สวัสดีครับ ผมมีเรื่องเล่ามาแบ่งปัน สำหรับคนที่อายุ 50 ปีขึ้นไป ที่ยังคงหางาน หรือ ทำงานอยุ่ อย่างน้อยเพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนที่ท้อแท้ และ หมดหวังครับ ว่าชีวิตคนเรามันต้องมีวันที่ฟ้าเปิดให้โอกาสอีกครั้ง
ปัจจุบันผมอายุ 51 ปี ปัจจุบันทำงานเป็น Hotel Manager โรงแรมแห่งหนึ่งที่อุดร ย้อนไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสมาทำงานรีสอร์ท ที่ประเทศลาว เมืองอุดมไซ ในตำแหน่ง General Manager เงินเดือนเริ่มต้นตอนนั้น 90xxx บาท มีสวัสดิการ ที่พัก อาหาร ค่าเดินทางไปกลับ ประเทศไทย ปีละ 2 ครั้ง ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ช่วงนั้นคุณพ่อผมท่านก็ป่วยอยู่ แต่มาช่วง ตอนทำงานได้ 2 ปี พ่อผมเริ่มป่วยหนักขึ้น ค่าใช้จ่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าหมอ ค่ายา ค่าพักรักษาตัวโรงพยาบาล แม้จะเป็น รพ รัฐบาลก็ตาม ผมเองก็ต้องเดินทางกลับบ้านที่ไทย บ่อยขึ้น ใช้โควต้าตั๋วที่ทางรีสอร์ทให้ ปีละ 2 ครั้ง และ จากนั้นก็ออกค่าใช้จ่ายเอง เพราะว่าใช้เกินโควต้า เงินที่ผมเก็บมาตลอด 2 ปี ก็เริ่มที่จะหมดไปกับการรักษาพยาบาลคุณพ่อ และ ไหนจะต้องเดินทางบ่อยขึ้น ลางานบ่อยขึ้น ผมก็เลยรุ้สึกเกรงใจที่ทำงาน ประกอบกับว่า ที่บ้านไม่มีใครดูแลด้วย แม่เปิดร้านของชำ น้องสาวแต่งออก น้องชายอยุ่ที่บ้านกับแม่ แต่ทำงานไปเช้า กลับค่ำ ผมก็เลยลาออก เพราะคิดว่า อย่างน้อยได้กลับมาพัก เพื่อดูแล พ่อ และ แม่ด้วย ต้องแจ้งก่อนว่า ตลอดเวลาที่ผมทำงานที่ลาว 2ปีครึ่ง ผมไม่เคยลาพักร้อนเลย และ แทบจะไม่เคยได้ใช้วันหยุดประจำสัปดาห์เลย เพราะไม่รู้จะหยุดไปไหน เนื่องจากรีสอร์ทที่ทำอยุ่ในเขต ป่าสงวนแห่งเมืองอุดมไซ วันที่ผมลาออกจากงาน ผมสะสมวันหยุด บวกพักร้อน 2 ปีครึ่ง ได้เงินสะสมมา ห้าแสนกว่าบาท เพราะเอาวันหยุดทั้งหมดมารวมกันได้ถึง ร้อยกว่าวัน
วันหยุดสัปดาห์ละ 1 วัน ปีละ 52 สัปดาห์ X 2.5 ปี = 130 วัน
พักร้อน ปีละ 15 วันต่อปี x 2.5 ปี =45 วัน
รวม 175 วัน หารด้วย 30 = 5 เดือน 25 วัน
ออกมาอยู่บ้าน รับ ส่ง แม่ ไป รพ เยี่ยมพ่อทุกวัน เงินที่ได้มาก้อนสุดท้าย ก็ค่อยๆหมดไป จนผมคิดว่าคงต้องทำงานอีกครั้ง ก็สมัครงาน จนมาได้งานใหม่ หลังจากออกจากลาวมาเดือน 10 มาได้งานใหม่ เดือน 12 ก็ 2 เดือนที่พักไป งานใหม่ เงินเดือน 70xxx รวมสวัสดิการเช่นกัน ทำได้สามเดือน ก็ต้องออกอีก เพราะมีปัญหากับทางโรงแรม
