สวัสดีครับ เนื่องจากในที่สุด ผมก็จับมือน้องๆครบทุกคนเท่าที่ทำได้แล้ว(รวมถึงอดีตเม็มเบอร์ด้วย ยกเว้นคิดแคตและแจน) ผมเลยตัดสินใจเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อพูดถึงการจับมือที่ผมเคยไปมาทั้งหมดตั้งแต่ตามวงBNKมาเลย ผมขอพูดถึงงานจับมือประจำซิงเกิลนะครับ เพราะงานไฮทัชกับRoadshowผมไม่เคยไป
.
ขอพูดถึงตัวงานก่อนนะครับ
.
ครั้งแรกที่ไป แน่นอนคืองานซิงแรกที่เซ็นทรัลบางนา เป็นงานจับมือครั้งเดียวที่จัดเซ็นทรัล งานที่คนบ่นกันเยอะเพราะความอ่อนประสบการณ์ของคนจัด แต่ถึงแม้จะมีเรื่องให้ด่าเยอะ (มีเรื่องอะไรบ้าง ลองดูกระทู้เก่าๆ)แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ดีขึ้นทันทีเมื่อเจอเม็มเบอร์
งานในครั้งนั้นเป็นงานครั้งแรก แฟนคลับส่วนใหญ่ยังมีคามิแค่1-2คน ทำให้ปริมาณบัตรจับมือในตลาดมีไม่มากนัก(แค่10ใบก็ถือว่าเยอะแล้ว) ทำให้งานจับมือนั้นมีแค่1วัน และแม้แต่เลนเฌอซึ่งคนเยอะที่สุดนั้นยังโล่งก่อนถึงรอบพิเศษ ราคาบัตรในงานนั้นเริ่มต้นที่300-350และยังขึ้นไปเรื่อยๆก่อนถึงรอบพิเศษ(แต่คนไม่ขายกัน เพราะเก็บไว้ใช้เอง) ทำให้คนที่ไปงานนั้นล้วนรู้ดีว่าสิ่งที่ตนเตรียมมานั้นมีไม่พอ และจะซื้อให้มากขึ้นในงานถัดไป
สุดท้ายงานก็ผ่านไปด้วยดีเพราะคนก็เข้าใจวามันเป็นงานแรก ปล.งานนี้เป็นงานจับมือครั้งแรกแต่ครั้งเดียวของคิตแคต(ซึ่งผมไม่เคยไปจับมือน้อง) ซึ่งหลังจบงานจับมือไม่นาน น้องก็ประกาศแกรดในตู้ปลา
.
งานที่2คืองานที่JJ Mallที่บัตรจับมือแถมมากับเข็มยูกาตะ(จริงๆมีไฮทัชก่อนงานนี้ที่พารากอน แต่ผมยังไม่ได้ไป) งานนี้มีข้อติอยู่โดยเฉพาะเรื่องสถานที่ที่ก็ยังเล็กเกินไปวมถึงการวางผังงาน แต่สุดท้ายก็พอถูไถไปได้โดยมีเสียงด่าน้อยกว่างานแรกนิดนึง
งานนี้ราคาบัตรเริ่มต้นอยู่ที่250เพราะมากับเข็มกลัดยูกาตะไม่ใช่แผ่นเพลง แต่ราคาเฉลี่ยก็อยู่ที่200-300โดยแพงสุดที่เห็นคือ350 โดยงานนี้คนที่เคยไปงานแรกมาล้วนเตรียมบัตรมาขั้นต่ำคนละ10-20ใบ และคนที่มาครั้งแรก พอโดนดาเมจน้งๆไปก็ต้องหาบัตรเพิ่มกันตามลูปคนใหม่(555)
ปล.งานนี้เป็นงานที่เปิดตัวmv คุกกี้ที่ไปถ่ายมา รวมถึงการแสดงเพลง พริ้ว เป็นครั้งแรก รวมถึงคอนเสิร์ตแกรดและงานจับมือครั้งสุดท้ายของซินซิน เม็มเบอร์ที่เสียงดีที่สุดในวง(น้องเป็นโอชิผมด้วย) และพอจบงาน ก็มีโปรเจคส่งท้ายจากด้อมน้อง
.
