เล่านอกเรื่องภาวนา ปัจจัยที่ ๔

กระทู้สนทนา
จ 17 มิ.ย. เมื่อตอนหัวค่ำปิดร้านหิ้วฃวดเปล่าน้ำอัดลมไปเก็บแล้วหิ้วน้ำโคกมา 4ฃวด มือละสองฃวด พอวางลงน้ำโคกในมือซ้ายระเบิดดังปัง คิดว่างานเข้าละต้องทำความสะอาดอีกเยอะเลย แต่ก็รู้สึกว่านิ้วมือขวาจะเจ็บ มองลงไปก็เห็นเลือดใหลหยดเยอะแยะ  ลูกชายดึงกระดาษมาให้ซับและห้ามเลือด ก็รับมากดที่แผลแน่นแน่น คิดว่าเลือดน่าจะหยุดไหลละ  แต่เลือดก็ยังไหลหยดไม่หยุดก็พยายามดูว่าเลือดมันไหลออกมาทางไหน ดูไปดูมาก็พบว่าหลังนิ้วมือซ้ายที่เอาไปกดห้ามเลือดก็มีแผลเลือดใหล ทำไงดีหว่า  ก็เลยต้องเอาหลังนิ้วมือซ้ายมากดกระดาษที่ปิดแผลนิ้วมือขวา  กดแน่นแน่นนิ่งนิ่งพักใหญ่ เลือดที่หลังนิ้วมือซ้ายก็หยุดไหล ให้ลูกสาวเอาพลาสเตอร์ยามาปิดแน่นแน่นแทน ส่วนนิ้วมือขวาต้องกดต่ออีกพักใหญ่จึงหยุด จากนั้นเอาผ้ามาพันให้แน่นแล้วยึดด้วยเทปใส กะว่าเดื๋ยวอาบน้ำเสร็จค่อยทำแผลใหม่  แต่ลูกสาวกับเพื่อนไม่ยอมจะพาไป ร.พ. บอกว่าประกันฯก็มีรักษาเองทำไม ไปให้หมอดูสักหน่อย อะ ตกลงไป แต่ในใจคิดว่ารักษาเองก็ได้ไม่เห็นต้องยุ่งยากไป ร.พ.เลยอาจหายช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร ได้พึ่งพาตนเอง เดี๋ยวนี้มีประกันอะไรเล็กเล็กน้อยน้อยก็ไปหาหมอไม่ยอมพึ่งพาตนเอง ก็เลยขาดประสบการณ์ในการพึ่งพาตนเอง หมอก็รักษาในอัตราสูงสุดเท่าที่ประกันจะจ่ายได้ ในกรณีนี้แผลยาวประมาณเซ็นกว่าหลังนิ้วนางซ้ายไม่น่าลึกมากเพราะกดห้ามเลือดไม่นานก็หยุด นิ้วชี้ขวาคงลึกกว่าหน่อย หมอฉีดยาชาแล้วเย็บทำแผลให้ มียาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ พาราแก้ปวดอย่างละสิบเม็ด   สองนิ้วสี่พันกว่าบาท(ประกันจ่าย)   รู้สึกว่าอะไรอะไรมันเกินความพอดีไปมาก เหมือนหิว แล้วแต่งตัวหล่อไปกินอาหารที่ภัตตาคารหรู ทั้งทั้งที่ในบ้านก็มีอาหารให้กินอิ่มได้ง่ายง่ายสะดวกสบาย  เรารู้สึกไม่ชินกับระบบสังคมแบบนี้เลย  อยากอยู่ในสังคมที่พึ่งพาตนเองได้ง่ายง่ายสะดวกสบายเหมือนเมื่อก่อน ไม่เร่งรีบวุ่นวายหาเงินเพื่อไปจ่ายค่าอะไรที่มันเกินความพอดี      ก็คงได้แต่หวังได้แต่อยาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่