สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
1. ประกันฝั่งเรา ชดใช้เราตามมูลค่าเสียหายไม่เกินทุนประกัน
ประกันฝ่ายเรา เรียกร้องค่าเสียหายที่ชกเชยให้เราจากผู้กระทำให้เกิดความเสียหาย
2. ส่วนเสียหายส่วนที่นอกเหนือจากประกันชดเชยให้ผู้เสียหาย
ผู้เสียหายต้องเรียกร้องขอชดเชย ค่าเสียหายจากผู้กระทำให้เกิดความเสียหายเองโดยตรง
สรุปคือ ประกันฝั่งเราออกให้ก่อน ในส่วนไม่เกินทุนประกัน แล้วประกันจะไปเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีอีกทอด
ในส่วนที่เกินทุนประกัน เราต้องไปทำเรื่องเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีโดยตรงแทน
ซึ่งต้องเรียกร้องจาก บริษัทประกันของคู่กรณี และคู่กรณี เป็นจำเลยที่ 2 และ 1
แม้บริษัทประกันเดียวกัน ก็ถือว่าต่างวาระ
เนื่องจาก การที่บริษัทประกันชดเชยให้เราคือ
เป็นสัญญาทางแพ่ง ของเรากับบริษัทประกันตามข้อ 1
ดังนั้น บริษัทประกันชดเชยตามสัญญาทางแพ่งที่ทำไว้แล้ว ดังนั้นสัญญาชดเชยความเสียหายจากกรรมธรรม์ของฝั่งเรา จบแค่นี้
ส่วนที่เกินจากนั้น เป็นการชดใช้ความเสียหายตามข้อ 2 ซึ่งเราต้องเรียกร้องค่าเสียหายส่วนเกินจากคู่กรณี (เพราะค่าเสียหายตามข้อ 1 เรารับผลประโยชน์แล้ว และยกอำนาจการเรียกร้องค่าเสียหายส่วนนั้นให้ บริษัทประกันไปเรียกร้องเอากับคู่กรณีแทนแล้ว)
ดังนั้นค่าเสียหายส่วนเกินจึงเป็นสิทธิ์ของผู้เสียหายที่สามารถเรียกร้องได้อยู่
ดังนั้นจึงแนะนำให้จ้างทนายเพราะสุดท้ายก็ต้องใช้อยู่ดี และถ้าไม่ได้จ้างทำแต่ต้น อาจจะหาทนายมารับช่วงยาก หรือมีรูปคดีที่เสียเปรียบจากคำให้การในชั้นสอบสวน
ประกันฝ่ายเรา เรียกร้องค่าเสียหายที่ชกเชยให้เราจากผู้กระทำให้เกิดความเสียหาย
2. ส่วนเสียหายส่วนที่นอกเหนือจากประกันชดเชยให้ผู้เสียหาย
ผู้เสียหายต้องเรียกร้องขอชดเชย ค่าเสียหายจากผู้กระทำให้เกิดความเสียหายเองโดยตรง
สรุปคือ ประกันฝั่งเราออกให้ก่อน ในส่วนไม่เกินทุนประกัน แล้วประกันจะไปเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีอีกทอด
ในส่วนที่เกินทุนประกัน เราต้องไปทำเรื่องเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีโดยตรงแทน
ซึ่งต้องเรียกร้องจาก บริษัทประกันของคู่กรณี และคู่กรณี เป็นจำเลยที่ 2 และ 1
แม้บริษัทประกันเดียวกัน ก็ถือว่าต่างวาระ
เนื่องจาก การที่บริษัทประกันชดเชยให้เราคือ
เป็นสัญญาทางแพ่ง ของเรากับบริษัทประกันตามข้อ 1
ดังนั้น บริษัทประกันชดเชยตามสัญญาทางแพ่งที่ทำไว้แล้ว ดังนั้นสัญญาชดเชยความเสียหายจากกรรมธรรม์ของฝั่งเรา จบแค่นี้
ส่วนที่เกินจากนั้น เป็นการชดใช้ความเสียหายตามข้อ 2 ซึ่งเราต้องเรียกร้องค่าเสียหายส่วนเกินจากคู่กรณี (เพราะค่าเสียหายตามข้อ 1 เรารับผลประโยชน์แล้ว และยกอำนาจการเรียกร้องค่าเสียหายส่วนนั้นให้ บริษัทประกันไปเรียกร้องเอากับคู่กรณีแทนแล้ว)
ดังนั้นค่าเสียหายส่วนเกินจึงเป็นสิทธิ์ของผู้เสียหายที่สามารถเรียกร้องได้อยู่
ดังนั้นจึงแนะนำให้จ้างทนายเพราะสุดท้ายก็ต้องใช้อยู่ดี และถ้าไม่ได้จ้างทำแต่ต้น อาจจะหาทนายมารับช่วงยาก หรือมีรูปคดีที่เสียเปรียบจากคำให้การในชั้นสอบสวน
แสดงความคิดเห็น
เครียดหนัก รถถูกชน อู่บอกมีสิทธิ์ ตีเป็นซาก แต่ทุนประกันน้อยกว่ายอดผ่อนไฟแนนซ์เยอะ
ประกันชั้น 1 อู่ทั้งคู่ ผมเป็นฝ่ายถูก 100% แฟนไม่เป็นไรมาก
อู่ ส่ง ประเมินให้ประกัน อู่บอกผมว่ามีสิทธิ์ตีคืนซาก
ผมเพิ่งจัดไฟแนนซ์ใหม่ 490,000 แต่ทุนประกันแค่ 360,000 บาท
ถ้าเป็นแบบนี้ผมต้องจ่ายส่วนต่างเกือบแสนห้า เครียดหนักเลยครับ
รถเราขับอยู่ดีดี รถใช้งานทำมาหากิน ใครพอจะมีวิธีดีดีบ้างครับ
อธิบายเพิ่มนะครับเรื่องใช้ประกันของใคร
- ประกันของผม เมืองไทย ผมถูก 100 % จากตำรวจ และอีกฝ่ายคือไอโออิ ครับ
-ประกันของผม และถามพี่ๆ ที่แผนกประกัน แผนกเคลม เค้าว่าต้องใช้ประกันเราก่อนตามกฏแล้ว
ประกันเราจะไปเอาจากประกันอีกฝั่งเองครับ
-ถามอู่แล้ว ไม่ถึงเกียร์แตกครับ น่าจะซ่อมได้ อาทิตย์นี้เมืองไทยจะติดต่ออู่กลับมาเรื่องอะไหล่เคลม
-อีกฝั่งเงียบหายเลยครับ เด็กวัยรุ่น ผมเคยคุยต่อหน้าหมวดเวรเรื่องจะเอารถเข้าศูนย์ ส่วนต่างจ่ายคนละครึ่งเพราประกันอู่
แต่เค้าไม่ยอมจ่ายสักบาทเดียว
สรุปผมคงรอผลจากประกันเมืองไทยก่อนนะครับ ว่าซ่อมได้มั้ย ยังงัย
ขอบคุณทุกๆคนมากครับ
*** อัพเดทนะครับ ประกันซ่อมครับ ตอนนี้กำลังจ่ายอะไหล่ครับ ****
ผมจะมาอัพเดทการซ่อมรถให้เรื่อยๆนะ