สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
ปม คือ การเงิน ในบ้านแย่ลง
ถึงขนาดลูกสาวสุดที่รักต้องเลิกเรียนกลางคัน
ด้วยภาวะความเป็นพ่อที่นำครอบครัว
มันจะรู้สึกล้มเหลว
แต่ยังปรารถนาดี อยากรวย อยากช่วยครอบครัว
อย่า.. ตัดเค้าทิ้ง อย่าให้เค้าอยู่คนละโลก
เพราะจะกู่ไม่กลับ
สิ่งที่ทำได้ คือ เออออห่อหมก
เค้าอยากหาเงินเข้าบ้าน
จงทวงเงินเค้า
จงแบมือขอเงินเค้า
ห้าบาทสิบบาทจงชม
จงทำให้เค้าภูมิใจ
เค้าอยู่กับโลกหลอกๆไม่ได้หรอก
พอขอเงินเค้า เค้าไม่มีเงิน
เค้าต้องแอบคิดแล้วแหละว่าทางที่ผ่านมามันถูก?
ทำไมทำแล้วไม่มีเงิน
... แต่ขึ้นหลังเสือ ลงลำบาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ถ้าคนในบ้านตั้งป้อม ว่าไปไม่รอดแน่ๆ
เค้าจะยิ่งบ้า เหมือนหมาบ้า
...
เหตุการณ์สมมติ ในบ้านหลังนึง..
1 เก็บเงินในร้านในบ้านให้ดี
2 อย่าเอาเงินให้เค้าไปจ่ายบัตร
3 คุณในฐานะลูกจงขอเงินพ่อ
4 พ่อไม่มีเงิน อย่าตำหนิ "เห็นมั้ยขายตรงไม่ได้หรอกมันหลอก" ห้ามพูด
5 แต่ชี้นำำ พ่อยอดถึงนิ ทำไมไม่ได้เงินล่ะ
6 ถ้าพ่อบอกว่า ต้องยอดถึงแสนก่อน ถึงจะได้เงิน
... ถ้ายอดถึงได้เงินมาสัก สองพัน บ่นเปรยๆ ว่าได้กำไรแค่ 5% เองเนาะ
... ถ้าไม่ถึง..
7 ถามพ่อเลย แล้วพ่อจะเอาเงินเพิ่มมาจากไหนล่ะ ตอนนี้เราไม่มีเงินกันนะ
...พ่ออาจจะโมโห เลิกคุยไปก่อน ไว้ค่อยเริ่มคุยใหม่ที่สเตปเดิม
... เริ่มวันใหม่ คุยใหม่
8 ถ้าตอนนี้ยอดห้าหมื่น จะได้เงินเท่าไหร่ล่ะพ่อ พ่อได้มั่งยัง หนูอยากกินไอติมร้านนั้นอ่ะ ไปกินกันมั้ย พ่อเลี้ยงหนูนะ
9 วันนึงพ่ออาจเข้ามาบอกดีๆว่า หรือโมโหเกรี้ยวกราดว่า พ่อลงทุนไปเยอะแล้วจะถอนตัวตอนนี้ลำบาก.. นั่นล่ะช้อตเปิดใจ (เค้าอยากถอนตัวแต่ไม่รู้จะทำยังไง) บอกไปเลยหยุดตอนนี้ดีกว่าเงินจมนะพ่อ ไม่ต้องถมเงินลงไปอีกหรอกพ่อ เก็บสิทธิตัวแทนไว้แหละ ยังไงสินค้าพวกนั้นไว้เราอยากซื้อก็ได้สิทธิส่วนลดนิ
จงพยายาม กอบกู้
คุณเป็นลูกที่พ่อรักจริงๆ จงใช้ความรักนั้นให้เป็นอาวุธ