งานที่3คือที่เดอะมอลงามวงศ์วาน เป็นงานจับมือซิง2 คุกกี้เสี่ยงทาย ถือเป็นงานที่จัดดีที่สุด(ในตอนนั้น)โดยมีข้อเสียหนึ่งเดียวคือการจัดแถวเข้างานที่ช้าโคตรๆ (ลองหากระทู้เก่าๆหรือไปถามคนที่เล่าได้)
งานนี้ราคาบัตรเฉลี่ยอยู่ที่300-400โดยสูงสุดที่เห็นคือ450 แน่นอนว่างานนี้มีคนที่เพิ่งตามวงครั้งแรกเยอะขึ้น ซึ่งก็จะเข้าลูปอีกตามเคย
งานนี้ถือเป็นงานที่ดีที่สุดที่อฟช.เคยจัด(ณ ตอนนั้น) และมีการเปิดตัวซิงใหม่ในงานNamida Surpriseและ Ana ta to
สำหรับประเด็นอื่นๆ ก่อนถึงงานจับมือครั้งนั้น ได้เกิดดราม่าของเมษาขึ้นมา สืบเนื่องจากการพูดเรื่องต่างๆในโซเชียลถึงเมษา และเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงแบบวงพี่ ทางอฟช.ได้ให้ความสำคัญกับเลนเมษาเป็นพิเศษ โดยการให้การ์ดมายืนในเลน1คนทุกๆ2-3เมตร และมีคนเดินตรวจกระเป๋าในเลนอีกครั้ง รวมถึงมาร์คซังและจ๊อบซัง ยังผลัดกันมายืนเฝ้าเลนหลังเมษาด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะแอนตี้หลังคีย์บอร์ดไม่โผล่มาซักคน (งานนี้ซินๆได้มาจับมือให้กำลังใจเมษาด้วย เพราะทั้งคู่สนิทกัน)
อีก1เรื่องในงานที่มีการลือกันในงาน คือการที่น้ำหอมร้องไห้คาเลนเพราะไม่ค่อยมีคนชอบ (เรื่องนี้ถูกพิมพ์ผ่านโม่ง ทำให้ความน่าเชื่อถือแทบไม่มี แต่เรื่องที่เลนน้องคนน้อยคือเนื่องจริง) ซึ่งผมเองก็ไปจับมือน้องเพราะได้ยินเรื่องนี้ แต่เท่าที่ได้เจอ น้องก็ไม่ได้ร้องอะไรนะ
ปล1. งานจับมือนี้เป็นงานสุดท้ายของน้ำหอม หลังจากจบงานซักพัก น้องก็แกรดในตู้ปลาเพราะต้องย้ายไปต่างประเทศ
ปล2. งานจับมือนี้คืองานสุดท้ายของแจนเช่นกัน สำหรับคนที่เพิ่งเคยตาม แจนเป็นคนที่คนจับมือด้วยเยอะที่สุดในวง เยอะกว่าทุกคนขนาดรอบพิเศษยังหมดคนท้ายๆ และเป็นอีกคนที่ผมยังไม่เคยจับมือด้วย
.
งานจับมือCampus จัดที่เดอะมอลบางกะปิเพื่อฉลองการสร้างcampusเสร็จ โดยบัตรจับมือแถมมากับบัตรแคมปัสราคาใบละ600 เป็นอีกงานที่คนบ่นเพราะสถานที่เล็กสวนทางกับจำนวนคน การจัดคิวเข้างานก็แย่ต้องไปวนลานจอดรถร้อนๆเป็นชั่วโมง อีกทั้งเทรดโซนก็เล็กจนทะลักออกไปในบริเวณห้างจนยามต้องมาไล่
ราคาบัตรในงานนั้นแพงมาก สาเหตุเพราะออกจากอฟช.ก็600แล้ว และเนื่องจากคนให้ราคาบัตรจับมือมากกว่าบัตรชมเธียเตอร์ ทำให้ราคาแพงระยับมากส่งผลให้คนน้อยกว่างานซิง2 แต่ก็เยอะอยู่ดี เพราะตอนนั้นวงดังและคนอยากมาเที่ยวแคมปัส
.
