พอดีเราเพิ่งเรียนจบ Diploma จาก TAFE และกำลังหางานออฟฟิศทำ ช่วงนี้เลยมีเวลาว่างเยอะหน่อย ก็เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การมาเรียนที่ออส เพราะเห็นว่ายังมีคนสนใจอยากจะมาเรียน และคิดว่าประสบการณ์ของเราน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่กำลังหาข้อมูลหรือกำลังจะมาเรียนภาษาได้บ้าง (เหมือนที่เราเองก็ได้ข้อมูลและคำแนะนำดีๆ จากชาวพันทิปไปในตอนนั้น)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บางข้อมูลของเราอาจจะเก่าไปหน่อย แต่หวังว่าคงไม่ว่ากันเนอะ 555
ก่อนมาเรียนที่ออส เราก็เป็นพนักงานออฟฟิศคนนึง ที่มีความหลังฝังใจว่าฉันอยากจะไปเรียนภาษาที่เมืองนอกแบบคนอื่นบ้างสักครั้ง แต่ด้วยความไม่กล้าและเหตุผลหลายๆ อย่าง เลยทำให้ไม่ได้ไปสักที สุดท้ายมาตัดสินใจเด็ดขาดว่าต้องไปให้ได้ก็ตอนอายุปาเข้าไปหลัก 3 เรียบร้อย จริงๆ กังวลเรื่องอายุตัวเองว่าเราจะแก่ไปมั้ยย!?
แต่ก็คิดว่าลองดูสักตั้ง และมันเป็นช่วงเวลาและโอกาสที่เหมาะที่สุดสำหรับเราแล้ว เลยรีบหาข้อมูลจากการถามเพื่อนๆ ที่เคยไปเรียนมมาบ้าง
เสิชข้อมูลจากเนต และก็มาตั้งกระทู้ถามในพันทิปเนี่ยแหล่ะ ซึ่งก็ได้ข้อมูลจากที่นี่ไปเยอะมาก ต้องขอขอบคุณทุกๆคนและทุกข้อมูลในวันนั้นอีกครั้งค่ะ
เวิ่นซะเยอะ..เข้าเรื่องกันดีกว่า 555
การขอวีซ่าและการเลือกใช้บริการเอเจนซี่
ในขั้นตอนการขอวีซ่า ขอแนะนำเลยว่า
"ใช้บริการเอเจ้นดีและง่ายที่สุดค่ะ" ยิ่งเดี๋ยวนี้ได้ยินมาว่าวีซ่า นร ออสนั้นผ่านยากมากถึงมากที่สุด แต่ส่วนตัวคิดว่าถ้าเราให้เหตุผลที่สมเหตุสมผล หลักฐานแน่น เอเจ้นมีประสบการณ์ และที่สำคัญเลยคือสามารถทำให้อิมมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการหนีวี หรือใช้วีซ่าวัตถุประสงค์ ก็คิดว่ายังไงน่าจะมีโอกาสผ่าน เพราะอย่างเราเองอายุหลักสาม แถมประวัติชีวิตก็ซับซ้อนนิดนึง แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี
การเลือกเอเจ้นก็ต้องเลือกดีๆ นะคะ เช็คให้ดีก่อนจ่ายเงิน แนะนำเลยว่าควรศึกษา เปรียบเทียบข้อมูลเยอะๆ และควรหาข้อมูลเกี่ยวกับการไปเรียนต่อด้วยตัวเองด้วย ไม่ควรรอเพิ่งเอเจ้นอย่างเดียว อย่างเช่นเรื่องค่าเรียน ตอนนั้นหลังจากเราคุยกับเอเจ้นหลายๆ ที่แล้ว เราก็เสิชหารายละเอียดจากเวปของโรงเรียนโดยตรง จริงอยู่ที่ว่าค่าเรียนหน้าเวปบางทีจะแพงกว่าที่เอเจ้นบอก แต่เพราะเอเจ้นเขาได้เรทพิเศษ ทำให้ราคาสมัครผ่านเอเจ้นนั้นถูกลงตามโปรต่างๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ว่าราคาถูก ก็ต้องดูแล้วสมเหตุสมผลนะคะ อย่าเห็นแก่ของถูกมากๆๆๆๆ เพราะบางเอเจ้นที่หลอกๆ กัน มักจะบอกราคาถูกเว่อร์วัง
และที่อยากหมายเหตุตัวโตๆเลยคือ
เอเจ้นที่ดีจะไม่ควรมีการคิดค่าบริการ นะคะ เพราะว่าเขาได้เปอร์เซ็นจากทางโรงเรียนอยู่แล้ว
เรื่องเงินในบัญชีที่ใช้ขอวีซ่านั้น ตอนที่เรามาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทางเอเจ้นแนะนำให้คิดง่ายๆว่า ขั้นต่ำ 1 แสนต่อ 1 เดือน จะขอกี่เดือนก็คูณกันไป
ทำไมถึงเป็นบริสเบน?