ก็ออกมาอยู่บ้านดูพ่อ ดูแม่ เหมือนเดิม หางาน ส่งประวัติไปเป็นนับร้อยที่ เงียบสนิท ทุกที่ มาได้งานที่ทำอยุ่ปัจจุบัน เดือน เมษายน เงินเดือนถอยหลังเหลือ 45xxx สวัสดิการมีแค่ที่พักให้ ส่วนอาหาร ซักผ้า จ่ายเอง รายรับลดลง รายจ่ายคงที่ ผมเริ่มยืมเงิน ญาติ พี่น้อง เพื่อนๆ ได้มาก็ไม่พอกับค่าใช้จ่าย ชีวิตเริ่มตกต่ำลงเรื่อยๆ ส่งข้อความไปหาเพื่อนๆทางเฟสบุ๊ก ก็อ่าน แต่ไม่ตอบ บางคนก็ตอบ ว่าไม่สะดวก ก็เข้าใจ ไม่ว่ากัน หนี้สินสะสมขึ้นทุกเดือน เพราะว่า ค่าใช้จ่ายคงที่ของผมต่อเดือน 7หมื่นบาท ลุกสาวเรียน มหิดลอินเตอร์ ค่าเทอม 65000 บาท ปีละ 3 ครั้ง ไหนจะค่ายา ค่ารักษาพ่อ ค่าที่ต้องให้แม่ทุกเดือน ก็เริ่มไม่มีจะให้ เพราะรายได้หายไป ลดไปเรื่อยๆ ระหว่างทำงาน ก็ยังคงส่งสมัครงานไปเรื่อยๆ ก็เงียบเหมือนเดิม นานๆมีเรียกสัมภาษณ์มาที ก็ต้องไปสัมภาษณ์ที่กรุงเทพฯ ก็เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และ อื่นๆ ก็ต้องไป แต่ก็ไม่ได้งาน การเงินฝืดเคืองมาก เริ่มไม่มีที่จะให้ทางบ้าน ไม่มีที่จะให้ทางลูกสาว ก็รู้สึกหมดหวัง ท้อแท้ และ เหนื่อยหน่ายกับชีวิต หนี้สินเพิ่มขึ้นทุกวัน ทุกเย็น ทานลูกชิ้น 4 ไม้ 20 บาท กับมาม่า เพื่อประหยัด เพราะว่าการเงินตึงสุดๆ แต่แล้วความอดทนที่รอคอยมา ทางโรงแรมที่เวียงจันทน์ ประเทศลาว เรียกสัมภาษณ์ แต่ต้องไปสัมภาษณ์กับเจ้าของที่เวียงจันทน์ ก็ไป ยืมเงิน รวบรวมเงิน เพื่อไปสัมภาษณ์งาน เมื่อต้นปลายเดือน พ.ค สัมภาษณ์เสร็จ ทางเจ้าของก็พาเดินดูไซด์งานรอบๆ เป็นโรงแรม ที่กำลังจะเปิดใหม่ กำหนดจะเปิดเดือน 10 หลังจากเดินดุรอบๆ และ พื้นที่โรงแรมทั้งหมด ทางเจ้าของก็บอกว่า ภายใน วันศุกร์จะแจ้งกลับแน่นอน ผมสัมภาษณ์ วันพุธ และ จากนั้นก็เดินทางกลับ อุดร ถึงวันศุกร์ ทางเจ้าของส่งข้อความทางว๊อทแอ๊ปมาว่า ขอเลื่อนให้คำตอบเป็นวันจันทร์ ก็ใจไม่ดีละ เพราะว่าทางเจ้าของบอกว่า มีแคนดิเดท เหลือ 2 คน คือผม กับ คน ฟิลิปปินส์ ก็เอาน่ะ อีกแค่สองวันเอง ก็ยอมรับว่า ใจไม่ดีละคงไม่ได้แน่เลย เพราะว่าเลื่อนไปให้คำตอบวันจันทร์ ทั้งๆที่คนฟิลิปปินส์ ก็สัมภาษณ์ไปก่อนหน้าผมแล้ว