ขายตรง จะพยายามให้ลูกข่ายไปสัมนาตลอด ห้ามหลุดห้ามออก งดไปจะมีคนมาโทรตามไซโคสารพัด จะทำให้ไม่ไปไม่ได้ เพราะพอออก มันจะขาด และได้สติขึ้นมา
มันไม่ได้มีสายใยเหนียวแน่นอะไรหรอก
มันสู้ความรักพ่อลูกระหว่างพ่อคุณกับคุณไม่ได้เลย
ถึงขนาดลูกสาวสุดที่รักต้องเลิกเรียนกลางคัน
ด้วยภาวะความเป็นพ่อที่นำครอบครัว
มันจะรู้สึกล้มเหลว
แต่ยังปรารถนาดี อยากรวย อยากช่วยครอบครัว
อย่า.. ตัดเค้าทิ้ง อย่าให้เค้าอยู่คนละโลก
เพราะจะกู่ไม่กลับ
สิ่งที่ทำได้ คือ เออออห่อหมก
เค้าอยากหาเงินเข้าบ้าน
จงทวงเงินเค้า
จงแบมือขอเงินเค้า
ห้าบาทสิบบาทจงชม
จงทำให้เค้าภูมิใจ
เค้าอยู่กับโลกหลอกๆไม่ได้หรอก
พอขอเงินเค้า เค้าไม่มีเงิน
เค้าต้องแอบคิดแล้วแหละว่าทางที่ผ่านมามันถูก?
ทำไมทำแล้วไม่มีเงิน
... แต่ขึ้นหลังเสือ ลงลำบาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ถ้าคนในบ้านตั้งป้อม ว่าไปไม่รอดแน่ๆ
เค้าจะยิ่งบ้า เหมือนหมาบ้า
...
เหตุการณ์สมมติ ในบ้านหลังนึง..
1 เก็บเงินในร้านในบ้านให้ดี
2 อย่าเอาเงินให้เค้าไปจ่ายบัตร
3 คุณในฐานะลูกจงขอเงินพ่อ
4 พ่อไม่มีเงิน อย่าตำหนิ "เห็นมั้ยขายตรงไม่ได้หรอกมันหลอก" ห้ามพูด
5 แต่ชี้นำำ พ่อยอดถึงนิ ทำไมไม่ได้เงินล่ะ
6 ถ้าพ่อบอกว่า ต้องยอดถึงแสนก่อน ถึงจะได้เงิน
... ถ้ายอดถึงได้เงินมาสัก สองพัน บ่นเปรยๆ ว่าได้กำไรแค่ 5% เองเนาะ
... ถ้าไม่ถึง..
7 ถามพ่อเลย แล้วพ่อจะเอาเงินเพิ่มมาจากไหนล่ะ ตอนนี้เราไม่มีเงินกันนะ
...พ่ออาจจะโมโห เลิกคุยไปก่อน ไว้ค่อยเริ่มคุยใหม่ที่สเตปเดิม
... เริ่มวันใหม่ คุยใหม่
8 ถ้าตอนนี้ยอดห้าหมื่น จะได้เงินเท่าไหร่ล่ะพ่อ พ่อได้มั่งยัง หนูอยากกินไอติมร้านนั้นอ่ะ ไปกินกันมั้ย พ่อเลี้ยงหนูนะ
9 วันนึงพ่ออาจเข้ามาบอกดีๆว่า หรือโมโหเกรี้ยวกราดว่า พ่อลงทุนไปเยอะแล้วจะถอนตัวตอนนี้ลำบาก.. นั่นล่ะช้อตเปิดใจ (เค้าอยากถอนตัวแต่ไม่รู้จะทำยังไง) บอกไปเลยหยุดตอนนี้ดีกว่าเงินจมนะพ่อ ไม่ต้องถมเงินลงไปอีกหรอกพ่อ เก็บสิทธิตัวแทนไว้แหละ ยังไงสินค้าพวกนั้นไว้เราอยากซื้อก็ได้สิทธิส่วนลดนิ
