สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 29
ผมว่าญาญ่าเก่งมานานมากแล้วครับ
ซึ่งในเรื่องของ สีหน้า แววตา ท่าทาง การสื่ออารมณ์ และบุคลิคของตัวละคร
เรื่องพวกนี้มันมีการเรียนการสอน และการบรีฟอย่างหนัก ก่อนมีการถ่ายทำในทุกๆเรื่องอยู่แล้ว
ซึ่งนักแสดงย่อมต้องสามารถทำได้ ตามโจทย์ของผู้กำกับ หรือกองละครนั้นๆ
ผมจึงไม่ขอกล่าวถึงในส่วนนี้ เพราะปัจจัยมันเยอะ
ซึ่งมีหลายมาตราฐาน อีกทั้งจากการแคสนักแสดงให้เหมาะสมกับบท
แต่สิ่งที่ผมจะกล่าว และเห็นชัดๆเลยว่าน้องเก่งกว่านักแสดงคนอื่นมากกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตั้งแต่เรื่องแรกๆ ที่เริ่มเห็นชัดในบทนางฟ้า(ตอนจี๊ดยังไม่เท่าไหร่)
ก็คือเรื่องจังหวะ "ในการเว้นระยะเวลาในการรีแอคชั่นของตัวละคร"
เสมือนว่าตัวละครนั้น ได้รับรู้ ครุ่นคิด และมีรีแอคชั่นกับสถานการณ์และอารมณ์ในขณะนั้นจริงๆ
รวมถึงการเดิน การหยิบจับของ การหันมอง การได้ยิน หรือจังหวะการเปลี่ยนแววตา
ที่ออกมาธรรมชาติมากๆ จนเราเชื่อว่ามันมาจากความคิดของตัวละครนั้นในอารมณ์นั้นจริงๆ
ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการเล่นตามไดอะล็อค ตามคิวหรือบล็อกกิ้งที่ซ้อมกันมาแบบมีลำดับ
ที่ส่วนมากจะมีเร็วไป ช้าไป หรือไม่ลงล็อคกับบทพูด
เสมือนไม่ได้คิด แล้วค่อยมีรีแอคชั่นตามคาแรคเตอร์ตัวละครนั้นๆ
แต่เป็นการทำไปตามลำดับที่ซ้อมมา
ที่เราจะเห็นได้ทั่วๆไป ในนักแสดงบทรองหรือตัวประกอบ(บทนำก็มี)
ซึ่งทั้งนี้ก็อยู่ที่ความเคี่ยวของ ผกก.ในเรื่องนั้นๆด้วย
ผมว่า มาลุ้นกันว่า
ญาญ่ากับเส้นทางนี้ จะไปสุดที่ระดับไหนมากกว่า
เรื่องฝีมือนี่ สิ้นสงสัยไปตั้งนานแล้วครับ
ซึ่งในเรื่องของ สีหน้า แววตา ท่าทาง การสื่ออารมณ์ และบุคลิคของตัวละคร
เรื่องพวกนี้มันมีการเรียนการสอน และการบรีฟอย่างหนัก ก่อนมีการถ่ายทำในทุกๆเรื่องอยู่แล้ว
ซึ่งนักแสดงย่อมต้องสามารถทำได้ ตามโจทย์ของผู้กำกับ หรือกองละครนั้นๆ
ผมจึงไม่ขอกล่าวถึงในส่วนนี้ เพราะปัจจัยมันเยอะ
ซึ่งมีหลายมาตราฐาน อีกทั้งจากการแคสนักแสดงให้เหมาะสมกับบท
แต่สิ่งที่ผมจะกล่าว และเห็นชัดๆเลยว่าน้องเก่งกว่านักแสดงคนอื่นมากกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตั้งแต่เรื่องแรกๆ ที่เริ่มเห็นชัดในบทนางฟ้า(ตอนจี๊ดยังไม่เท่าไหร่)
ก็คือเรื่องจังหวะ "ในการเว้นระยะเวลาในการรีแอคชั่นของตัวละคร"
