหนดว่าจะตั้งราคาประมูลขายเกาะโพเวกเลียไว้ที่เท่าใด
แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้เกาะโพเวกเลียนั้นก็ยังถูกทิ้งร้างและปิดตาย หากจะเข้าไปในเกาะต้องทำหนังสือขอความยินยอมจากรัฐบาลอิตาลีก่อน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นรายการท้าพิสูจน์เรื่องลึกลับต่าง ๆ และเหล่านักชีววิทยา เนื่องจากระบบนิเวศน์บนเกาะนั้นปราศจากการรบกวนจากมนุษย์โดยสิ้นเชิง
อ้างอิง : travel.thaiza.
: my.dek-d.
tnnthailand.com
soccersuck.com
เกาะเซเบิล มหาสมุทรแอตแลนติก
เกาะเซเบิล (sable) ที่ตั้งอยู่บนมหาสมุทรแอตแลนติก ห่างจากชายฝั่งแคนาดาไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 180 กม. เกาะนี้มีรูปร่างคล้ายเคียวล่องลอยไปมาของเซเบิล ประหลาดตรงที่สามารถเดินทางได้เหมือนมีเท้า ในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา ลมทะเลทำให้เกาะแห่งนี้เดินทางไปทางทิศตะวันออก 20 กิโลเมตร เฉลี่ยแล้วเดินทางได้ปีละ 100 เมตร
Sable ถูกเรียกว่า "สุสานของมหาสมุทรแอตแลนติก" ชื่ออย่างเป็นทางการในภาษาอังกฤษหมายถึงสีดำสีไว้ทุกข์ เป็นสุสานของเรืออัปปางจำนวนมาก เล่ากันว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งเรือบรรทุกสินค้ากรีซกำลังแล่นอยู่กลางทะเล พบว่าที่น่านน้ำห่างจากเรือไปประมาณ 1,000 เมตรมีของบางอย่างหมุนอยู่ ทีแรกลูกเรือนึกว่าเป็นสัตว์น้ำยักษ์แปลกประหลาด แต่เมื่อเข้าใกล้จึงพบว่าเป็นเกาะน้อยแห่งหนึ่งที่หมุนได้นั่นเอง
เป็นเกาะที่มีประชากรน้อยกว่า 30 คนที่อาศัยอยู่บนเกาะอย่างถาวร - พวกเขาคอยให้บริการประภาคารสถานีวิทยุและศูนย์อุทกวิทยาท้องถิ่นและยังสามารถดำเนินการช่วยเหลือในกรณีที่เรืออับปาง คนเหล่านี้ทำงานในสภาวะที่ยากลำบากมากเพราะมีหมอกหนาและลมพายุเฮอริเคน - มีหลายคนกล่าวว่าพวกเขาเห็นผีของลูกเรือที่ตายแล้ว คนงานคนหนึ่งต้องอพยพออกจากเกาะเพราะทุกคืนเขาถูกขอร้องให้ช่วยเหลือจากผีจากซากเรือใบ Silvia Mosher บาดเจ็บที่นี่ในปี 1926 ...
ปัจจุบันเกาะเซเบิลถูกประกาศให้เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยหากต้องการเข้าไป คุณจำเป็นต้องเขียนคำร้องต่อรัฐบบาลแคนาดา เพื่ออธิบายถึงความจำเป็นในการเดินทางเข้าไปยังเกาะแห่งนี้
blogspot.com
thai.cri.cn
Pionen Data Center, สวีเดน
หลุมหลบภัยแห่งนี้ แรกเริ่มถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ หลบภัยระเบิดนิวเคลียร์ในยุค สงครามเย็น ระหว่าง กลุ่มวอซอร์แพค Vs องค์การนาโต้ โดยมีประตูทางเข้านั้นหนาถึง 40 ซม. ทำจากเหล็กกล้า โฑดยเปิดเป็นศูนย์กลางการป้องกันภัยพลเรือนฉุกเฉิน หากเกิดสงครามนิวเคลียร์
มันถูกสร้างในสตอกโฮล์ม โดยนี่คือหลุมหลบภัยที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นสำนักงานที่ทันสมัยของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในสวีเดน โดยมันอยู่ลึกลงไปจากพื้นดินราว 98 ฟุต และซ่อนอยู่หลังประตูหนาถึง 3 ฟุตครึ่ง โดยศูนย์ข้อมูลแห่งนี้เป็นที่ตั้งของเว็บไซต์ชื่อดังมากมายอีกด้วย
สถานที่นี้ถูกออกแบบมาให้ทนต่อแรงระเบิดไฮโดรเจน หลุมหลบภัยนี้สามารถอยู่ได้ แม้ว่าจะเกิดระเบิดโฮโดรเจนขึ้นใกล้ๆ
พลังงานสำรองอยู่ในการดูแลของเครื่องยนต์ดีเซล 2 ตัวของ Maybach MTU ผลิตพลังงานทั้งหมด 1.5 เมกะวัตต์. แรกเริ่มของเครื่องยนต์ถูกออกแบบมาไว้ใช้ในเรือดำน้ำ และกิจกรรมเพื่อความบันเทิงเล็กๆ ของพนักงาน จึงได้ติดตั้งระบบสัญญาณเตือนภัยจากเรือดำน้ำของเยอรมันไว้ด้วย
board.postjung.com
petmaya.com