จงพยายาม กอบกู้
คุณเป็นลูกที่พ่อรักจริงๆ จงใช้ความรักนั้นให้เป็นอาวุธ
ขายตรง จะพยายามให้ลูกข่ายไปสัมนาตลอด ห้ามหลุดห้ามออก งดไปจะมีคนมาโทรตามไซโคสารพัด จะทำให้ไม่ไปไม่ได้ เพราะพอออก มันจะขาด และได้สติขึ้นมา
มันไม่ได้มีสายใยเหนียวแน่นอะไรหรอก
มันสู้ความรักพ่อลูกระหว่างพ่อคุณกับคุณไม่ได้เลย
ความคิดเห็นที่ 5
นึกถึงตัวเอง แต่หนูเข้มแข็งกว่าน้ามากค่ะ พ่อของน้า (ขอเรียกแทนตัวเองว่าน้านะ) มีเมียน้อย น่าจะตอนที่น้าเรียนม.ปลายแหล่ะ แต่มาจับได้ตอนเรียนมหาลัย ตอนแรกครอบครัวน้าอบอุ่นเหมือนหนูแหล่ะค่ะ พ่อก็รักน้ามากเช่นกัน น้าเป็นลูกคนโต พ่อเป็นคนหารายได้ได้เยอะ เค้าเป็นวิศวกรโยธา ในขณะที่แม่ก็เป็นผู้นำ หน้าที่การงานแม่พี่ก้าวหน้ากว่าพ่อ แต่เงินพ่อหาได้มากกว่า
ตอนที่จับได้ น้าร้องไห้หนักมาก ไม่เคยร้องหนักเท่านี้มาก่อน มันผิดหวังมาก ความรู้สึกและสายตาที่มองพ่อมันเปลี่ยนไป เค้าเป็นคนทรยศ เค้าหลงเมียน้อยหนักมาก เลิกส่งเงินให้ลูก น้าต้องไปขอเงินจากคุณปู่คุณย่าเป็นค่าขนมและค่าเดินทางไปมหาลัย พ่อเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย ในที่สุดเค้าก็หย่า และย้ายออกจากบ้านไปค่ะ น้าเคยคิดกระทั่งว่าอยากขับรถชนผู้หญิงคนนั้นให้ตายไปเลย (ไม่ได้คิดอย่างเดียว ขับไปรอแล้วด้วย....แต่ไม่เจอกัน) สุดท้ายหลังจากที่พ่อย้ายออกไป ได้คุยกันปีละหน คือในวันเกิดน้า พ่อจะโทรมาค่ะ แต่น้าเองก็ไม่อยากรับ จนปีนึง น้าไม่รับค่ะ เค้าก็พยายามโทรมาหลายรอบ จนเลยวันเกิดไปหลายเดือน มีคนโทรมาว่าพ่อล้ม ให้น้าไปพบโรงพยาบาล พ่อน้าเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย และจะมีชีวิตอยู่ได้ ไม่เกิน 6 เดือนค่ะ (แต่จริงๆน้อยกว่านั้น) สุดท้ายก็ตาย วันที่พ่อตายน้าเสียใจ แต่ไม่ได้ร้องหนักเท่ากับวันที่รู้ว่าพ่อมีคนอื่น เสียใจที่ไม่ได้รับโทรศัพท์ในวันเกิดครั้งสุดท้าย.....
