บทสรุปวิธีลดกลิ่นเน่าในรถ หลังจากเบียร์หกตรงเบาะรถ ทิ้งไว้ค้างคืน กลิ่นเน่าบูดมากกกก (มือใหม่หัดโพส)

กระทู้สนทนา
         เพื่อนๆหลายๆคนคงเคยเจอปัญหาของกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรถยนต์กันมา ไม่มากก็น้อย นี่เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ ( 13 มิถุนายน 2562 ) หลังจากที่เพื่อนคนนึง เก็บขวดเบียร์ที่เหลืออยู่ครึ่งขวด ที่มีฝาเบียร์ปิดอยู่ โดยการเคาะเบาๆเพื่อไม่ให้เบียร์หายซ่า ลงในถุงก้อบแก้บ กับขวดเบียร์ที่ยังเต็มขวดอีก 3 ขวดเพื่อที่จะกลับบ้าน

        และเวลาก็ผ่านไป จนถึงตอนเช้า ก็ได้เปิดไปในรถตามปกติ ก็พบว่ากลิ่นเหม็นมาก จึงได้ไปเปิดดูในถุงก้อบแก้บและพบว่าเบียร์จากครึ่งขวดเหลือเพียงก้นขวด หกมานองในถุงและไหลออกมาลงเบาะรถ ซึ่งกลิ่นที่โชยออกมาตั้งแต่เปิดประตู ถึงกับทำให้ขาที่ยืนอย่างมั่นคง เกือบทรุดลงไปนั่งกับพื้น
ปล. ช่วงแรกๆยังไม่มีภาพให้ดู เนื่องจากช้อคกับกลิ่นเลยรีบเอาขวดและซากทั้งหมดไปทิ้งให้ไวที่สุด

        มาเริ่มขั้นตอนแรก ของการกำจัดกลิ่น ( เช้า 14 มิถุนายน 2562 )

วิธีที่ 1
        ขับรถเปิดหน้าต่าง จากที่บ้าน (ถนนตก) ไปยังสถานที่ปลายทาง (อารีย์) โดยการเปิดหน้าต่างแง้มๆประมาณ 10 เซนติเมตร และไม่ได้ทำการเปิดแอร์ เพราะกลัวกลิ่นจะเข้าไปอยู่ในแอร์ ซึ่ง ตอนขับรถไป ใช้เวลาประมาณ 40 นาที (ขึ้นทางด่วน) ตอนนี้กลัวมาก กลัวคนรับเงินตรงด่านจะหาว่าเราเมาแล้วขับรถแล้วไปแจ้งพี่ตำรวจ ซึ่งแน่นอนกลิ่นทีโชยมามีแรงมากพอที่จะทำให้คนรับเงินตรงด่านได้กลิ่นแน่นอน กลิ่นที่โชยมานั้นขณะขับรถ ค่อนข้างแรง และตีมาเรื่อยๆ จากคนปกติ จนเกือบจะเป็นคนเมา
สรุปวิธีที่ 1 - ช่วยคนขับรถได้ 30% เรื่องกลิ่นหายถาวรลดไปได้ 0%

วิธีที่ 2
        จอดรถตากแดด เมื่อไปถึงปลายทางอาคารที่ไป มีอาคารจอดรถอย่างดี แต่เราก็ศึกษาในเนทมาบ้างว่าจอดรถตากแดดจะช่วยให้กลิ่นเน่าลดลง ดังนั้นก็ไม่พลาดเลยที่จะขอยามว่า ให้คนอื่นๆเค้าไปจอดด้านใน ส่วนเราคนใจดีขอจอดตากแดดเองจะดีกว่า ซึ่งตรงนั้นเป็นสถานที่คนค่อนข้างเยอะ สิ่งที่ทำไม่ได้คือเปิดหน้าต่างและประตู ดังนั้นการตากแดดครั้งนี้ ทำได้เพียงแง้มหน้าต่างลงมา 1เซนติเมตร ฝั่งที่ติดกับกำแพง ซึ่งการจอดรถก็จอดไว้ตั้งแต่เวลา 9.45 - 16.30 แต่สวรรค์ก็ชั่งกลั่นแกล้ง อนิจจา หน้านี้เป็นหน้าฝน แดดน้อยเมฆก็เยอะ พอถึงเวลา กลับมาขึ้นรถ ก็เหมือนกลิ่นจะลดลงไป จึงฮ้าววววมากทำการเปิดแอร์ขับรถกลับด้วยความสบายใจ แต่ไม่นานก็ต้องยอม ปิดแอร์และเปิดหน้าต่างต่อไป
สรุปวิธีที่ 2 - ช่วยคนขับรถได้ 70% ในตอนขึ้นรถใหม่ๆ เรื่องกลิ่นหายถาวรลดไปได้ 5-10%