งานจับมือซิง3 Shonichi เป็นงานแรกที่จัดไบเทคและมีมากกว่า1วันเพราะปริมาณบัตรที่ทะลุหลักแสนเป็นครั้งแรก วันแรกนั้นโดยด่าไม่มีชิ้นดีเพราะการรันคิวที่เรียกได้ว่าเลวร้ายสุดๆ ต้องเสียเวลาต่อคิวเป็นชั่วโมงนอกไบเทคที่ร้อนจัดทำให้เข้าไปไม่ทันบุจับมือ การสื่อสารของสต๊าฟที่ไม่ตรงกัน เดี๋ยวบอกมาทางนี้ ซักพักบอกไปทางโน้น คนซื้อของกับจับมือเข้าทางเดียวกัน แถมขนาดฮอลที่เล็กเกินไปเมื่อเทียบกับจำนวนแฟนคลับที่เยอะมากเพราะตอนนั้นวงดังมาก (ไปหาอ่านกระทู้เก่าๆดูครับ แล้วจะซึ้ง) รวมถึงเทรดโซนที่กินพื้นที่แถมแน่นยิ่งกว่าตลาดนัด
แต่วันที่2นั้นปัญหาทุกอย่างถูกแก้ไขโดยทางอฟช.ได้เปิดฮอลข้างๆเพิ่มเพื่อไล่เทรดโซนไปอีกฮอล และแยกทางเข้าระหว่างคิวซื้อของกับคิวจับมือ ทำให้ปริมาณคนเข้าไปจับมือโล่งขึ้นมาก และรูปแบบนี้ถูกใช้จนถึงปัจจุบัน
ราคาบัตรในงานนี้นั้นค่อนข้างผันผวน เนื่องจากปริมาณบัตรกว่า1แสน5หมื่นใบ ทำให้ช่วงแรกนั้นราคาบัตรตกเป็นอย่างมาก อยู่ที่200-250(มีคนเห็นลงไปถึง150) แต่พออฟช.ประกาศเพิ่มรอบ และยังมีรุ่น2มาร่วมด้วย ราคาบัตรก็ดีดกลับขึ้นมาอยู่ที่300-400โดยเฉลี่ย
ปล. งานนี้ในวันหลังๆ ได้มีการเปิดให้สั่งซื้อgood ทางเน็ต ทำให้ไม่ต้องมาcampเพื่อรอซื้อของอีกแล้ว(ยกเว้นพวกlimited)
.
งานจับมือซิง4 Kimi wa Melody รูปแบบทุกอย่างรวมถึงผังงานนั้นปกติแล้ว ไม่มีอะไรให้ติ. งานนี้ถือเป็นงานที่วงอยู่ในจุดสูงสุดซึ่งมีปริมาณบัตรเยอะกว่าซิง3เกือบ2เท่า ซึ่งตอนแรกนั้นราคาบัตรก็เหมือนซิง3 คือตกมาต่ำมาก แต่พออฟช.ประกาศเพิ่มรอบ มันก็ดีดขึ้นมาอยูที่300-400
แต่มีประเด็นเล็กน้อยคือ วันท้ายๆนั้นแฟนคลับได้ใช้บัตรไปหมดแล้ว ทำให้คนในวันท้ายๆนั้นน้อยมากๆ แม้แต่ตัวท้อปๆยังโล่ง
ปล. เริ่มมีการ ReProductออกมาขายใหม่ ทำให้ราคาของในตลาดตกเป็นอย่างมาก อีกทั้งการมีขายผ่านเน็ตทีหลัง ทำให้พ่อค้านั้นทำกำไรได้ยากขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะคนไม่ค่อยรีบวู่วามซื้อกันแล้ว
.
งานที่5 BNK Festival เป็นครั้งเแรกที่อฟช.จำกัดบัตรต่อวันอยู่ที่5หมื่นใบ สาเหตุคงเพราะอยากให้มีความสม่ำเสมอของจำนวนบัตรที่หมุนเวียนต่อวัน ไม่แน่นเกินไปในวันแรกๆและไม่โล่งเกินไปในวันท้ายๆ
.
ประมาณนี้ครับ สำหรับรีวิวงานจับมือทั้งหมดที่เคยไปมา
สำหรับคนที่สงสัยว่าลูปคนใหม่ของงานจับมือคืออะไร โดยปกติแล้ว คนใหม่ที่มาจับมือครั้งแรกจะซื้อบัตรไม่เยอะ คิดว่าคงพอแน่นอน และก็อย่างทีอย่างที่ทุกคนรู้ว่า มันไม่เคยพอ แล้วคนๆนัน้ก็จะต้องไปซื้อบัตรต่อในราคาสูง สุดท้ายในซิงเกิลถัดไป เค้าก็จะซื้อบัตรเพิ่ม แล้วที่เรียกว่าลูปเพราะ คนตามดวงใหคนตามดวงใหม่นั้นมีทุกซิงเกิล
................................................
