สวัสดี วันนี้เราจะมาแบ่งปันเรื่องราวความรักที่เป็นรักข้างเดียว เป็นรักแรกของเรา และเป็นคนที่เป็นแรงผลักดันให้เราพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อที่จะได้คู่ควรกับเค้า
เรื่องราวความรักของเรามันเริ่มจากตอนที่เราอยู่ ม.2 ตอนนั้นการเรียนของเราแย่มากจากคนที่เรียนได้ เกรด 3.5 กลายเป็นว่า พอเราอยู่ ม.2 เกรดของเราตอน ม.2 เทอม 1 เหลือ 2.7 จนกระทั่งประมาณกลางเทอม 2 เราได้สมัครเข้าวงโยธวาทิตของโรงเรียนในตำแหน่ง แซกโซโฟน แล้วเราก็ได้รู้จักกับรุ่นน้องคนหนึ่ง น้องเป็นคนที่น่ารัก และ เรียนเก่งมาก น้องเข้าวงโยธวาทิตของโรงเรียนในตำแหน่ง ปิกโคโล่ หลังจากนั้นเรากับน้องก็เริ่มสนิทกัน อาจจะเป็นเพราะเราทั้งสองคนเรียนอยู่ห้องที่เป็นห้องคิงเหมือนกันเราก็เลยสามารถปรึกษากันได้ เราทั้งคู่ก็กลับบ้านด้วยกันบ้าง พอเราเริ่มสนิทกันความรู้สึกที่เรียกว่าความรักที่เป็นรักข้างเดียวก็เริ่มก่อตัวขึ้น เมื่อเรารู้สึกว่ามันเป็นความรัก เราก็เลยบอกเพื่อนว่า เราแอบชอบน้อง แล้วเพื่อนเราก็เลยไปบอกเพื่อน้องแล้วน้องก็เลยรู้ว่า เราชอบน้อง แต่น้องก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งวันที่พวกเราไปทำงานด้วยกัน เราก็เลยถามน้องว่า รู้แล้วใช่มั้ยว่าพี่คิดยังไงกับหนู น้องก็ตอบเราว่า ไม่รู้ แต่เราก็คิดนะตอนนั้นว่า น้องอาจรู้ จนกระทั่งช่วง วาเลนไทน์มาถึง เราตั้งใจจะบอกชอบน้อง แต่เราก็กลัวเกินกว่า จะกล้าไปบอกน้อง ความกลัวของเราทำให้น้องไม่สามารถรู้ได้ว่า เราคิดยังไงกับน้อง หลังจากนั้นเราก็ไม่ค่อยคุยกันเพราะเป็นช่วงปิดเทอม พอเปิดเทอม เราก็พยายามเปลี่ยนตัวเอง ตั้งใจเรียน ตั้งใจซ้อม ถึงแม้จะมีกิจกรรมที่ทำให้เราไม่ได้เข้าเรียน เราก็พยายามถามเพื่อน พยายามตามงานส่งครู แล้วก็ ซ้อมดนตรีจนถึงเย็นแล้วก็กลับบ้าน กลับถึงบ้านบางที่เราก็ต้องมาตามงานที่จะต้องส่งครู ตารางชีวิตของเราเป็นอย่างนี้ประมาณนี้ประมาณ 1 เดือน แต่บางทีน้องก็มา เช็ดเครื่องดนตรีของน้องบ้าง ช่วงเวลาที่เราได้พักจากการซ้อม เราก็มาเล่นกับน้องบ้าง เราก็เลยมีกำลังใจในการซ้อมบ้าง จนกระทั่งเมื่อการแข่งขันดนตรีมาถึง ผลปรากฏว่า วงของเราได้รับรางวัล เรารู้สึกดีใจมาก หลังจากนั้นเราก็ตั้งใจเรียนมาก พอผลการเรียนออกมา เราได้เกรด 3.6 เราดีใจมากแล้วก็หวังว่าน้องจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของเราแต่ไม่เลย