วิธีที่ 3
        ใช้น้ำส้มสายชู ด้วยความที่เป็นคนเทคโนโลยีเรื่องการใช้ google เป็นเทพระดับนึง จึงได้ทำการเสริชอย่างหนักในการลดกลิ่นรถที่เหม็นเน่าไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์เน่า จึงไปเจอบทความที่เกี่ยวกับการลดกลิ่นด้วย น้ำส้มสายชู ( ไม่แน่ใจว่าเอาลิ้งมาลงจะผิดกฎไหม เลยไม่เอาลงดีกว่า ไปลองๆหาดูกันเองก็น่าจะเจอ ) จึงได้เดินทางไปเซเว้นซื้อน้ำส้มสายชูขวดเล็กมาขวดนึง ราคา 13 บาท โดยใช้วิธีการ เทน้ำส้มสายชูเป็น 2 ถ้วย เนื่องจาก เบียร์ที่หกเบาะหลัง มันซึมไปยังท้ายรถในส่วนของที่เก็บสัมภาระกระโปรงหลัง จึงเอาน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยวางในตัวรถตรงเบาะหลัง และอีก 1 ถ้วย วางไว้ตรงท้ายรถในส่วนของที่เก็บสัมภาระกระโปรงหลัง เป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง
สรุปวิธีที่ 3 - เรื่องกลิ่นหายถาวรลดไปได้ - 30%  (ไม่ได้เขียนผิดนะครับ ค่าออกมาคือติดลบ เนื่องจากแม้งเหม็นขึ้น ตอนนี้กลิ่นเน่าเบียร์กับน้ำส้มสายชูแม้งปะปนกันมั่วไปหมดเละมาก)


วิธีที่ 4
       ใช้ถ่านหุงต้ม จาก google อีกเช่นเดิม หลังจากที่ได้เดินไปเซเว่นเพื่อซื้อน้ำส้มสายชู ทางเดินกลับมายังรถ เหลือบไปเห็นร้านค้าข้างทางมีวางขายถ่านหุงต้มสีดำๆวางขายอยู่ ถึงเบอเริ่มเลย ราคา 25 บาท มาวางละเลงไว้ทั้งท้ายรถในส่วนของที่เก็บสัมภาระกระโปรงหลัง เบาะหลัง บนเบาะ ที่วางเท้า วางแบ่งออกเป็น 4-5 กอง โดยทิ้งไว้ทั้งคืน
สรุปวิธีที่ 4 - เรื่องกลิ่นหายถาวรลดไปได้ เหลือเท่าเดิมหลังจากที่ลองน้ำส้มสายชู


วิธีที่ 5

        จอดรถตากแดด อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างจากครั้งแรก โดยครั้งนี้ได้มีการเปิดประตูทั้งหมดและเปิดกระโปรงหลัง เดี๋ยวแสดงตำแหน่งที่เบียร์หกให้ดูก่อนครับ
         โดยการตากแดดครั้งนี้ใช้เวลาตั้งแต่ 8.30 จนถึงเวลา 12.00
สรุปวิธีที่ 5 - เรื่องกลิ่นหายถาวรลดไปได้ 30-40% อันนี้ไม่แน่ใจว่าใช้เวลากับมันน้อยเกินไปหรือเปล่า แต่เนื่องจากวันอาทิตย์มีความจำเป็นต้องใช้รถจึงทำให้ต้องดิ้นรนในการลดกลิ่นอย่างเร่งด่วน ส่งผลทำให้เกิดวิธีที่ 6