สำหรับการจับมือเมมเบอร์นั้น ผมจะไม่ขอรีวิวเรียงคนเนื่องจากมันจะเยอะมาก แต่จะขอบอกตามนี้
1. ไปหาคามิของคุณเถอะ ไม่ว่าจะตัวท้อปหรืออันเดอร์ ทุกคนดีใจที่คุณมาหา ยิ่งคนที่แถวโล่งๆ ยิ่งควรต้องไปครับ (ผมไปจับโมบายล์ตั้งแต่ซิงแรกที่แถวโล่ง จนมาซิง4ที่แถวน้องแน่นจนโดนตัดเป็นครั้งแรก) น้องๆจะดีใจที่คุณไปหา
2. ไปเช้าๆดีกว่า เข้าใจว่าการตื่นเช้ามันยาก แต่การที่คุณไปเช้า คนจะน้อยและจะไม่ต้องต่อแถวนาน (โดยเฉพาะตัวท้อปที่แถวยาว) อีกอย่าง ตอนเช้าน้องๆจะร่าเริงกันมากกว่า
3. ระวังคำพูดที่ใช้ อย่าใช้คำพูดที่น้องรู้สึกไม่ดีเลย การแซวนั้นไม่ควรทำ คุณอาจจะคิดว่าแค่นี้เอง แต่ถ้ามีคนพูดอย่างคนซัก10คนล่ะ? น้องจะรู้สึกยังไง?
4. อย่าคาดหวังให้น้องเป็นอย่างที่คุณอยากได้ แต่ให้น้องตอบรับคุณในแบบที่น้องเป็น น้องทุกคนไม่เหมือนกัน อย่าเอาน้องคนนี้ไปเทียบกับคนนั้น
5. คุณไม่รู้หรอกว่าน้องจะแกรดเมื่อไหร่ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะยังมีกิจกรรมจับมือหลังประกาศแกรด แนะนำให้ไปหาน้องในขณะที่ยังไปได้ครับ
6. น้องๆมีพัฒนาการนะครับ ลองไปหาหลายๆครั้ง คุณจะเห็นชัดเจน
.
ขอให้มีความสุขในงานจับมือครับ
มหากาพย์รีวิวงานจับมือBNK48(เกือบครบ)ทุกคนทุกงาน (ยาวแน่นอน)
.
ขอพูดถึงตัวงานก่อนนะครับ
.
ครั้งแรกที่ไป แน่นอนคืองานซิงแรกที่เซ็นทรัลบางนา เป็นงานจับมือครั้งเดียวที่จัดเซ็นทรัล งานที่คนบ่นกันเยอะเพราะความอ่อนประสบการณ์ของคนจัด แต่ถึงแม้จะมีเรื่องให้ด่าเยอะ (มีเรื่องอะไรบ้าง ลองดูกระทู้เก่าๆ)แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ดีขึ้นทันทีเมื่อเจอเม็มเบอร์
งานในครั้งนั้นเป็นงานครั้งแรก แฟนคลับส่วนใหญ่ยังมีคามิแค่1-2คน ทำให้ปริมาณบัตรจับมือในตลาดมีไม่มากนัก(แค่10ใบก็ถือว่าเยอะแล้ว) ทำให้งานจับมือนั้นมีแค่1วัน และแม้แต่เลนเฌอซึ่งคนเยอะที่สุดนั้นยังโล่งก่อนถึงรอบพิเศษ ราคาบัตรในงานนั้นเริ่มต้นที่300-350และยังขึ้นไปเรื่อยๆก่อนถึงรอบพิเศษ(แต่คนไม่ขายกัน เพราะเก็บไว้ใช้เอง) ทำให้คนที่ไปงานนั้นล้วนรู้ดีว่าสิ่งที่ตนเตรียมมานั้นมีไม่พอ และจะซื้อให้มากขึ้นในงานถัดไป
สุดท้ายงานก็ผ่านไปด้วยดีเพราะคนก็เข้าใจวามันเป็นงานแรก ปล.งานนี้เป็นงานจับมือครั้งแรกแต่ครั้งเดียวของคิตแคต(ซึ่งผมไม่เคยไปจับมือน้อง) ซึ่งหลังจบงานจับมือไม่นาน น้องก็ประกาศแกรดในตู้ปลา
.