เราเลือกมาเมือง Brisbane อยู่ในรัฐ Queensland เพราะว่าส่วนตัวไม่ชอบความวุ่นวายแออัด เลยไม่ชอบอยู่เมืองใหญ่ๆ แต่ก็ยังอยากเจอแสงสี ไม่อยากอยู่เมืองที่เงียบเหงาให้ใจรู้สึกเปล่าเปลี่ยวมากไปนัก
ตอนแรกอยากไปเมลเบิร์นเพราะอยากสัมผัสอากาศหนาวกับชอบสไตล์บ้านเมืองของที่นั่นมาก แต่ขอยอมแพ้ให้กับกิตติศัพท์ที่ว่า 1 วัน 4 ฤดู เพราะเป็นโรคภูมิแพ้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้และไม่อยากเดินชนกับคนไทยด้วยกัน
สุดท้ายบริสเบนจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด อากาศคล้ายๆ กับไทย หน้าร้อนก็ร้อนมาก แต่หน้าหนาวก็หนาวกว่าไทยเยอะ แถมนั่งรถไฟหรือขับรถไปชั่วโมงกว่าๆ ก็ได้ไปเที่ยวทะเลสวยๆที่โกลโคสละ
หลังจัดการขอและรอลุ้นวีซ่า พอวีซ่าผ่านทุกอย่างพร้อมก็บินลัดฟ้ามาออสเตรเลียกันเลยจ้าาาา...
นอนหลับบนเครื่องชิลๆ ประมาณ 8-9 ชั่วโมง ก็แลนดิ้งถึงบริสเบนเรียบร้อย
แชร์ประสบการณ์:::เรียนภาษาที่บริสเบนออสเตรเลีย - จากแพลนเดิม 9 เดือน เผลอแป๊ปๆ อยู่ที่นี่มาได้ 2 ปีแล้วจ้าาาา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก่อนมาเรียนที่ออส เราก็เป็นพนักงานออฟฟิศคนนึง ที่มีความหลังฝังใจว่าฉันอยากจะไปเรียนภาษาที่เมืองนอกแบบคนอื่นบ้างสักครั้ง แต่ด้วยความไม่กล้าและเหตุผลหลายๆ อย่าง เลยทำให้ไม่ได้ไปสักที สุดท้ายมาตัดสินใจเด็ดขาดว่าต้องไปให้ได้ก็ตอนอายุปาเข้าไปหลัก 3 เรียบร้อย จริงๆ กังวลเรื่องอายุตัวเองว่าเราจะแก่ไปมั้ยย!?