คำแนะนำจากน้า:
- มีรัก...เสื่อมรัก พ่อก็คือพ่อค่ะ เค้าเสื่อมรักแม่หนูแล้ว แต่เค้ายังเป็นพ่อของหนูค่ะ
- อย่าเปิดโอกาสให้พ่อเข้าถึงเงินของแม่และพี่สาว
- อย่าไปต้านเค้าค่ะ เค้าอยากพูดอะไรก็พูดมา (เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา) บอกไว้พ่อประสบความสำเร็จแล้วหนูทำด้วยแน่นอน แต่ตอนนี้ขอกระจายความเสี่ยงไปทำอย่างอื่นก่อนนะ
- บอกแม่ว่า อย่าทนเพื่อหนูค่ะ ทรมานทั้งแม่ทั้งลูก เลือกสิ่งที่ดีให้กับตัวเองค่ะ มันไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว อย่าทนอยู่ในกรอบจำกัดของคำว่าเพื่อครอบครัวเลย และหนูจะอยู่เคียงข้างแม่ค่ะ
ตอนที่จับได้ น้าร้องไห้หนักมาก ไม่เคยร้องหนักเท่านี้มาก่อน มันผิดหวังมาก ความรู้สึกและสายตาที่มองพ่อมันเปลี่ยนไป เค้าเป็นคนทรยศ เค้าหลงเมียน้อยหนักมาก เลิกส่งเงินให้ลูก น้าต้องไปขอเงินจากคุณปู่คุณย่าเป็นค่าขนมและค่าเดินทางไปมหาลัย พ่อเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย ในที่สุดเค้าก็หย่า และย้ายออกจากบ้านไปค่ะ น้าเคยคิดกระทั่งว่าอยากขับรถชนผู้หญิงคนนั้นให้ตายไปเลย (ไม่ได้คิดอย่างเดียว ขับไปรอแล้วด้วย....แต่ไม่เจอกัน) สุดท้ายหลังจากที่พ่อย้ายออกไป ได้คุยกันปีละหน คือในวันเกิดน้า พ่อจะโทรมาค่ะ แต่น้าเองก็ไม่อยากรับ จนปีนึง น้าไม่รับค่ะ เค้าก็พยายามโทรมาหลายรอบ จนเลยวันเกิดไปหลายเดือน มีคนโทรมาว่าพ่อล้ม ให้น้าไปพบโรงพยาบาล พ่อน้าเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย และจะมีชีวิตอยู่ได้ ไม่เกิน 6 เดือนค่ะ (แต่จริงๆน้อยกว่านั้น) สุดท้ายก็ตาย วันที่พ่อตายน้าเสียใจ แต่ไม่ได้ร้องหนักเท่ากับวันที่รู้ว่าพ่อมีคนอื่น เสียใจที่ไม่ได้รับโทรศัพท์ในวันเกิดครั้งสุดท้าย.....
คำแนะนำจากน้า:
- มีรัก...เสื่อมรัก พ่อก็คือพ่อค่ะ เค้าเสื่อมรักแม่หนูแล้ว แต่เค้ายังเป็นพ่อของหนูค่ะ
- อย่าเปิดโอกาสให้พ่อเข้าถึงเงินของแม่และพี่สาว
- อย่าไปต้านเค้าค่ะ เค้าอยากพูดอะไรก็พูดมา (เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา) บอกไว้พ่อประสบความสำเร็จแล้วหนูทำด้วยแน่นอน แต่ตอนนี้ขอกระจายความเสี่ยงไปทำอย่างอื่นก่อนนะ
- บอกแม่ว่า อย่าทนเพื่อหนูค่ะ ทรมานทั้งแม่ทั้งลูก เลือกสิ่งที่ดีให้กับตัวเองค่ะ มันไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว อย่าทนอยู่ในกรอบจำกัดของคำว่าเพื่อครอบครัวเลย และหนูจะอยู่เคียงข้างแม่ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 8