งานที่2คืองานที่JJ Mallที่บัตรจับมือแถมมากับเข็มยูกาตะ(จริงๆมีไฮทัชก่อนงานนี้ที่พารากอน แต่ผมยังไม่ได้ไป) งานนี้มีข้อติอยู่โดยเฉพาะเรื่องสถานที่ที่ก็ยังเล็กเกินไปวมถึงการวางผังงาน แต่สุดท้ายก็พอถูไถไปได้โดยมีเสียงด่าน้อยกว่างานแรกนิดนึง
งานนี้ราคาบัตรเริ่มต้นอยู่ที่250เพราะมากับเข็มกลัดยูกาตะไม่ใช่แผ่นเพลง แต่ราคาเฉลี่ยก็อยู่ที่200-300โดยแพงสุดที่เห็นคือ350 โดยงานนี้คนที่เคยไปงานแรกมาล้วนเตรียมบัตรมาขั้นต่ำคนละ10-20ใบ และคนที่มาครั้งแรก พอโดนดาเมจน้งๆไปก็ต้องหาบัตรเพิ่มกันตามลูปคนใหม่(555)
ปล.งานนี้เป็นงานที่เปิดตัวmv คุกกี้ที่ไปถ่ายมา รวมถึงการแสดงเพลง พริ้ว เป็นครั้งแรก รวมถึงคอนเสิร์ตแกรดและงานจับมือครั้งสุดท้ายของซินซิน เม็มเบอร์ที่เสียงดีที่สุดในวง(น้องเป็นโอชิผมด้วย) และพอจบงาน ก็มีโปรเจคส่งท้ายจากด้อมน้อง
.
งานที่3คือที่เดอะมอลงามวงศ์วาน เป็นงานจับมือซิง2 คุกกี้เสี่ยงทาย ถือเป็นงานที่จัดดีที่สุด(ในตอนนั้น)โดยมีข้อเสียหนึ่งเดียวคือการจัดแถวเข้างานที่ช้าโคตรๆ (ลองหากระทู้เก่าๆหรือไปถามคนที่เล่าได้)
งานนี้ราคาบัตรเฉลี่ยอยู่ที่300-400โดยสูงสุดที่เห็นคือ450 แน่นอนว่างานนี้มีคนที่เพิ่งตามวงครั้งแรกเยอะขึ้น ซึ่งก็จะเข้าลูปอีกตามเคย
งานนี้ถือเป็นงานที่ดีที่สุดที่อฟช.เคยจัด(ณ ตอนนั้น) และมีการเปิดตัวซิงใหม่ในงานNamida Surpriseและ Ana ta to
สำหรับประเด็นอื่นๆ ก่อนถึงงานจับมือครั้งนั้น ได้เกิดดราม่าของเมษาขึ้นมา สืบเนื่องจากการพูดเรื่องต่างๆในโซเชียลถึงเมษา และเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงแบบวงพี่ ทางอฟช.ได้ให้ความสำคัญกับเลนเมษาเป็นพิเศษ โดยการให้การ์ดมายืนในเลน1คนทุกๆ2-3เมตร และมีคนเดินตรวจกระเป๋าในเลนอีกครั้ง รวมถึงมาร์คซังและจ๊อบซัง ยังผลัดกันมายืนเฝ้าเลนหลังเมษาด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะแอนตี้หลังคีย์บอร์ดไม่โผล่มาซักคน (งานนี้ซินๆได้มาจับมือให้กำลังใจเมษาด้วย เพราะทั้งคู่สนิทกัน)
อีก1เรื่องในงานที่มีการลือกันในงาน คือการที่น้ำหอมร้องไห้คาเลนเพราะไม่ค่อยมีคนชอบ (เรื่องนี้ถูกพิมพ์ผ่านโม่ง ทำให้ความน่าเชื่อถือแทบไม่มี แต่เรื่องที่เลนน้องคนน้อยคือเนื่องจริง) ซึ่งผมเองก็ไปจับมือน้องเพราะได้ยินเรื่องนี้ แต่เท่าที่ได้เจอ น้องก็ไม่ได้ร้องอะไรนะ
ปล1. งานจับมือนี้เป็นงานสุดท้ายของน้ำหอม หลังจากจบงานซักพัก น้องก็แกรดในตู้ปลาเพราะต้องย้ายไปต่างประเทศ
ปล2. งานจับมือนี้คืองานสุดท้ายของแจนเช่นกัน สำหรับคนที่เพิ่งเคยตาม แจนเป็นคนที่คนจับมือด้วยเยอะที่สุดในวง เยอะกว่าทุกคนขนาดรอบพิเศษยังหมดคนท้ายๆ และเป็นอีกคนที่ผมยังไม่เคยจับมือด้วย
.
