คือตอนนี้รร.เรามีทุนแลกเปลี่ยนเราเลยคุยกับคุณแม่
ว่า เออเราอยากไปนะเพราะทุนนี้อาจจะมีแค่ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วอาจารย์เขาบอกมา
ส่วนเรากับแม่ก็คุยๆๆๆ
แล้วแม่ก็พูดประโยคนึงมาว่า
" ถึงแกจะไปเเลกเปลี่ยนตอนม.4แต่ตอนม.5-ม.6แกไม่ไปเขาก็ไม่สนใจหรอกเขาก็จะเอาคนที่ไปตอนม.5นั้นแหละ"
เรางงมากกับคำพูดของแม่เราก็ถามแม่ว่ามันจะไม่ช่วยได้ยังไง
แล้วก็มีการเถียงกัน
แม่เราก็บอกเดี๋ยวพ่อจะกลับมาแล้วเชื่อสิพ่อก็ต้องพูดแบบนี้พี่ชายแกด้วย
แต่พอพ่อกลับมาเราก็ไม่ได้คุยกันเราเพราะเราเอาแตาร้องไห้อยู่บนห้อง
ที่เราอยากไปไม่ได้อยากจะไปเที่ยวนะคือเรายอมรับความเราเป็นคนหัวไม่ดีเลยถ้าเทียบกับพี่ชายเราเราเก่งก็แค่อังกฤษ ประวัติศาสตร์ เเล้วคือเราเรียนสายศิปล์ญี่ปุ่นเราก็อยากจะเอาภาษามาเพราะมหาลัยเดี๋ยวนี้การแข่งขันสูงเหลือเกินเราอยากได้เครื่องชี้วัดว่า เราได้ไปมานะ เขาจะได้รับเราไปพิจรณาสักนิดนึง
มันเลยกลายเป็นปมด้อยเราเลยค่ะเวลามีใครสักคนพูดเรื่องทุนเราก็อยากจะร้องไห้เพราะรู้ว่ามันได้แต่ไปไม่ได้
จริงๆหรอความคิดที่ว่าเราไปแลกเปลี่ยนตอนนี้อีก2ปีเขาก็ไม่สนใจเรา?
ไปเเลกเปลี่ยนตอนม.4แต่ตอนม.5,ม.6ไม่ได้ไปมหาลัยจะไม่สนใจจริงหรอ?
ว่า เออเราอยากไปนะเพราะทุนนี้อาจจะมีแค่ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วอาจารย์เขาบอกมา
ส่วนเรากับแม่ก็คุยๆๆๆ
แล้วแม่ก็พูดประโยคนึงมาว่า
" ถึงแกจะไปเเลกเปลี่ยนตอนม.4แต่ตอนม.5-ม.6แกไม่ไปเขาก็ไม่สนใจหรอกเขาก็จะเอาคนที่ไปตอนม.5นั้นแหละ"
เรางงมากกับคำพูดของแม่เราก็ถามแม่ว่ามันจะไม่ช่วยได้ยังไง
แล้วก็มีการเถียงกัน
แม่เราก็บอกเดี๋ยวพ่อจะกลับมาแล้วเชื่อสิพ่อก็ต้องพูดแบบนี้พี่ชายแกด้วย
แต่พอพ่อกลับมาเราก็ไม่ได้คุยกันเราเพราะเราเอาแตาร้องไห้อยู่บนห้อง
ที่เราอยากไปไม่ได้อยากจะไปเที่ยวนะคือเรายอมรับความเราเป็นคนหัวไม่ดีเลยถ้าเทียบกับพี่ชายเราเราเก่งก็แค่อังกฤษ ประวัติศาสตร์ เเล้วคือเราเรียนสายศิปล์ญี่ปุ่นเราก็อยากจะเอาภาษามาเพราะมหาลัยเดี๋ยวนี้การแข่งขันสูงเหลือเกินเราอยากได้เครื่องชี้วัดว่า เราได้ไปมานะ เขาจะได้รับเราไปพิจรณาสักนิดนึง
มันเลยกลายเป็นปมด้อยเราเลยค่ะเวลามีใครสักคนพูดเรื่องทุนเราก็อยากจะร้องไห้เพราะรู้ว่ามันได้แต่ไปไม่ได้
จริงๆหรอความคิดที่ว่าเราไปแลกเปลี่ยนตอนนี้อีก2ปีเขาก็ไม่สนใจเรา?