ถ้าเริ่มสังเกตเห็นว่าผู้สูงอายุในบ้านมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปเช่นใช้เงินมากขึ้นอย่างผิดสังเกต กร้าวร้าวรุนแรง หรือซึมเศร้า พูดง่ายๆคืออารมณ์ไม่คงที่ เริ่มมีความอยากอาหารเปลี่ยนไป เริ่มมีความยับยั้งชั่งใจต่ำ ความอดทนต่ำ อะไรที่เคยรอได้กลับรอไม่ได้ เริ่มสนใจดูแลตนเองน้อยลง เริ่มดูแลรักษาความสะอาดร่างกายตัวเองน้อยลง มีปัญหาด้านการตัดสินใจ มีปัญหาด้านการพูด พูดผิดๆถูกๆหรือนึกคำพูดไม่ออก ฯลฯ ลองปรึกษาแพทย์ดูนะคะ
คุณแม่เราเคยมีอาการเหล่านี้ พอไปพบแพทย์เลยเจอว่ามีอาการสมองเสื่อมระยะแรกค่ะ
เนื่องจากสมองส่วนที่เสื่อมไม่ใช่สมองส่วนความจำ ดังนั้นผู้ป่วยจะยังจำสิ่งต่างๆได้ดี แต่จะมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ผู้ป่วยเค้าก็จะไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเค้าถึงเป็นแบบนี้ ผู้ป่วยทุกข์ คนใกล้ตัวก็ทุกข์ค่ะ
รีบไปพบแพทย์นะคะ หากแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าเป็นโรคสมองเสื่อมจริง ยาช่วยได้ค่ะ
ถึงสมองที่เสื่อมไปจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว แต่ยาจะช่วยปรับพฤติกรรมบางอย่าง ช่วยให้ผู้ป่วยอยู่อย่างมีความสุขขึ้นค่ะ
ทุกวันนี้เราเหมือนได้คุณแม่คนเดิม คนที่เคยดูแลเราตอนเด็กๆกลับมา สุขภาพจิตของคุณแม่และสมาชิกในครอบครัวก็ดีขึ้นด้วยค่ะ
พาคุณพ่อไปหาหมอนะคะ เป็นห่วงค่ะ
คุณแม่เราเคยมีอาการเหล่านี้ พอไปพบแพทย์เลยเจอว่ามีอาการสมองเสื่อมระยะแรกค่ะ
เนื่องจากสมองส่วนที่เสื่อมไม่ใช่สมองส่วนความจำ ดังนั้นผู้ป่วยจะยังจำสิ่งต่างๆได้ดี แต่จะมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ผู้ป่วยเค้าก็จะไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเค้าถึงเป็นแบบนี้ ผู้ป่วยทุกข์ คนใกล้ตัวก็ทุกข์ค่ะ
รีบไปพบแพทย์นะคะ หากแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าเป็นโรคสมองเสื่อมจริง ยาช่วยได้ค่ะ
ถึงสมองที่เสื่อมไปจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว แต่ยาจะช่วยปรับพฤติกรรมบางอย่าง ช่วยให้ผู้ป่วยอยู่อย่างมีความสุขขึ้นค่ะ
ทุกวันนี้เราเหมือนได้คุณแม่คนเดิม คนที่เคยดูแลเราตอนเด็กๆกลับมา สุขภาพจิตของคุณแม่และสมาชิกในครอบครัวก็ดีขึ้นด้วยค่ะ
พาคุณพ่อไปหาหมอนะคะ เป็นห่วงค่ะ
แสดงความคิดเห็น