งานจับมือCampus จัดที่เดอะมอลบางกะปิเพื่อฉลองการสร้างcampusเสร็จ โดยบัตรจับมือแถมมากับบัตรแคมปัสราคาใบละ600 เป็นอีกงานที่คนบ่นเพราะสถานที่เล็กสวนทางกับจำนวนคน การจัดคิวเข้างานก็แย่ต้องไปวนลานจอดรถร้อนๆเป็นชั่วโมง อีกทั้งเทรดโซนก็เล็กจนทะลักออกไปในบริเวณห้างจนยามต้องมาไล่
ราคาบัตรในงานนั้นแพงมาก สาเหตุเพราะออกจากอฟช.ก็600แล้ว และเนื่องจากคนให้ราคาบัตรจับมือมากกว่าบัตรชมเธียเตอร์ ทำให้ราคาแพงระยับมากส่งผลให้คนน้อยกว่างานซิง2 แต่ก็เยอะอยู่ดี เพราะตอนนั้นวงดังและคนอยากมาเที่ยวแคมปัส
.
งานจับมือซิง3 Shonichi เป็นงานแรกที่จัดไบเทคและมีมากกว่า1วันเพราะปริมาณบัตรที่ทะลุหลักแสนเป็นครั้งแรก วันแรกนั้นโดยด่าไม่มีชิ้นดีเพราะการรันคิวที่เรียกได้ว่าเลวร้ายสุดๆ ต้องเสียเวลาต่อคิวเป็นชั่วโมงนอกไบเทคที่ร้อนจัดทำให้เข้าไปไม่ทันบุจับมือ การสื่อสารของสต๊าฟที่ไม่ตรงกัน เดี๋ยวบอกมาทางนี้ ซักพักบอกไปทางโน้น คนซื้อของกับจับมือเข้าทางเดียวกัน แถมขนาดฮอลที่เล็กเกินไปเมื่อเทียบกับจำนวนแฟนคลับที่เยอะมากเพราะตอนนั้นวงดังมาก (ไปหาอ่านกระทู้เก่าๆดูครับ แล้วจะซึ้ง) รวมถึงเทรดโซนที่กินพื้นที่แถมแน่นยิ่งกว่าตลาดนัด
แต่วันที่2นั้นปัญหาทุกอย่างถูกแก้ไขโดยทางอฟช.ได้เปิดฮอลข้างๆเพิ่มเพื่อไล่เทรดโซนไปอีกฮอล และแยกทางเข้าระหว่างคิวซื้อของกับคิวจับมือ ทำให้ปริมาณคนเข้าไปจับมือโล่งขึ้นมาก และรูปแบบนี้ถูกใช้จนถึงปัจจุบัน
ราคาบัตรในงานนี้นั้นค่อนข้างผันผวน เนื่องจากปริมาณบัตรกว่า1แสน5หมื่นใบ ทำให้ช่วงแรกนั้นราคาบัตรตกเป็นอย่างมาก อยู่ที่200-250(มีคนเห็นลงไปถึง150) แต่พออฟช.ประกาศเพิ่มรอบ และยังมีรุ่น2มาร่วมด้วย ราคาบัตรก็ดีดกลับขึ้นมาอยู่ที่300-400โดยเฉลี่ย
ปล. งานนี้ในวันหลังๆ ได้มีการเปิดให้สั่งซื้อgood ทางเน็ต ทำให้ไม่ต้องมาcampเพื่อรอซื้อของอีกแล้ว(ยกเว้นพวกlimited)
.
