กุสลราสิสูตร
ว่าด้วยกองกุศล
[๘๒๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อจะกล่าวว่ากองกุศล
จะกล่าวให้ถูก ต้องกล่าวถึงสติปัฏฐาน ๔
เพราะว่ากองกุศลทั้งสิ้น ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔
สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน
ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ
กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย
ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ...
ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ...
ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ
กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เมื่อจะกล่าวว่ากองกุศลจะกล่าวให้ถูก
ต้องกล่าวถึงสติปัฏฐาน ๔
เพราะว่ากองกุศลทั้งสิ้นนี้ ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔.
จบ สูตรที่ ๕
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ บรรทัดที่ ๔๙๓๕-๔๙๔๔ หน้าที่ ๒๐๕.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=19&A=4935&Z=4944&pagebreak=0
....เพราะว่ากองกุศลทั้งสิ้นนี้ ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔
กุสลราสิสูตร
ว่าด้วยกองกุศล
[๘๒๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อจะกล่าวว่ากองกุศล
จะกล่าวให้ถูก ต้องกล่าวถึงสติปัฏฐาน ๔
เพราะว่ากองกุศลทั้งสิ้น ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔
สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน
ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ
กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย
ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ...
ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ...
ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ
กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เมื่อจะกล่าวว่ากองกุศลจะกล่าวให้ถูก
ต้องกล่าวถึงสติปัฏฐาน ๔
เพราะว่ากองกุศลทั้งสิ้นนี้ ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔.
จบ สูตรที่ ๕
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ บรรทัดที่ ๔๙๓๕-๔๙๔๔ หน้าที่ ๒๐๕.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=19&A=4935&Z=4944&pagebreak=0