น้องไม่ได้รู้สึกกับเรามากกว่าพี่น้องเลย น้องไม่สามารถให้เรามากกว่านี้ได้ ตอนที่เราบอกน้องอีกแค่สามเดือน เราก็จะไปเรียนที่อื่นแล้วนะ น้องตอบกลับเรามาว่า เลิกชอบหนูได้แล้ว เดี๋ยวพี่ไปที่อื่นพี่ก็เจอคนที่ดีกว่าหนู หนูรู้มาตลอดนะมาพี่คิดยังไงกับหนู วินาทีที่น้องพูดอย่างนั้นออกมา คือ เราช็อกแล้วก็เสียใจมาก น้องรู้มาตลอดแต่น้องบอกเราว่าน้องไม่รู้ แต่หลังจากนั้นฌอนก็พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด แต่เราก็บอกตัวเองว่า ขอแค่สามเดือนที่เราได้รักและเจ็บกับความรักครั้งนี้ ก่อนที่เราจะเรียนจบ ม.3 ประมาณ 1 เดือนเราก็เริ่มที่จะทำตัวห่างเหินกับน้อง แล้วอาจเป็นเพราะเราต้องเตรียมตัวสอบเข้าม.4ด้วย เราก็เลยให้เวลากับการเตรียมตัวมากขึ้น เราก็เลยไม่ค่อยมีเวลาจะห่วงความรู้สึกตัวเอง เพราะเราเคยคิดว่าวันหนึ่งที่เราสามาถก้าวเดินต่อไปได้ เราอยากจะกลับไปหาน้องในฐานะอะไรก็ได้ แต่วันนั้นก็ไม่เกิดขึ้น 1 อาทิตย์ก่อนที่เราจะเรียนจบ ม.3 น้องบอกเราว่า หนูกำลังจะย้ายโรงเรียนนะ ยอมรับนะว่าตอนนั้นเรารู้สึกโกรธแล้วก็เสียใจนะ แต่เราก็พยายามเข้าใจน้องว่าน้องว่าน้องก็อาจจะมีสิ่งที่น้องอยากทำ ในวันที่เราเรียนจบม.3 เราได้ให้ของขวัญชิ้นสุดท้ายกับน้อง รู้สึกดีนะที่น้องใช้ของขวัญที่เราให้ หลังจากนั้น เรากับน้องก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จนกระทั่งใกล้ช่วงที่ เราต้องสอบเข้าม.4 เราอ่านหนังสือหนักมาก จนกระทั่งผลสอบออก เราสามาถสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งได้ เราดีใจมากที่เราสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ถ้าน้องได้มาอ่านข้อความนี้ เราอยากบอกน้องนะว่า ขอบคุณนะที่ครั้งหนึ่งโลกได้เหวี่ยงให้เราได้มาเจอกัน ขอบคุณที่เข้ามาเป็นคุณความทรงจำของพี่ ความทรงจำที่ครั้งหนึ่งที่พี่ได้รักเธอถึงแม้จะเป็นพี่รู้สึกอยู่แค่ฝ่ายเดียว ขอโทษที่ตอนนั้นพี่กลัวเกินกว่าจะบอกเธอ สุดท้ายนี้ พี่อยากจะบอกคำที่พี่อยากจะบอกเธอมากที่สุด พี่รักเธอนะ
แด่คุณความทรงจำของเรา - วันที่เรารู้ว่าเธอมีคนที่พร้อมกว่าเรามาดูแลเธอ เสียใจนะแล้วก็โกรธตัวเอง แต่ก็ดีใจที่เจอคนที่พร้อมกว่าเรามาดูแล ขอโทษที่ตอนนั้นกลัวเกินกว่าจะบอก ขอบคุณที่ยอมรับฟังในเรื่องที่พี่ไม่สบายใจ ขอบคุณสำหรับความรักที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ขอบคุณมากนะคะ
