ไปดูหนัง รัก2ปี ยินดีคืนเงิน (2019) มาเมื่อคืน เพราะว่างๆไม่รู้จะดูหนังอะไร ส่วนตัวไม่ได้สนดราม่าอะไร เพราะเป็นเรื่องทัศนคติส่วนตัวของคนแสดง สนใจเนื้อหาของหนังมากกว่า และคิดว่าทุกคนมีสิทธิ์ในการตัดสินใจว่าจะดูหรือไม่ เอาเป็นว่าถ้าดูแล้วเราจะได้เรียนรู้อะไรได้จากหนังเรื่องนี้ดีกว่า
[Spoiled Alert] รัก2ปี ยินดีคืนเงิน(2019) in cinema คะแนน (8/10)💵💵💵
[ประเภท] Romantic Comedy, Drama
[เรื่องย่อ] พระเอกผู้เคยผิดหวังในความรักคิดแผนกรมธรรม์ประกัน ว่าคนจะเลิกกันใน 2 ปี โดยวิเคราะห์จากค่าสถิติ ในขณะที่นางเอกบูชาความรัก โลกสวย พระเอกหมั่นไส้จึงอยากแกล้ง
[ความน่าสนใจของเรื่อง] เป็นหนังที่สื่อความรักได้ดีมากเรื่องนึง โดยเฉพาะคู่ที่เลิกรากัน ดูแล้วสนุกปนหน่วง หลายอารมณ์และเต็มไปด้วยคำถาม
ตัวละครทุกตัวน่าสนใจในบริบทของมันเอง ชอบสีหน้าแววตา ความรู้สึกของตัวแสดง
วิเคราะห์ได้ข้อคิดแฝงตามนี้
1. เราไม่สามารถบังคับความรักคนอื่นให้เป็นดั่งใจเราต้องการได้ มันมีปัจจัยหลายอย่างมาก
นางเอกพยายามเต็มที่ๆจะให้หลายๆคู่ไม่เลิกกัน สุดท้ายก็จบลงที่การเลิกลา
2. คนรักกันต้องปกป้องกัน
ในเรื่องจะได้เห็นความหัวโบราณ เจ้าตัดสินแต่อ่อนโยนของแม่สะใภ้และความไม่เป็นผู้นำของลูกเขย แม่สะใภ้ออกจะหัวโบราณแต่จริงๆแล้วใจดีและให้โอกาสมากๆ แรกๆแอนตี้สุดๆ แต่ก็เพราะไม่เข้าใจ จริงๆก็พร้อมที่จะเรียนรู้และเปิดรับ ทำโหดไปเท่านั้นเอง
เมื่อมีปัญหา แม่ให้ตัดสินใจว่าจะคบหรือเลิกกับว่าที่สะใภ้ ลูกเขยบอก "แล้วแต่แม่เลยครับ" ว่าที่สะใภ้รู้สึกแย่ บอก "รู้อะไรไหม คนที่รักกัน ต้องปกป้องกัน" แล้วผู้หญิงเป็นฝ่ายขอเลิกเองเลย เด็ดตรงนี้ คือปัญหาไม่ได้อยู่ที่แม่สะใภ้ แต่คือความเหยาะแหยะของตัวลูกเขยตะหาก
3. คนเราจะเห็นค่าก็ต่อเมื่อเสียมันไปแล้ว
"ที่จริงแล้วคุณไม่อยากเลิกกับเขาใช่ไหม" นางเอกถาม
"มันไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือ ตอนนี้เราเป็นใคร และเขาเป็นใคร" แฟนสาวกล่าวถึง Rapperหนุ่ม
เมื่อโด่งดังแล้วก็ขอเลิก ไม่สนใจอะไรเลย อยากจะเลิกกับแฟนให้จบๆไป แม้จะผ่านร้อนหนาวด้วยกันมา
ไม่สนแม้เพลงแห่งความทรงจำที่ทำร่วมกับแฟนมา สุดท้ายแฟน ฆ่าตัวตาย ถึงค่อยมาเปิดฟัง แต่ก็สายไปแล้ว
ตอนที่ผู้ชายขอพระเอกว่า "ขอให้กรมธรรม์ยังอยู่ไปเรื่อยๆได้ไหม เพราะมันเป็นสิ่งดีๆสิ่งสุดท้ายที่เราทำด้วยกัน"
"ขอโทษครับ ผมทำให้ไม่ได้เพราะไม่ตรงเงื่อนไข" พระเอกกล่าว
เหมือนการที่เราตัดสินใจเลิกไปแล้ว ได้จากไปแล้วตลอดกาล ไม่เหลืออะไรไว้อีก อย่าได้เรียกร้องอะไร คุณทำตัวเอง
4. คุณมีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ แต่คุณไม่ทำ
ช่วงไม่กี่วินาทีสุดท้ายที่ต้องตัดสินใจ อาจเปลี่ยนเหตุการณ์ไปตลอดที่จะให้ใครหายไปหรือแม้แต่ดึงใครกลับมา
แต่สุดท้าย เราเลือกที่จะปล่อยให้มันเกิดขึ้นเอง น่าเสียดาย
5. ความรักคุ้มค่าที่จะเสี่ยง
"ถ้ารักคือคำถาม เธอนั้นคือคำตอบ"
สถิติมากมายที่เป็นอุปสรรคความรัก ทั้งระยะทาง ลูกติด สภาพร่างกาย สถานภาพ อายุ
ยิ่งต่างมากโอกาสที่จะเลิกกันยิ่งสูงมาก แต่ถ้ารักกันจริง ร่วมฝ่าฟันปัญหากันไป ค่าพวกนี้ก็ไม่สำคัญเลย
ช่างสักบอก "ผมไม่สนตัวเลขโอกาสการเลิกกันอะไรนั่นหรอก แต่รู้ไหมรอยสักที่คนสักเยอะที่สุดคืออะไร ชื่อของคนรักของเขาไง"