เครียดค่ะ พ่อเปลี่ยนไปมาก เหมือนกลายเป็นคนที่เราไม่รู้จัก แถมติดธุรกิจขายตรงจนเหมือนโดนล้างสมองไปแล้ว
-------------------------------------------------------------------------------------
คิดนานมากค่ะว่าจะสมัครพันทิปมาเขียนเรื่องนี้ดีไหม ทั้งอยากระบาย ทั้งอยากได้คำปรึกษา เรื่องทั้งหมดนี้เราไม่มีเจตนาร้าย เพียงแต่ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป มันท้อแท้ ผิดหวังไปหมด
ยาวหน่อยนะคะ
ตอนเรายังเป็นเด็ก เราเคยสนิทกับพ่อมาก พ่อเราเคยเป็นคนที่น่ารักมากๆค่ะ อารมณ์ดี รักครอบครัว ขยันทำงาน เป็นคนที่ใครๆก็ต้องพูดกับแม่ตลอดว่า แม่โชคดีได้สามีดีมากๆ แม่เราก็พูดแบบนี้มาตลอดตั้งแต่เด็ก คำที่แม่ชอบพูดคือ 'ถ้าจะหาสามี ต้องหาให้ได้แบบพ่อนะ'
แต่พอเริ่มมีสมาร์ทโฟน เริ่มเล่นโซเชี่ยลเป็นพ่อก็เปลี่ยนไปค่ะ แรกๆก็แค่ติดโซเชี่ยล แต่หลังจากนั้นเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น คือ พ่อเรามีกิ๊กค่ะ เป็นชาวเวียดนาม เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนม.ปลาย ประมาณ 7ปีที่แล้วได้ค่ะ เราคิดว่านั่นเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตเราและครอบครัว เป็นเหตุการณ์ที่เราผิดหวังที่สุดในชีวิต บอกตรงๆว่าจขกท. เป็นคนรักครอบครัวมากค่ะ คือคิดมาตลอดว่าตัวเองโชคดีมากๆ แล้วก็ขอบคุณคนบนฟ้าทุกวันที่ได้เกิดมาในครอบครัวนี้ เพราะรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตแล้ว พอเจอเหตุการณ์นี้เหมือนโลกทั้งใบพังลงมา มันมืดมนไปหมด เป็นความผิดหวังอย่างรุนแรง ตอนแม่จับได้ แม่เรานิ่งมาก แม่ไม่ได้โวยวายอะไรเหมือนกลัวว่าทุกอย่างจะกระทบกับลูก แต่เหมือนถามพ่อว่าทำแบบนี้ทำไม แล้วแม่จะแอบร้องไห้ทุกวันค่ะ ส่วนเราในช่วงนั้นไม่สามารถทำใจได้ค่ะ จากเป็นคนร่าเริงสดใส ก็กลายเป็นคนเก็บตัว หม่นหมองพูดน้อยคำ ไม่มีกำลังใจจะทำอะไร และทำร้ายตัวเอง เพราะเราโกรธตัวเองค่ะ เราไม่รู้เราทำผิดอะไร พ่อถึงต้องทำแบบนี้
เราไม่เล่นกับพ่ออีกเลย(ปกติจะเล่นกันทุกวัน) และไม่คุยกับพ่อยาวๆ ตอบแค่คำสั้นๆเวลาที่ต้องคุยจริงๆ ไม่ให้พ่อจับตัว กอด หอม เหมือนปกติ เพราะรู้สึกรังเกียจสิ่งที่พ่อไปจับมา เป็นแบบนั้นอยู่ประมาณ 2ปี กว่าจะทำใจได้ แม่ต้องมาคุยกับเราตลอดว่า ถึงพ่อไม่รักแม่แล้ว แต่พ่อยังรักเรานะ เพราะเราเป็นลูก อย่าเกลียดพ่อ พ่อจะเสียใจ อย่าทำร้ายตัวเอง แม่ใจจะขาดนะ พี่สาวก็มาคุยมาปลอบเราเรื่องนี้ด้วย สุดท้ายเราก็หยุดทำร้ายตัวเองค่ะ (กว่าจะควบคุมตัวเองได้ก็เป็นปีเหมือนกันค่ะ) เราบอกแม่ว่า เราไม่ได้เกลียดพ่อ เราก็ยังรักพ่อมากๆ แต่เราเกลียดสิ่งที่พ่อทำ จากบ้านที่น่ารักอบอุ่นกลายเป็นบรรยากาศเย็นชามากๆ ไม่มีใครคุยเล่นกันเหมือนก่อน แต่เพราะพ่อรักลูกจริงๆค่ะ พ่อก็เลิกเรื่องนี้ไป ช่วงนั้นทุกคนในครอบครัวพยายามมาก พยายามจะเข้าใจเหตุผลของแต่ละคน พยายามแก้ไข และปรับเข้าหากันใหม่ เป็นช่วงเวลาที่ลำบากมากช่วงนึงเลย
ผ่านเรื่องแรกไป ทุกอย่างก็เหมือนจะดีขึ้นค่ะ แต่บ้านเราก็เครียดๆเรื่องการเงิน เพราะขายของไม่ดีเหมือนแต่ก่อน เริ่มมีหนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆช่วงนั้นลูกๆยังเรียนไม่จบด้วย จขกท.ก็ดรอปเรียนค่ะ ไม่ได้มีใครบังคับนะคะ แต่คิดว่าเขาไม่ไหวแล้ว เลยทำงาน freelance งาน part-time ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายและช่วยส่งพี่สาวให้จบเพราะเป็นปีสุดท้าย ช่วงนั้นพ่อก็เริ่มกลับมาติดโซเชี่ยลหนักเหมือนเดิม เริ่มไม่เอาครอบครัว ขี้โมโห พูดจาหยาบคายและรุนแรงมาก แล้วก็เริ่มมารู้จักธุรกิจขายตรง จากเพื่อนๆของเขาเวลาไปงานเลี้ยงรุ่น
ตอนแรกครอบครัวก็ไม่ได้มีใครว่าอะไรมาก คือไม่ได้มีใครสนับสนุนนะคะ มีเตือนๆกันแต่ก็ไม่ได้แอนตี้เขาค่ะ ก็คิดว่าถ้าเขาอยากจะลองก็ให้สิทธิ เสรีภาพกันไป พอสองครั้งแรกล้มเหลว แม่กับพี่สาวก็จะคุยกับพ่อค่ะ ว่ามันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น คนที่ทำได้ก็มี แต่เราไม่เหมาะ คุยเยอะค่ะ พ่อก็เหมือนจะฟังนะคะ แต่อยู่ๆก็ไม่รู้เป็นอะไรขึ้นมา ไปลองสมัครผลิตภัณฑ์อื่นๆ(ตามที่เพื่อนๆมาชวน) จนมาถึงปัจจุบันนี้ พ่อไปสมัครสมาชิกมาไม่รู้กี่อันแล้ว เกิน 5 ค่ะ
คือมันเกิดพอดีมากๆ เพราะพ่อไม่สามารถทำรายได้จากธุรกิจประเภทนี้ได้เลย ที่หนักคือ ค่าใช้จ่ายอะไรในบ้านพ่อไม่สนเลยค่ะ ปล่อยให้เป็นภาระแม่กับลูก งานการไม่สนใจ คือบ้านเราขายอาหาร พ่อก็ไม่ทำค่ะ หยุดร้านไปฟังอบรม พาครอบครัวไปอบรมถึงต่างจังหวัด พอคนในบ้านไม่ไป คัดค้าน จะเหมือนสติแตกทันที พูดจาหยาบคาย รุนแรง ถากถางคนในบ้านว่าไม่เปิดใจโลกแคบ บลาๆ ประชดประชันไม่ยอมทำการทำงาน ประมาณว่าฉันจะทำขายตรง ถ้าพวกเธอไม่สนับสนุน ฉันจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น