ความรักที่เป็นแรงผลักดันให้เรา (ญรักญ) แด่คุณความคุณทรงจำของเรา
เรื่องราวความรักของเรามันเริ่มจากตอนที่เราอยู่ ม.2 ตอนนั้นการเรียนของเราแย่มากจากคนที่เรียนได้ เกรด 3.5 กลายเป็นว่า พอเราอยู่ ม.2 เกรดของเราตอน ม.2 เทอม 1 เหลือ 2.7 จนกระทั่งประมาณกลางเทอม 2 เราได้สมัครเข้าวงโยธวาทิตของโรงเรียนในตำแหน่ง แซกโซโฟน แล้วเราก็ได้รู้จักกับรุ่นน้องคนหนึ่ง น้องเป็นคนที่น่ารัก และ เรียนเก่งมาก น้องเข้าวงโยธวาทิตของโรงเรียนในตำแหน่ง ปิกโคโล่ หลังจากนั้นเรากับน้องก็เริ่มสนิทกัน อาจจะเป็นเพราะเราทั้งสองคนเรียนอยู่ห้องที่เป็นห้องคิงเหมือนกันเราก็เลยสามารถปรึกษากันได้ เราทั้งคู่ก็กลับบ้านด้วยกันบ้าง พอเราเริ่มสนิทกันความรู้สึกที่เรียกว่าความรักที่เป็นรักข้างเดียวก็เริ่มก่อตัวขึ้น เมื่อเรารู้สึกว่ามันเป็นความรัก เราก็เลยบอกเพื่อนว่า เราแอบชอบน้อง แล้วเพื่อนเราก็เลยไปบอกเพื่อน้องแล้วน้องก็เลยรู้ว่า เราชอบน้อง แต่น้องก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งวันที่พวกเราไปทำงานด้วยกัน เราก็เลยถามน้องว่า รู้แล้วใช่มั้ยว่าพี่คิดยังไงกับหนู น้องก็ตอบเราว่า ไม่รู้ แต่เราก็คิดนะตอนนั้นว่า น้องอาจรู้ จนกระทั่งช่วง วาเลนไทน์มาถึง เราตั้งใจจะบอกชอบน้อง แต่เราก็กลัวเกินกว่า จะกล้าไปบอกน้อง ความกลัวของเราทำให้น้องไม่สามารถรู้ได้ว่า เราคิดยังไงกับน้อง หลังจากนั้นเราก็ไม่ค่อยคุยกันเพราะเป็นช่วงปิดเทอม พอเปิดเทอม เราก็พยายามเปลี่ยนตัวเอง ตั้งใจเรียน ตั้งใจซ้อม ถึงแม้จะมีกิจกรรมที่ทำให้เราไม่ได้เข้าเรียน เราก็พยายามถามเพื่อน พยายามตามงานส่งครู แล้วก็ ซ้อมดนตรีจนถึงเย็นแล้วก็กลับบ้าน กลับถึงบ้านบางที่เราก็ต้องมาตามงานที่จะต้องส่งครู ตารางชีวิตของเราเป็นอย่างนี้ประมาณนี้ประมาณ 1 เดือน แต่บางทีน้องก็มา เช็ดเครื่องดนตรีของน้องบ้าง ช่วงเวลาที่เราได้พักจากการซ้อม เราก็มาเล่นกับน้องบ้าง เราก็เลยมีกำลังใจในการซ้อมบ้าง จนกระทั่งเมื่อการแข่งขันดนตรีมาถึง ผลปรากฏว่า วงของเราได้รับรางวัล เรารู้สึกดีใจมาก หลังจากนั้นเราก็ตั้งใจเรียนมาก พอผลการเรียนออกมา เราได้เกรด 3.6 เราดีใจมากแล้วก็หวังว่าน้องจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของเราแต่ไม่เลย น้องไม่ได้รู้สึกกับเรามากกว่าพี่น้องเลย