วันจันทร์ เที่ยงก็แล้ว ข้อความก็ไม่ขึ้นซะที ยอมรับว่าลุ้นมาก และแล้ว 13.00 น ก็มีข้อความทางว๊อทแอ๊ปมาว่า ยินดีด้วย เรารับคุณ ให้คุณแจ้งกลับด้วยว่าจะสามารถเริ่มงานได้วันไหน โห กระโดดตัวลอยเลย ดีใจสุด เพราะว่าที่ลาวผมเรียกไปแค่ 90xxx ไม่รวมสวัสดิการต่างๆ ตามที่ตำแหน่ง Hotel Manager พึงจะได้ ผมก็แจ้งวันพร้อมเริ่มงานไป คือ 08/07 ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่ฟ้าเปิดให้อีกครั้ง หลังจากที่ผิดหวัง ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ส่งไปที่ไหนก็เงียบ สัมภาษณ์ก็เงียบ และ คุณเชื่อไม๊ครับ บทงานจะเข้ามา ก็มาพร้อมๆกัน เมื่อวานนี้ 17/06 ทางโรงแรมหลวงพระบาง ตอบผมมาว่ายังคงสนใจอยู่หรือเปล่า ถ้าสนใจก็ส่งเมลยืนยันด้วย เพราะผมเคยสัมภาษณ์ไปแล้ว ก็เงียบ แต่ผมก็ได้ปฎิเสธไปแล้ว ยังเสียดาย ว่าทำไมเรารีบปฎิเสธไป ทำไมเราไม่ถามเรื่องผลตอบแทนก่อน เผื่อจะดีกว่าที่เวียงจันทน์ แต่ก็ไม่เป็นไร แล้วก็แล้วไป และ เช้านี้เอง ทางโรงแรมที่มุกดาหาร ที่ผมเคยไปสมัคร และ สัมภาษณ์ไว้ ตอบตกลงมาอีก แต่ว่า ผลตอบแทน และ สวัสดิการ น้อยกว่าที่เวียงจันทน์ ก็เลยปฎิเสธไปอีกเช่นกัน จริงอยู่ครับ ถึงผมจะยังไม่ไปเริ่มงาน และ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะสามารถผ่าน Probation กับทางโรงแรมที่เวียงจันทน์หรือเปล่า แต่อย่างน้อย มันก็เป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่ผมาจะมีเงินเพิ่มขึ้น เพื่อ ทยอยใช้หนี้ที่ยืมมาช่วงตกงาน และ อย่างน้อย ความเป็นอยุ่ทางตัวผม ทางครอบครัว ทางลุกสาว ก็น่าจะเริ่มดีขึ้น คงสามารถกลับมาให้ทางบ้าน ได้เหมือนเดิม
ที่เล่ามาอาจจะยืดยาว แต่ ผมแค่อยากจะบอกกับคนทีอายุหลัก 5 เช่นผม อย่าท้อแท้ อย่าหมดหวัง จริงอยู่ระหว่างรอมันอาจแสนสาหัส เพราะผมคิดเสมอว่า อายุ 50 ขึ้นแล้ว หางานยากมาก เพราะส่งไปกี่ที่ก็เงียบ เงียบจนท้อ แต่แล้ว ความหวัง ก็กลับมาสว่างอีกครั้ง ก็จะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด ทำให้ผ่าน เพื่อที่ทางบ้าน พ่อ แม่ ลูก จะได้มีเงินจากที่ผมส่งให้เหมือนเดิม
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ หวังว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะให้กำลังใจกับคนที่อายุรุ่นผม ได้มีไฟ ได้มีความหวัง ขึ้นบ้าง และ เพื่อที่จะบอกว่า บางทีเราคิดว่ามันหมดหวังแล้ว คงต้องทนรับกับเงินเดือนที่มันไม่สามารถ balance กับค่าใช้จ่าย แต่ในที่สุด ฟ้าก็ได้เปิดทางให้อีกครั้ง ชีวิตยังมีหวังเสมอครับ ขอบคุณครับ
