ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนนะครับ ไม่ได้มีอคติอะไรกับดารานำทั้งคู่ ไม่ได้ไม่ชอบหนังไทย ผมดูหนังไทยบ่อยด้วยนะ และก็ไม่ได้เกลียดการเมืองจนเอามาโยงเข้ากับหนัง ที่เขียนนี่ผมลองวิเคราะห์ตามความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ เรื่องของหนังไทย #รัก2ปียินดีคืนเงิน หนังที่ได้พระเอกละครที่กำลังฮอตอย่าง ปั้นจั่น-ปรมะ และนางเอกน่ารักอย่าง เอสเธอร์ มารับบทนำ หนังกระแสรีวิวจากคนที่ได้ดูรอบพรีวิวเห็นว่าดีมาก แต่ทำไมล่ะวันแรกที่เข้าฉายถึงได้มีปรากฏการณ์โรงหนังโล่งขนาดนี้ขึ้นได้
ข้อแรกเลย ดารา - ปั้นจั่น เป็นนักแสดงที่มีฝีมือในระดับนึงเลยนะครับ และมีแฟนคลับละครติดตามและชื่นชอบเป็นจำนวนมาก ส่วน เอสเธอร์ ก็มีแฟนละครติดตามผลงานอยู่ตลอด "เพียงแต่" หนังกับละครไม่เหมือนกัน คนเสพย์หนังกับคนเสพย์ละคร สังเกตดีๆ มีคาแรคเตอร์ไม่เหมือนกันเลย อาจจะมีกลุ่มเดียวกันบ้าง แต่เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่ติดละครแล้วจะชอบดูหนัง เพราะฉะนั้น แฟนละครของทั้งคู่ อาจจะไม่ใช่คนที่จะซื้อตั๋วเข้าไปนั่งดูหนังที่ยาวกว่าสองชั่วโมงในโรงหนังก็ได้ หรืออาจจะเป็นคนดูละครที่ชอบดูหนัง อารมณ์ของนักดูหนังจะมีความต้องการบางอย่างที่ไม่เหมือนการดูละคร และอีกอย่างที่สำคัญ ผมมองว่า ปั้นจั่น และ เอสเธอร์ ไม่ใช่นักแสดงแม่เหล็กที่ดึงดูดนักดูหนังได้ดีพอ ปั้นจั่น เล่นหนังมา 5 เรื่องแล้ว และผมก็ต้องบอกว่า ผมเคยดูทุกเรื่อง แต่จำไม่ได้สักเรื่อง เพราะตัวหนังมันไม่มีอะไรน่าจดจำเท่าไหร่ ถ้าบอกว่า อ้าว...แล้วคนอื่นที่เคยเล่นละครมาเบ่นหนังแล้วดังก็มีหนิ อันนี้ไม่เถียง แต่ถ้าคนนั้นคือ มาริโอ้ มาวเร่อ, ใหม่ ดาวิกา มันจะไม่มีคนดูได้ยังไงครับ
ข้อสอง การเมือง - ข้อนี้ยิ่งแล้วใหญ่ การเมืองจะมามีผลอะไรกับคนดูหนังล่ะครับ ถ้ามีผลจริงก็ต้องกระทบทุกวงการ ผมไม่เห็นว่าการที่ดาราออกมาโพสด่าการเมืองหรือกระทบกับใครหลายๆ คนจะมีผลกับหนังมากขนาดนี้ ปั้นจั่น แสดงออกชัดเจนอยู่แล้วทางการเมือง และเขาก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นมาถึงทุกวันนี้ ยิ่งถ้าเป็นคนดูหนังจริงๆ ผมไม่เห็นถึงเหตุผลที่นักดูหนังจะเอาคำพูดของ ปั้นจั่น มาประกอบการตัดสินใจบอยคอร์ทหนังเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะคนเสพย์ผลงานจะไม่ได้ยึดติดอะไรมากมายกับสิ่งเหล่านี้หรอก ไม่เชื่อลองนึกถึงแฟนคลับ พี่โจนูโว, หรือพี่เสกโลโซ สิครับ ไม่ว่าพี่แกจะแสดงออกอะไรยังไง คนก็ยังชื่นชอบผลงานอยู่ดี และถ้ามีคอนเสิร์ท นูโว หรือ โลโซ รียูเนี่ยน มีหรือแฟนคลับจะไม่แห่ไปจองตั๋ว