น้องไม่สามารถให้เรามากกว่านี้ได้ ตอนที่เราบอกน้องอีกแค่สามเดือน เราก็จะไปเรียนที่อื่นแล้วนะ น้องตอบกลับเรามาว่า เลิกชอบหนูได้แล้ว เดี๋ยวพี่ไปที่อื่นพี่ก็เจอคนที่ดีกว่าหนู หนูรู้มาตลอดนะมาพี่คิดยังไงกับหนู วินาทีที่น้องพูดอย่างนั้นออกมา คือ เราช็อกแล้วก็เสียใจมาก น้องรู้มาตลอดแต่น้องบอกเราว่าน้องไม่รู้ แต่หลังจากนั้นฌอนก็พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด แต่เราก็บอกตัวเองว่า ขอแค่สามเดือนที่เราได้รักและเจ็บกับความรักครั้งนี้ ก่อนที่เราจะเรียนจบ ม.3 ประมาณ 1 เดือนเราก็เริ่มที่จะทำตัวห่างเหินกับน้อง แล้วอาจเป็นเพราะเราต้องเตรียมตัวสอบเข้าม.4ด้วย เราก็เลยให้เวลากับการเตรียมตัวมากขึ้น เราก็เลยไม่ค่อยมีเวลาจะห่วงความรู้สึกตัวเอง เพราะเราเคยคิดว่าวันหนึ่งที่เราสามาถก้าวเดินต่อไปได้ เราอยากจะกลับไปหาน้องในฐานะอะไรก็ได้ แต่วันนั้นก็ไม่เกิดขึ้น 1 อาทิตย์ก่อนที่เราจะเรียนจบ ม.3 น้องบอกเราว่า หนูกำลังจะย้ายโรงเรียนนะ ยอมรับนะว่าตอนนั้นเรารู้สึกโกรธแล้วก็เสียใจนะ แต่เราก็พยายามเข้าใจน้องว่าน้องว่าน้องก็อาจจะมีสิ่งที่น้องอยากทำ ในวันที่เราเรียนจบม.3 เราได้ให้ของขวัญชิ้นสุดท้ายกับน้อง รู้สึกดีนะที่น้องใช้ของขวัญที่เราให้ หลังจากนั้น เรากับน้องก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จนกระทั่งใกล้ช่วงที่ เราต้องสอบเข้าม.4 เราอ่านหนังสือหนักมาก จนกระทั่งผลสอบออก เราสามาถสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งได้ เราดีใจมากที่เราสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ถ้าน้องได้มาอ่านข้อความนี้ เราอยากบอกน้องนะว่า ขอบคุณนะที่ครั้งหนึ่งโลกได้เหวี่ยงให้เราได้มาเจอกัน ขอบคุณที่เข้ามาเป็นคุณความทรงจำของพี่ ความทรงจำที่ครั้งหนึ่งที่พี่ได้รักเธอถึงแม้จะเป็นพี่รู้สึกอยู่แค่ฝ่ายเดียว ขอโทษที่ตอนนั้นพี่กลัวเกินกว่าจะบอกเธอ สุดท้ายนี้ พี่อยากจะบอกคำที่พี่อยากจะบอกเธอมากที่สุด พี่รักเธอนะ
แด่คุณความทรงจำของเรา - วันที่เรารู้ว่าเธอมีคนที่พร้อมกว่าเรามาดูแลเธอ เสียใจนะแล้วก็โกรธตัวเอง แต่ก็ดีใจที่เจอคนที่พร้อมกว่าเรามาดูแล ขอโทษที่ตอนนั้นกลัวเกินกว่าจะบอก ขอบคุณที่ยอมรับฟังในเรื่องที่พี่ไม่สบายใจ ขอบคุณสำหรับความรักที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ขอบคุณมากนะคะ