ปล. ลุกสาวผมอยุ่กับภรรยาเก่า เราหย่ากันตั้งแต่เค้า 4 ขวบ แต่ผมก็ส่งเสียมาตลอด จนปัจจุบันเค้าอายุ 19 แล้ว
อยากให้กำลังใจ
ปัจจุบันผมอายุ 51 ปี ปัจจุบันทำงานเป็น Hotel Manager โรงแรมแห่งหนึ่งที่อุดร ย้อนไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสมาทำงานรีสอร์ท ที่ประเทศลาว เมืองอุดมไซ ในตำแหน่ง General Manager เงินเดือนเริ่มต้นตอนนั้น 90xxx บาท มีสวัสดิการ ที่พัก อาหาร ค่าเดินทางไปกลับ ประเทศไทย ปีละ 2 ครั้ง ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ช่วงนั้นคุณพ่อผมท่านก็ป่วยอยู่ แต่มาช่วง ตอนทำงานได้ 2 ปี พ่อผมเริ่มป่วยหนักขึ้น ค่าใช้จ่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าหมอ ค่ายา ค่าพักรักษาตัวโรงพยาบาล แม้จะเป็น รพ รัฐบาลก็ตาม ผมเองก็ต้องเดินทางกลับบ้านที่ไทย บ่อยขึ้น ใช้โควต้าตั๋วที่ทางรีสอร์ทให้ ปีละ 2 ครั้ง และ จากนั้นก็ออกค่าใช้จ่ายเอง เพราะว่าใช้เกินโควต้า เงินที่ผมเก็บมาตลอด 2 ปี ก็เริ่มที่จะหมดไปกับการรักษาพยาบาลคุณพ่อ และ ไหนจะต้องเดินทางบ่อยขึ้น ลางานบ่อยขึ้น ผมก็เลยรุ้สึกเกรงใจที่ทำงาน ประกอบกับว่า ที่บ้านไม่มีใครดูแลด้วย แม่เปิดร้านของชำ น้องสาวแต่งออก น้องชายอยุ่ที่บ้านกับแม่ แต่ทำงานไปเช้า กลับค่ำ ผมก็เลยลาออก เพราะคิดว่า อย่างน้อยได้กลับมาพัก เพื่อดูแล พ่อ และ แม่ด้วย ต้องแจ้งก่อนว่า ตลอดเวลาที่ผมทำงานที่ลาว 2ปีครึ่ง ผมไม่เคยลาพักร้อนเลย และ แทบจะไม่เคยได้ใช้วันหยุดประจำสัปดาห์เลย เพราะไม่รู้จะหยุดไปไหน เนื่องจากรีสอร์ทที่ทำอยุ่ในเขต ป่าสงวนแห่งเมืองอุดมไซ วันที่ผมลาออกจากงาน ผมสะสมวันหยุด บวกพักร้อน 2 ปีครึ่ง ได้เงินสะสมมา ห้าแสนกว่าบาท เพราะเอาวันหยุดทั้งหมดมารวมกันได้ถึง ร้อยกว่าวัน
วันหยุดสัปดาห์ละ 1 วัน ปีละ 52 สัปดาห์ X 2.5 ปี = 130 วัน
พักร้อน ปีละ 15 วันต่อปี x 2.5 ปี =45 วัน
รวม 175 วัน หารด้วย 30 = 5 เดือน 25 วัน
ออกมาอยู่บ้าน รับ ส่ง แม่ ไป รพ เยี่ยมพ่อทุกวัน เงินที่ได้มาก้อนสุดท้าย ก็ค่อยๆหมดไป จนผมคิดว่าคงต้องทำงานอีกครั้ง ก็สมัครงาน จนมาได้งานใหม่ หลังจากออกจากลาวมาเดือน 10 มาได้งานใหม่ เดือน 12 ก็ 2 เดือนที่พักไป งานใหม่ เงินเดือน 70xxx รวมสวัสดิการเช่นกัน ทำได้สามเดือน ก็ต้องออกอีก เพราะมีปัญหากับทางโรงแรม