คือรู้ว่าคนเรามีโอกาสเลิก แต่ก็ช่างมันสิ อย่างน้อยก็เป็นการบันทึกความทรงจำดีๆ ความรู้สึกรัก ณ ตอนนั้นเป็นของจริง
6. คนทุกคนมีเสน่ห์ในตัวเอง แม้แต่คนที่เราไม่ชอบ
อย่างพระเอกออกจะเนิร์ด บ้าตัวเลข ปากเสีย ทัศนคติแย่
แต่กลับฉลาด คอยสังเกตและให้คำแนะนำ นางเอกเสมอ จนดูพึ่งพาได้ มีเสน่ห์ในความไม่น่ามีเสน่ห์
ซึ่งชีวิตจริงเราก็คงเจอสถานการณ์นี้บ้างที่ชอบคนที่ไม่ตรงเสป็คเลย
หลายครั้งที่เราคิดกับคนอื่นแบบอินี่นิสัยโคตรแย่หาแฟนได้ไงวะ คือเขาไม่มีเสน่ห์กับเราแต่เขามีเสน่ห์กับคนอื่นไง
7. อย่าตัดสินความรักของคนอื่น
นางเอกถามเจ๊ที่คบกับเทรนเนอร์หนุ่มว่า "ส่วนมากผู้หญิงเลือกผู้ชายที่อายุมากกว่าและรวย ผู้ชายเลือกผู้หญิงที่เด็กและสวย"
คุณคิดว่าความรักแบบนั้นมีจริงๆหรอ ผู้ชายที่หลอกเอาตังค์กับผู้หญิงสูงอายุมาตลอดแบบนี้อะนะ?
แต่สุดท้ายตอนจบเขาก็ดันรักกันจริงๆ😅
8. อย่าประเมินความรักด้วยตัวเลข รักใครควรใช้สมองและทำตามหัวใจตัวเอง
พระเอกตอนแรกตัดสินใจจะเลิกกับนางเอกเพียงเพราะแค่ค่าสถิติคำนวนความเหมาะสมกันมันต่ำ
ถ้านางเอกคบกับแฟนเก่าคงเหมาะสมกว่าเพราะค่าเข้ากันสูงกว่าก็เลยปล่อยนางเอกไปดื้อๆ ด้วยเหตุผลง่อยๆ
9. อย่าตีค่าความสัมพันธ์เป็นธุรกิจและค่าเสียโอกาส
พระเอกตีทุกอย่างเป็นเงินหมด เช่น พระเอกบอกที่ไม่เตะบอลเพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุขาหัก จะทำให้เสียรายได้
ตอนคบกับแฟนเก่าพระเอกจดค่าใช้จ่ายที่ออกให้แฟนเก่าทั้งหมด แฟนเก่าจึงโอนคืนให้เท่าที่เขียนจดไว้ บอกอย่าไปทำแบบนี้กับใครอีกนะ
10. ถ้าเรามองแต่ความมืด เราก็จะไม่เห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ 😌 ยังคงมีรุ้งอยู่หลังก้อนเมฆ
ในวันที่ศรัทธาความเชื่อของคุณถูกทำลาย เรายังต้องมีความหวัง
ถ้าเราจมกับอดีตเราก็จะพลาดโอกาสเห็นสิ่งสวยงามที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ความรักก็เช่นกัน
11. ความสัมพันธ์ไม่มีอะไรแน่นอน คนเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ภายใน 2 ปี อาจเปลี่ยนชีวิตหน้ามือเป็นหลังมือ คนที่เคยคบเราในวันนั้น ก็อาจจะไปคบกับคนรู้จักเรา
คนที่เคยจากกันไป ถ้ารักกันจริงก็อาจหวนกลับมาในฐานะเพื่อนหรือคนรัก
คนที่เคยร้าย ก็อาจจะดีกับเรา
คู่ที่ดูไม่เข้ากันเลยอาจคบได้ยืดยาว คู่ที่เหมือนเข้ากันมาก กลับเลิกกันอย่างรวดเร็ว
12. "การเลิกลาไม่ใช่จุดสิ้นสุด การแต่งงานเองก็ไม่ใช่เส้นชัย"
เลิกกันไปไม่ได้หมายความว่าเราไม่รักกันแล้ว ไม่ใช่จุดจบของความสัมพันธ์เสมอ แต่คือจุดเริ่มต้นของการพิสูจน์หัวใจตัวเองว่าจะทำยังไงต่อไป เรายังต้องการเขาอยู่ไหม จะดึงเขากลับเข้ามาในชีวิตไหม 💑 และต่อให้แต่งงานกันได้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปกันรอด
ตอนจบนางเอกบอก"คนเราพิสูจน์รักกัน 2 ปี และหลัง 2 ปีที่จากกันฉันยังคงรู้สึกกับคุณเหมือนเดิม ฉันจึงกลับมา"
จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
ถือว่าเป็นหนังสนุกและดีเรื่องนึงเลย เสียดายที่คนไม่ดูเพราะกระแสแอนตี้ปั้นจั่น ส่วนตัวสนใจที่เนื้อหาหนังมากกว่า ใครไม่ซีเรียสก็แนะนำให้ไปดูกัน
ปล. เอสเธอร์น่ารักเวอร์
[Spoiled Alert][CR] วิเคราะห์หนัง: รัก2ปี ยินดีคืนเงิน Love Battle (2019)