วิธีที่ 6
       อบโอโซน อีกเช่นเคยการพึ่งพา google กับการใช้ชีวิตในปัจจุบันเป็นสิ่งที่ทำได้ไวที่สุด หลังจากโทรไปตามคาร์แคร์ต่างๆรอบๆที่เราอยู่ ก็ได้เจอคาร์แคร์นึงรับอบโอโซนในราคาย่อมเยาว์และไม่ไกลจากที่อยู่ ณ ตอนนี้ ก็รีบเบิ่งไปทันที รายละเอียดตามรูปด้านล่าง
       ค่าบริการในการอบโอโซนราคา 200 บาท แต่อันนี้เห็นว่ากลิ่นยังเหลืออยู่เยอะมาก เลยให้ล้างรถ ดูดฝุ่นไปเลย ราคาจึงออกมาที่ 450 บาท ( ขออนุญาติเซนเซอร์ชื่อร้านนะครับ กลัวผิดกฎ ) แต่ยอมรับว่าล้างดีมาก ถูกใจมาก สะอาดราคาไม่แพง ถ้าเทียบกับราคา 120 150 ตามที่ไปล้างประจำ
สรุปวิธีที่ 6 - เรื่องกลิ่นหายถาวรลดไปได้ 70% ยอมรับว่ากลิ่นที่เข้าไปนั่งในรถครั้งแรก รู้สึกโอเคระดับนึงค่อนข้างมาก แต่จะมีกลิ่นเหมือนอบผ้ากลิ่นไหม้ๆหน่อยในรถ ซึ่งมันก็เป็นกลิ่นที่ดีกว่าเบียร์เน่าแน่นอน


วิธีที่ 7

      หลังจากได้ทำการอบโอโซนมาแล้ว กลับมาที่พักอีกครั้ง ทีนี้ก็ใช้วิธีการพิสูจน์แบบบ้านๆ โดยการก้มตัวลงไปใช้จมูกสูดลึกๆทดสอบกลิ่นตรงเบาะหลังและพรมท้ายรถ สรุปคือ กลิ่นยังอยู่จ้าาาาาาาาาาา แต่ที่เบาะน้อยกว่าพรมท้ายรถมาก ดังนั้นจึงได้ทำการรื้อพรมท้ายรถลงไปล้างด้วยสบู่ และตากแดดให้แห้ง
สรุปวิธีที่ 7 - เรื่องกลิ่นหายถาวรลดไปได้ 80%

วิธีที่ 8
    และวิธีสุดท้ายที่คิดจะทำจากการหาข้อมูลจาก google เนื่องจากพอใจกลิ่นที่หายไประดับนึงแล้ว วิธีนั่นคือ ฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดกลิ่น โดยตอนแรกไปหาซื้อที่เซเว่น ก็เจอเป็นขวดที่ฟ้าๆ แต่อ่านแล้วก็ไม่กล้าซื้อเนื่องจากเหมือนมีให้เลือกยี่ห้อเดียวเลยกลัวไม่ดี 555 (ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ) บวกกับในรีวิวเห็นนแนะนำให้ไปซื้อในโลตัx สุดท้ายก็ไปซื้อในห้างชื่อดังย่านท่าพระ ได้มาเป็นขวดนี้
     โดยในคำแนะนำเค้าบอกว่าให้ฉีดได้ตรงพรมที่มีกลิ่น และฉีดทิ้งไว้ในรถทิ้งไว้ 10-15 นาทีและเปิดให้ระบายออก ก็ทำตามนี้แหละ
สรุปวิธีที่ 8 - ฉีดครั้งที่ 1 คืน 14 มิถุนายนกลิ่นหายไป 90% สามารถนั่งรถได้ตามปกติ ถ้าไม่สูดดมแรงๆก็แทบไม่ได้กลิ่นแต่พอเช้ามากลิ่นกลับมาหน่อย เลยได้ทำการ ฉีดครั้งที่ 2 ในเช้าวันที่ 15 มิถุนายน พบกว่ากลิ่นหายไป 95% โดยขับรถไปทำงานตามปกติ แต่บังเอิญที่จอดรถอยู่กลางแดดพอดี เลยทำให้กลิ่นยังคงเท่าเดิม และในวันที่ 16 มิถุนายน ไม่ได้ทำการฉีดแล้ว แต่ได้ทำการเอารถไปจอดตากแดดอีกครั้ง ทีนี้พบว่ากลิ่นหายไป 100%



สรุปภาพรวมทั้งหมด
     กลิ่นเบียร์เน่าในรถหายไปได้ใน 3 วัน เสียเงินไปประมาณ 800-900 บาท
    วิธีที่ได้ผล เรียงจากมากไปหาน้อย   จอดรถตากแดด โดยเปิดประตู > ฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อและดับกลิ่น > อบโอโซน > จอดรถตากแดด โดยไม่เปิดประตู > ซักพรมด้วยสบู่ > ใช้ถ่านหุงต้ม > ขับรถเปิดหน้าต่าง > ใช้น้ำส้มสายชูดับกลิ่น

ปล.สุดท้าย น้ำส้มสายชูอาจจะเหมาะกับอย่างอื่น แต่ไม่ใช่กับรถแน่นอน ล้านเปอเซนต์

จบบบบบบบบบบ ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่