ก็ออกมาอยู่บ้านดูพ่อ ดูแม่ เหมือนเดิม หางาน ส่งประวัติไปเป็นนับร้อยที่ เงียบสนิท ทุกที่ มาได้งานที่ทำอยุ่ปัจจุบัน เดือน เมษายน เงินเดือนถอยหลังเหลือ 45xxx สวัสดิการมีแค่ที่พักให้ ส่วนอาหาร ซักผ้า จ่ายเอง รายรับลดลง รายจ่ายคงที่ ผมเริ่มยืมเงิน ญาติ พี่น้อง เพื่อนๆ ได้มาก็ไม่พอกับค่าใช้จ่าย ชีวิตเริ่มตกต่ำลงเรื่อยๆ ส่งข้อความไปหาเพื่อนๆทางเฟสบุ๊ก ก็อ่าน แต่ไม่ตอบ บางคนก็ตอบ ว่าไม่สะดวก ก็เข้าใจ ไม่ว่ากัน หนี้สินสะสมขึ้นทุกเดือน เพราะว่า ค่าใช้จ่ายคงที่ของผมต่อเดือน 7หมื่นบาท ลุกสาวเรียน มหิดลอินเตอร์ ค่าเทอม 65000 บาท ปีละ 3 ครั้ง ไหนจะค่ายา ค่ารักษาพ่อ ค่าที่ต้องให้แม่ทุกเดือน ก็เริ่มไม่มีจะให้ เพราะรายได้หายไป ลดไปเรื่อยๆ ระหว่างทำงาน ก็ยังคงส่งสมัครงานไปเรื่อยๆ ก็เงียบเหมือนเดิม นานๆมีเรียกสัมภาษณ์มาที ก็ต้องไปสัมภาษณ์ที่กรุงเทพฯ ก็เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และ อื่นๆ ก็ต้องไป แต่ก็ไม่ได้งาน การเงินฝืดเคืองมาก เริ่มไม่มีที่จะให้ทางบ้าน ไม่มีที่จะให้ทางลูกสาว ก็รู้สึกหมดหวัง ท้อแท้ และ เหนื่อยหน่ายกับชีวิต หนี้สินเพิ่มขึ้นทุกวัน ทุกเย็น ทานลูกชิ้น 4 ไม้ 20 บาท กับมาม่า เพื่อประหยัด เพราะว่าการเงินตึงสุดๆ แต่แล้วความอดทนที่รอคอยมา ทางโรงแรมที่เวียงจันทน์ ประเทศลาว เรียกสัมภาษณ์ แต่ต้องไปสัมภาษณ์กับเจ้าของที่เวียงจันทน์ ก็ไป ยืมเงิน รวบรวมเงิน เพื่อไปสัมภาษณ์งาน เมื่อต้นปลายเดือน พ.ค สัมภาษณ์เสร็จ ทางเจ้าของก็พาเดินดูไซด์งานรอบๆ เป็นโรงแรม ที่กำลังจะเปิดใหม่ กำหนดจะเปิดเดือน 10 หลังจากเดินดุรอบๆ และ พื้นที่โรงแรมทั้งหมด ทางเจ้าของก็บอกว่า ภายใน วันศุกร์จะแจ้งกลับแน่นอน ผมสัมภาษณ์ วันพุธ และ จากนั้นก็เดินทางกลับ อุดร ถึงวันศุกร์ ทางเจ้าของส่งข้อความทางว๊อทแอ๊ปมาว่า ขอเลื่อนให้คำตอบเป็นวันจันทร์ ก็ใจไม่ดีละ เพราะว่าทางเจ้าของบอกว่า มีแคนดิเดท เหลือ 2 คน คือผม กับ คน ฟิลิปปินส์ ก็เอาน่ะ อีกแค่สองวันเอง ก็ยอมรับว่า ใจไม่ดีละคงไม่ได้แน่เลย เพราะว่าเลื่อนไปให้คำตอบวันจันทร์ ทั้งๆที่คนฟิลิปปินส์ ก็สัมภาษณ์ไปก่อนหน้าผมแล้ว