ข้อสาม ค่ายหนัง - อันนี้แหละที่ผมว่าเป็นตัวแปรสำคัญเลย เปิดตัวหนังเรื่องแรกไปด้วยกระแสตอบรับที่เรียกว่าโคตรดีอย่างเรื่อง "20 ใหม่ ยูเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์น" ซึ่งเลือก ใหม่ ดาวิกา มาแสดง นอกจากแสดงได้ดี บทหนังดี การประชาสัมพันธ์ดีใหม่ดาวิกายังร้องเพลงประกอบได้เพราะสุดๆ หนังเรื่องนี้ถือว่าองค์ประกอบยอดเยี่ยมมาก แต่กับเรื่องนี้ รัก 2 ปียินดีคืนเงิน การโปรโมทหนังผมกลับมองว่าไม่ได้ดึงเอาจุดเด่นอะไรของหนังออกมานอกจากโชว์หน้าดาราสองคนทำหน้ากุ๊กกิ๊กใส่กันไปมา ทำให้ตัวอย่างหนังไม่ได้ดึงดูดให้คนดูอยากดูได้ บวกกับที่บอกว่า การเลือกดาราก็มีผล ดาราแม่เหล็กอย่าง ใหม่ ดาวิกา ทำให้หนังและค่ายหนังมือใหม่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ไปแล้ว แต่กับเรื่องนี้กลายเป็นดาราที่เป็นแม่เหล็กของวงการละคร แต่กลับไม่สามารถดึงดูคนดูได้ และเรื่องสุดท้ายที่ผมมองว่าเป็นปัจจัยหลักก็คือ หนังวางโปรแกรมฉายในสัปดาห์ที่มีหนังเข้าฉายพร้อมกันถึง 7-8 เรื่อง และเจอหนังฟอร์มยักษ์ที่คนดูรอคอยอย่าง Toy Story 4 อีกต่างหาก อันนี้แหละผมว่าพลาดมหันต์ เท่าที่ผมรู้มาคือค่ายหนังใหญ่ๆ จะมีการเช็คว่าค่ายหนังอื่นๆ มี Line Up เดือนไหนยังไง ถ้าหนังเราไม่แน่จริง จะมีการเลี่ยงโปรแกรมฉายไม่ให้ชนกัน ถามว่าถ้าเป็นคุณ ไม่ต้องนับ Toy Story นะ ผมให้เรียงลำดับความน่าดู Rocketman (หนังประวัติ Elton John นำแสดงโดย Taron Egerton), J T RoLoy (นำแสดงโดย Kristen Stewart และ Laura Dern), Hummingbird Project (นำแสดงโดย Jessie Eisenberg) เอาแค่สามเรื่อง กับ รัก 2 ปียินดีคืนเงิน คุณจะเลือกดูอะไรก่อนล่ะ
ฝากเพจหนังเล้กๆ ด้วยนะครับ >>> www.facebook.com/DoonangGunmai
วิเคราะห์กันมั๊ย หนังไทยแป้กตั้งแต่วันแรกที่เข้าฉาย เพราะอะไรกันแน่ ดารา, การเมือง, หรือค่ายหนัง?
ข้อแรกเลย ดารา - ปั้นจั่น เป็นนักแสดงที่มีฝีมือในระดับนึงเลยนะครับ และมีแฟนคลับละครติดตามและชื่นชอบเป็นจำนวนมาก ส่วน เอสเธอร์ ก็มีแฟนละครติดตามผลงานอยู่ตลอด "เพียงแต่" หนังกับละครไม่เหมือนกัน คนเสพย์หนังกับคนเสพย์ละคร สังเกตดีๆ มีคาแรคเตอร์ไม่เหมือนกันเลย อาจจะมีกลุ่มเดียวกันบ้าง แต่เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่ติดละครแล้วจะชอบดูหนัง เพราะฉะนั้น แฟนละครของทั้งคู่ อาจจะไม่ใช่คนที่จะซื้อตั๋วเข้าไปนั่งดูหนังที่ยาวกว่าสองชั่วโมงในโรงหนังก็ได้ หรืออาจจะเป็นคนดูละครที่ชอบดูหนัง อารมณ์ของนักดูหนังจะมีความต้องการบางอย่างที่ไม่เหมือนการดูละคร และอีกอย่างที่สำคัญ ผมมองว่า ปั้นจั่น และ เอสเธอร์ ไม่ใช่นักแสดงแม่เหล็กที่ดึงดูดนักดูหนังได้ดีพอ ปั้นจั่น เล่นหนังมา 5 เรื่องแล้ว และผมก็ต้องบอกว่า ผมเคยดูทุกเรื่อง แต่จำไม่ได้สักเรื่อง เพราะตัวหนังมันไม่มีอะไรน่าจดจำเท่าไหร่ ถ้าบอกว่า อ้าว...แล้วคนอื่นที่เคยเล่นละครมาเบ่นหนังแล้วดังก็มีหนิ อันนี้ไม่เถียง แต่ถ้าคนนั้นคือ มาริโอ้ มาวเร่อ, ใหม่ ดาวิกา มันจะไม่มีคนดูได้ยังไงครับ