เสมือนว่าตัวละครนั้น ได้รับรู้ ครุ่นคิด และมีรีแอคชั่นกับสถานการณ์และอารมณ์ในขณะนั้นจริงๆ
รวมถึงการเดิน การหยิบจับของ การหันมอง การได้ยิน หรือจังหวะการเปลี่ยนแววตา
ที่ออกมาธรรมชาติมากๆ จนเราเชื่อว่ามันมาจากความคิดของตัวละครนั้นในอารมณ์นั้นจริงๆ
ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการเล่นตามไดอะล็อค ตามคิวหรือบล็อกกิ้งที่ซ้อมกันมาแบบมีลำดับ
ที่ส่วนมากจะมีเร็วไป ช้าไป หรือไม่ลงล็อคกับบทพูด
เสมือนไม่ได้คิด แล้วค่อยมีรีแอคชั่นตามคาแรคเตอร์ตัวละครนั้นๆ
แต่เป็นการทำไปตามลำดับที่ซ้อมมา
ที่เราจะเห็นได้ทั่วๆไป ในนักแสดงบทรองหรือตัวประกอบ(บทนำก็มี)
ซึ่งทั้งนี้ก็อยู่ที่ความเคี่ยวของ ผกก.ในเรื่องนั้นๆด้วย
ผมว่า มาลุ้นกันว่า
ญาญ่ากับเส้นทางนี้ จะไปสุดที่ระดับไหนมากกว่า
เรื่องฝีมือนี่ สิ้นสงสัยไปตั้งนานแล้วครับ
ความคิดเห็นที่ 17
ส่วนตัวคิดว่าญาญ่าข้ามมานานแล้วเหมือนกัน น้องได้เข้าชิงรางวัลนาฏราชจากตะวันเดือดทั้งที่เพิ่งเล่นละครไปประมาณ5เรื่อง เป็นผู้เข้าชิงที่อายุน้อยที่สุด ญาญ่ามีทุกวันนี้ได้ไม่ใช่เพราะแค่กระแส แฟนคลับหรือดวงแน่นอน ฝีมือและความสามารถต่างหากที่ส่งน้องขึ้นมายืนจุดนี้ได้ร่วมทศวรรษ และมีวี่แววจะเพิ่มมากขึ้น ฝีมือญาญ่าเป็นที่ยอมรับในประเทศนอกหลายประเทศ ล่าสุดก็ฟิลิปปินส์ ก็ฝีมือเหมือนกันที่ทำห้างบ้านเค้าแตกได้
ใครได้เห็นกระทู้แนะนำ หัวข้อ “แฟนคลับญาญ่าในฟิลิปปินส์มารอคิวกันข้ามคืนเพื่อแฟนมีตติ้งครั้งนี้” ก็คงได้เห็นความห้างแตกในประเทศนอกของญาญ่ากันแล้ว
ใครได้เห็นกระทู้แนะนำ หัวข้อ “แฟนคลับญาญ่าในฟิลิปปินส์มารอคิวกันข้ามคืนเพื่อแฟนมีตติ้งครั้งนี้” ก็คงได้เห็นความห้างแตกในประเทศนอกของญาญ่ากันแล้ว
ความคิดเห็นที่ 19
ก้าวข้าม ตั้งแต่กุหลาบไร้หนามละครเรื่องแรกแล้วนะ ตอนนั้นญาญ่าคือนักแสดงหน้าใหม่นะเล่นเรื่องแรกเลย ซึ่งพลอยดังมากๆและบทบาทแรงๆด้วยแถมพลอยคือตัวเดินเรื่องเลยนะ
ถ้าญาญ่าเอาบทเรื่องนี้ไม่อยู่ คงถูกพลอยฆ่าคาจอไปแล้ว แต่เปล่าเลยเราชอบญาญ่าจากเรื่องนี้เลยบทน้อยกว่าพลอยแต่ เอาบทอยู่และไม่ดูด้อยกว่าพลอยด้วย
ถ้าญาญ่าเอาบทเรื่องนี้ไม่อยู่ คงถูกพลอยฆ่าคาจอไปแล้ว แต่เปล่าเลยเราชอบญาญ่าจากเรื่องนี้เลยบทน้อยกว่าพลอยแต่ เอาบทอยู่และไม่ดูด้อยกว่าพลอยด้วย
แสดงความคิดเห็น
ญาญ่า นางเอกที่ก้าวข้ามคำว่า " ดารา สู่ นักแสดง" เต็มตัว จาก ละครทั้ง 2 เรื่อง คลื่นชีวิต กับ กลิ่นกาสะลอง