วันจันทร์ เที่ยงก็แล้ว ข้อความก็ไม่ขึ้นซะที ยอมรับว่าลุ้นมาก และแล้ว 13.00 น ก็มีข้อความทางว๊อทแอ๊ปมาว่า ยินดีด้วย เรารับคุณ ให้คุณแจ้งกลับด้วยว่าจะสามารถเริ่มงานได้วันไหน โห กระโดดตัวลอยเลย ดีใจสุด เพราะว่าที่ลาวผมเรียกไปแค่ 90xxx ไม่รวมสวัสดิการต่างๆ ตามที่ตำแหน่ง Hotel Manager พึงจะได้ ผมก็แจ้งวันพร้อมเริ่มงานไป คือ 08/07 ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่ฟ้าเปิดให้อีกครั้ง หลังจากที่ผิดหวัง ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ส่งไปที่ไหนก็เงียบ สัมภาษณ์ก็เงียบ และ คุณเชื่อไม๊ครับ บทงานจะเข้ามา ก็มาพร้อมๆกัน เมื่อวานนี้ 17/06 ทางโรงแรมหลวงพระบาง ตอบผมมาว่ายังคงสนใจอยู่หรือเปล่า ถ้าสนใจก็ส่งเมลยืนยันด้วย เพราะผมเคยสัมภาษณ์ไปแล้ว ก็เงียบ แต่ผมก็ได้ปฎิเสธไปแล้ว ยังเสียดาย ว่าทำไมเรารีบปฎิเสธไป ทำไมเราไม่ถามเรื่องผลตอบแทนก่อน เผื่อจะดีกว่าที่เวียงจันทน์ แต่ก็ไม่เป็นไร แล้วก็แล้วไป และ เช้านี้เอง ทางโรงแรมที่มุกดาหาร ที่ผมเคยไปสมัคร และ สัมภาษณ์ไว้ ตอบตกลงมาอีก แต่ว่า ผลตอบแทน และ สวัสดิการ น้อยกว่าที่เวียงจันทน์ ก็เลยปฎิเสธไปอีกเช่นกัน จริงอยู่ครับ ถึงผมจะยังไม่ไปเริ่มงาน และ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะสามารถผ่าน Probation กับทางโรงแรมที่เวียงจันทน์หรือเปล่า แต่อย่างน้อย มันก็เป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่ผมาจะมีเงินเพิ่มขึ้น เพื่อ ทยอยใช้หนี้ที่ยืมมาช่วงตกงาน และ อย่างน้อย ความเป็นอยุ่ทางตัวผม ทางครอบครัว ทางลุกสาว ก็น่าจะเริ่มดีขึ้น คงสามารถกลับมาให้ทางบ้าน ได้เหมือนเดิม
ที่เล่ามาอาจจะยืดยาว แต่ ผมแค่อยากจะบอกกับคนทีอายุหลัก 5 เช่นผม อย่าท้อแท้ อย่าหมดหวัง จริงอยู่ระหว่างรอมันอาจแสนสาหัส เพราะผมคิดเสมอว่า อายุ 50 ขึ้นแล้ว หางานยากมาก เพราะส่งไปกี่ที่ก็เงียบ เงียบจนท้อ แต่แล้ว ความหวัง ก็กลับมาสว่างอีกครั้ง ก็จะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด ทำให้ผ่าน เพื่อที่ทางบ้าน พ่อ แม่ ลูก จะได้มีเงินจากที่ผมส่งให้เหมือนเดิม
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ หวังว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะให้กำลังใจกับคนที่อายุรุ่นผม ได้มีไฟ ได้มีความหวัง ขึ้นบ้าง และ เพื่อที่จะบอกว่า บางทีเราคิดว่ามันหมดหวังแล้ว คงต้องทนรับกับเงินเดือนที่มันไม่สามารถ balance กับค่าใช้จ่าย แต่ในที่สุด ฟ้าก็ได้เปิดทางให้อีกครั้ง ชีวิตยังมีหวังเสมอครับ ขอบคุณครับ
ปล. ลุกสาวผมอยุ่กับภรรยาเก่า เราหย่ากันตั้งแต่เค้า 4 ขวบ แต่ผมก็ส่งเสียมาตลอด จนปัจจุบันเค้าอายุ 19 แล้ว