ข้อสอง การเมือง - ข้อนี้ยิ่งแล้วใหญ่ การเมืองจะมามีผลอะไรกับคนดูหนังล่ะครับ ถ้ามีผลจริงก็ต้องกระทบทุกวงการ ผมไม่เห็นว่าการที่ดาราออกมาโพสด่าการเมืองหรือกระทบกับใครหลายๆ คนจะมีผลกับหนังมากขนาดนี้ ปั้นจั่น แสดงออกชัดเจนอยู่แล้วทางการเมือง และเขาก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นมาถึงทุกวันนี้ ยิ่งถ้าเป็นคนดูหนังจริงๆ ผมไม่เห็นถึงเหตุผลที่นักดูหนังจะเอาคำพูดของ ปั้นจั่น มาประกอบการตัดสินใจบอยคอร์ทหนังเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะคนเสพย์ผลงานจะไม่ได้ยึดติดอะไรมากมายกับสิ่งเหล่านี้หรอก ไม่เชื่อลองนึกถึงแฟนคลับ พี่โจนูโว, หรือพี่เสกโลโซ สิครับ ไม่ว่าพี่แกจะแสดงออกอะไรยังไง คนก็ยังชื่นชอบผลงานอยู่ดี และถ้ามีคอนเสิร์ท นูโว หรือ โลโซ รียูเนี่ยน มีหรือแฟนคลับจะไม่แห่ไปจองตั๋ว
ข้อสาม ค่ายหนัง - อันนี้แหละที่ผมว่าเป็นตัวแปรสำคัญเลย เปิดตัวหนังเรื่องแรกไปด้วยกระแสตอบรับที่เรียกว่าโคตรดีอย่างเรื่อง "20 ใหม่ ยูเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์น" ซึ่งเลือก ใหม่ ดาวิกา มาแสดง นอกจากแสดงได้ดี บทหนังดี การประชาสัมพันธ์ดีใหม่ดาวิกายังร้องเพลงประกอบได้เพราะสุดๆ หนังเรื่องนี้ถือว่าองค์ประกอบยอดเยี่ยมมาก แต่กับเรื่องนี้ รัก 2 ปียินดีคืนเงิน การโปรโมทหนังผมกลับมองว่าไม่ได้ดึงเอาจุดเด่นอะไรของหนังออกมานอกจากโชว์หน้าดาราสองคนทำหน้ากุ๊กกิ๊กใส่กันไปมา ทำให้ตัวอย่างหนังไม่ได้ดึงดูดให้คนดูอยากดูได้ บวกกับที่บอกว่า การเลือกดาราก็มีผล ดาราแม่เหล็กอย่าง ใหม่ ดาวิกา ทำให้หนังและค่ายหนังมือใหม่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ไปแล้ว แต่กับเรื่องนี้กลายเป็นดาราที่เป็นแม่เหล็กของวงการละคร แต่กลับไม่สามารถดึงดูคนดูได้ และเรื่องสุดท้ายที่ผมมองว่าเป็นปัจจัยหลักก็คือ หนังวางโปรแกรมฉายในสัปดาห์ที่มีหนังเข้าฉายพร้อมกันถึง 7-8 เรื่อง และเจอหนังฟอร์มยักษ์ที่คนดูรอคอยอย่าง Toy Story 4 อีกต่างหาก อันนี้แหละผมว่าพลาดมหันต์ เท่าที่ผมรู้มาคือค่ายหนังใหญ่ๆ จะมีการเช็คว่าค่ายหนังอื่นๆ มี Line Up เดือนไหนยังไง ถ้าหนังเราไม่แน่จริง จะมีการเลี่ยงโปรแกรมฉายไม่ให้ชนกัน ถามว่าถ้าเป็นคุณ ไม่ต้องนับ Toy Story นะ ผมให้เรียงลำดับความน่าดู Rocketman (หนังประวัติ Elton John นำแสดงโดย Taron Egerton), J T RoLoy (นำแสดงโดย Kristen Stewart และ Laura Dern), Hummingbird Project (นำแสดงโดย Jessie Eisenberg) เอาแค่สามเรื่อง กับ รัก 2 ปียินดีคืนเงิน คุณจะเลือกดูอะไรก่อนล่ะ
ฝากเพจหนังเล้กๆ ด้วยนะครับ >>> www.facebook.com/DoonangGunmai