แต่ก็คิดว่าลองดูสักตั้ง และมันเป็นช่วงเวลาและโอกาสที่เหมาะที่สุดสำหรับเราแล้ว เลยรีบหาข้อมูลจากการถามเพื่อนๆ ที่เคยไปเรียนมมาบ้าง
เสิชข้อมูลจากเนต และก็มาตั้งกระทู้ถามในพันทิปเนี่ยแหล่ะ ซึ่งก็ได้ข้อมูลจากที่นี่ไปเยอะมาก ต้องขอขอบคุณทุกๆคนและทุกข้อมูลในวันนั้นอีกครั้งค่ะ
เวิ่นซะเยอะ..เข้าเรื่องกันดีกว่า 555
การขอวีซ่าและการเลือกใช้บริการเอเจนซี่
ในขั้นตอนการขอวีซ่า ขอแนะนำเลยว่า "ใช้บริการเอเจ้นดีและง่ายที่สุดค่ะ" ยิ่งเดี๋ยวนี้ได้ยินมาว่าวีซ่า นร ออสนั้นผ่านยากมากถึงมากที่สุด แต่ส่วนตัวคิดว่าถ้าเราให้เหตุผลที่สมเหตุสมผล หลักฐานแน่น เอเจ้นมีประสบการณ์ และที่สำคัญเลยคือสามารถทำให้อิมมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการหนีวี หรือใช้วีซ่าวัตถุประสงค์ ก็คิดว่ายังไงน่าจะมีโอกาสผ่าน เพราะอย่างเราเองอายุหลักสาม แถมประวัติชีวิตก็ซับซ้อนนิดนึง แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี
การเลือกเอเจ้นก็ต้องเลือกดีๆ นะคะ เช็คให้ดีก่อนจ่ายเงิน แนะนำเลยว่าควรศึกษา เปรียบเทียบข้อมูลเยอะๆ และควรหาข้อมูลเกี่ยวกับการไปเรียนต่อด้วยตัวเองด้วย ไม่ควรรอเพิ่งเอเจ้นอย่างเดียว อย่างเช่นเรื่องค่าเรียน ตอนนั้นหลังจากเราคุยกับเอเจ้นหลายๆ ที่แล้ว เราก็เสิชหารายละเอียดจากเวปของโรงเรียนโดยตรง จริงอยู่ที่ว่าค่าเรียนหน้าเวปบางทีจะแพงกว่าที่เอเจ้นบอก แต่เพราะเอเจ้นเขาได้เรทพิเศษ ทำให้ราคาสมัครผ่านเอเจ้นนั้นถูกลงตามโปรต่างๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ว่าราคาถูก ก็ต้องดูแล้วสมเหตุสมผลนะคะ อย่าเห็นแก่ของถูกมากๆๆๆๆ เพราะบางเอเจ้นที่หลอกๆ กัน มักจะบอกราคาถูกเว่อร์วัง
และที่อยากหมายเหตุตัวโตๆเลยคือ เอเจ้นที่ดีจะไม่ควรมีการคิดค่าบริการ นะคะ เพราะว่าเขาได้เปอร์เซ็นจากทางโรงเรียนอยู่แล้ว
เรื่องเงินในบัญชีที่ใช้ขอวีซ่านั้น ตอนที่เรามาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทางเอเจ้นแนะนำให้คิดง่ายๆว่า ขั้นต่ำ 1 แสนต่อ 1 เดือน จะขอกี่เดือนก็คูณกันไป
ทำไมถึงเป็นบริสเบน?
เราเลือกมาเมือง Brisbane อยู่ในรัฐ Queensland เพราะว่าส่วนตัวไม่ชอบความวุ่นวายแออัด เลยไม่ชอบอยู่เมืองใหญ่ๆ แต่ก็ยังอยากเจอแสงสี ไม่อยากอยู่เมืองที่เงียบเหงาให้ใจรู้สึกเปล่าเปลี่ยวมากไปนัก ตอนแรกอยากไปเมลเบิร์นเพราะอยากสัมผัสอากาศหนาวกับชอบสไตล์บ้านเมืองของที่นั่นมาก แต่ขอยอมแพ้ให้กับกิตติศัพท์ที่ว่า 1 วัน 4 ฤดู เพราะเป็นโรคภูมิแพ้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้ายบริสเบนจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด อากาศคล้ายๆ กับไทย หน้าร้อนก็ร้อนมาก แต่หน้าหนาวก็หนาวกว่าไทยเยอะ แถมนั่งรถไฟหรือขับรถไปชั่วโมงกว่าๆ ก็ได้ไปเที่ยวทะเลสวยๆที่โกลโคสละ
หลังจัดการขอและรอลุ้นวีซ่า พอวีซ่าผ่านทุกอย่างพร้อมก็บินลัดฟ้ามาออสเตรเลียกันเลยจ้าาาา...
นอนหลับบนเครื่องชิลๆ ประมาณ 8-9 ชั่วโมง ก็แลนดิ้งถึงบริสเบนเรียบร้อย