งานจับมือซิง4 Kimi wa Melody รูปแบบทุกอย่างรวมถึงผังงานนั้นปกติแล้ว ไม่มีอะไรให้ติ. งานนี้ถือเป็นงานที่วงอยู่ในจุดสูงสุดซึ่งมีปริมาณบัตรเยอะกว่าซิง3เกือบ2เท่า ซึ่งตอนแรกนั้นราคาบัตรก็เหมือนซิง3 คือตกมาต่ำมาก แต่พออฟช.ประกาศเพิ่มรอบ มันก็ดีดขึ้นมาอยูที่300-400
แต่มีประเด็นเล็กน้อยคือ วันท้ายๆนั้นแฟนคลับได้ใช้บัตรไปหมดแล้ว ทำให้คนในวันท้ายๆนั้นน้อยมากๆ แม้แต่ตัวท้อปๆยังโล่ง
ปล. เริ่มมีการ ReProductออกมาขายใหม่ ทำให้ราคาของในตลาดตกเป็นอย่างมาก อีกทั้งการมีขายผ่านเน็ตทีหลัง ทำให้พ่อค้านั้นทำกำไรได้ยากขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะคนไม่ค่อยรีบวู่วามซื้อกันแล้ว
.
งานที่5 BNK Festival เป็นครั้งเแรกที่อฟช.จำกัดบัตรต่อวันอยู่ที่5หมื่นใบ สาเหตุคงเพราะอยากให้มีความสม่ำเสมอของจำนวนบัตรที่หมุนเวียนต่อวัน ไม่แน่นเกินไปในวันแรกๆและไม่โล่งเกินไปในวันท้ายๆ
.
ประมาณนี้ครับ สำหรับรีวิวงานจับมือทั้งหมดที่เคยไปมา
สำหรับคนที่สงสัยว่าลูปคนใหม่ของงานจับมือคืออะไร โดยปกติแล้ว คนใหม่ที่มาจับมือครั้งแรกจะซื้อบัตรไม่เยอะ คิดว่าคงพอแน่นอน และก็อย่างทีอย่างที่ทุกคนรู้ว่า มันไม่เคยพอ แล้วคนๆนัน้ก็จะต้องไปซื้อบัตรต่อในราคาสูง สุดท้ายในซิงเกิลถัดไป เค้าก็จะซื้อบัตรเพิ่ม แล้วที่เรียกว่าลูปเพราะ คนตามดวงใหคนตามดวงใหม่นั้นมีทุกซิงเกิล
................................................
สำหรับการจับมือเมมเบอร์นั้น ผมจะไม่ขอรีวิวเรียงคนเนื่องจากมันจะเยอะมาก แต่จะขอบอกตามนี้
1. ไปหาคามิของคุณเถอะ ไม่ว่าจะตัวท้อปหรืออันเดอร์ ทุกคนดีใจที่คุณมาหา ยิ่งคนที่แถวโล่งๆ ยิ่งควรต้องไปครับ (ผมไปจับโมบายล์ตั้งแต่ซิงแรกที่แถวโล่ง จนมาซิง4ที่แถวน้องแน่นจนโดนตัดเป็นครั้งแรก) น้องๆจะดีใจที่คุณไปหา
2. ไปเช้าๆดีกว่า เข้าใจว่าการตื่นเช้ามันยาก แต่การที่คุณไปเช้า คนจะน้อยและจะไม่ต้องต่อแถวนาน (โดยเฉพาะตัวท้อปที่แถวยาว) อีกอย่าง ตอนเช้าน้องๆจะร่าเริงกันมากกว่า
3. ระวังคำพูดที่ใช้ อย่าใช้คำพูดที่น้องรู้สึกไม่ดีเลย การแซวนั้นไม่ควรทำ คุณอาจจะคิดว่าแค่นี้เอง แต่ถ้ามีคนพูดอย่างคนซัก10คนล่ะ? น้องจะรู้สึกยังไง?
4. อย่าคาดหวังให้น้องเป็นอย่างที่คุณอยากได้ แต่ให้น้องตอบรับคุณในแบบที่น้องเป็น น้องทุกคนไม่เหมือนกัน อย่าเอาน้องคนนี้ไปเทียบกับคนนั้น
5. คุณไม่รู้หรอกว่าน้องจะแกรดเมื่อไหร่ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะยังมีกิจกรรมจับมือหลังประกาศแกรด แนะนำให้ไปหาน้องในขณะที่ยังไปได้ครับ
6. น้องๆมีพัฒนาการนะครับ ลองไปหาหลายๆครั้ง คุณจะเห็นชัดเจน
.
ขอให้มีความสุขในงานจับมือครับ