แม่ให้เงินไปจ่ายหนี้บัตรเป็นพันๆ พ่อก็ไม่เอาไปจ่ายค่ะ ดันเอาไปซื้ออาหารเสริม กาแฟ สมุนไพรนู่นนี่เพื่อรักษายอด เจ้าหน้าที่โทรมาทวงหนี้ก็ไม่รับสาย ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ จนจะโดนฟ้องอยู่แล้วค่ะ แม่พยายามคุยกับพ่อเกือบทุกวันค่ะ ว่าถ้าอยากทำจริงๆแม่ไม่ได้ห้าม แต่ต้องจัดลำดับความสำคัญ ถ้าไม่มีก็ต้องหยุด เยอะแยะมากค่ะ แต่จบด้วยพ่อเกรี้ยวกราดใส่แม่ว่า 'ก็กับกูมันเดินคนละทาง กูจะไปเมื่อไหร่ก็ได้' จะเลิกกับแม่ซะงั้น เรานี่ได้ยินกับหูเลยค่ะ
พอเราลองไปคุยว่าทำไมชอบธุรกิจนี้ ทำไมไม่เอาไปจ่ายสิ่งที่มันจำเป็นก่อน ก็ตวาดมาเลยว่าอย่ามาอวดเก่งอวดรู้ ไม่ได้คำตอบด้วยซ้ำว่าทำทำไม
ขโมยเงินที่ขายของในร้านทุกวัน 500-1000 บาท ทั้งที่บางวันจะไม่มีเงินไปตลาดอยู่แล้ว ล่าสุดขโมยเงินพี่สาวด้วย เพื่อเอาไปรักษายอดหมดไปหลายหมื่น พอพี่จับได้ ก็โมโหใส่ค่ะ ไม่ขอโทษสักคำ และยังทำต่อเรื่อยๆ ตอนนี้เรื่องนี้เหมือนสร้างความหมางใจให้พี่สาวเราไปเลย
มีคนมาหาพ่อที่บ้านทุกเดือนมาขายของเอายอด วันๆพ่อก็แทบจะไม่ทำอะไรแล้วค่ะ ไม่คุยกับคนในบ้าน เหมือนไม่เอาครอบครัวแล้ว ไม่หลับไม่นอน จ้องแต่โทรศัพท์ เสียบหูฟังเกือบจะ 24 ชั่วโมงเพื่อฟังคนพวกนี้พูดอะไรก็ไม่รู้ คล้ายๆฟังข้อมูล ที่เขาโทรกันในไลน์เป็นกรุ๊ปใหญ่ๆ ฟังจนหลับคามือถือไปทุกวัน
เราสงสารแม่ที่สุดเลยค่ะ ตอนนี้ทั้งสภาพจิตใจและสภาพร่างกายแม่แย่สุดๆ แต่ก็พยายามจะเข้มแข็งมาก แม่ไม่ได้ร้องไห้ให้เรากับพี่สาวเห็น แต่เขาจะแอบร้องไห้ตรงมุมไหนสักมุมของบ้านทุกวัน แม่ชอบพูดกับเราว่า 'ถ้าไม่มีเรากับตา แม่จะไปแล้วจริงๆจะไม่ทนอยู่แบบนี้'
และเรารู้สึกแย่กับพ่อมากขึ้นทุกวัน เหมือนเป็นลูกที่ไม่ดีที่ต้องรู้สึกกับพ่อแบบนี้ แต่มันไม่สามารถควบคุมได้แล้วจริงๆค่ะ เรากลัวว่าวันนึงเราจะไม่รักพ่ออีกแล้ว ทุกวันนี้เหมือนอยู่กับคนแปลกหน้า และรู้สึกเหมือนพ่อกำลังจะทำให้บ้านพังพินาศ เป็นความรู้สึกที่อยากพาแม่กับพี่สาวหนีไปมากๆ
ทั้งหมดนี้ไม่ได้พูดเกินจริงเลย แต่จขกท.หมดหนทางกับพ่อมากๆ ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร ไม่รู้สาเหตุคืออะไร ไม่รู้ต้องแก้ไขยังไง จขกท.คิดถึงพ่อของเราคนเดิมที่เคยรู้จัก มองรูปเก่าๆหรือคิดถึงอดีตก็ต้องร้องไห้ทุกที
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบ และขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆค่ะ
แท็กอะไรผิดต้องขอโทษด้วยนะคะ จขกท.ก็ไม่แน่ใจว่าต้องแท็กอะไร