สวัสดีค่ะ พี่ๆน้องๆเพื่อนๆชาว Pantip
เราจะมารีวิว การเตรียมตัว ที่พัก และข้อแนะนำเล็กๆน้อยๆสำหรับผู้สนใจจะไปมัลดีฟท์ด้วยเวลาจำกัด 3 วัน
ซึ่งเราไปมาเมื่อวันที่ 7-9 มิ.ย. 2562 ที่ผ่านมานี้เองค่ะ
คันปากอยากจะรีวิว กลัวจะลืม 55555+
โดยเห็นสายการบินหางแดงโปรโมตจังช่วงปีที่แล้ว ก็เลยกดตั๋วมาในราคาคนละ 6,xxx บาทค่ะ
เห็นน้องที่ทำงานไปมาสิ้นปีบอกตั๋ว 9,xxx กว่าเลยคิดว่าหูยอันนี้ก็ไม่แพงแล้วนา
หลังจากซื้อเสร็จ สบายใจ เฝ้ารอวันเวลาที่จะไปอย่างใจจดใจจ่อ
หลังจากมาศึกษาช่วงฤดูกาลเท่านั้นแหละ
เอ๊ะ มันหน้าฝนนี่นะ
แต่หลายๆรีวิวท่องเที่ยวก็ได้บอกเราว่า
ฝนมัลดีฟส์น่ะ ตกแป๊ปเดียวเท่านั้น ผ่านมาละก้ผ่านไป
แถมช่วงเดือนนี้แพคเกจรีสอร์ทราคาถูกกว่าช่วงอื่นประมาณ 1,000 - 4,000 ได้
ก็เลยคิดว่า เอาวะ มันคงไม่ตกหรอก ไงก็คงได้เห็นภาพสวยๆแบบตามรูปในเว็บไซต์แน่เลย อิอิ
ไม่รอช้า นั่งหารีสอร์ทเลยจ้ะ
คีย์สำคัญของการไปเที่ยวมัลดีฟท์ในใจใครหลายๆคน ก็คือรีสอร์ทที่พักนี่แหละ
ถ้าจะให้ดีไหนๆไปแล้วก็ต้องห้องกลางน้ำที่มีทางเดินยื่นทอดยาวไปในทะเลถูกมะ
แต่ทว่า ราคามันก็จะพลัสๆขึ้นไปอีกค่ะ
โดยส่วนใหญ่ที่พักจะแบ่งเป็น
1. บนบก บนชายหาด ซึ่งราคาจะถูกสุด
2. แบบครึ่งน้ำครึ่งบก คือตัวทางเข้าบ้านอยู่บนบก แต่ระเบียงจะติดทะเลเลย หรือบางที่มีบันไดลงทะเลเลย
3. แบบกลางน้ำ ก็คือแบบในรูปที่เราเห็น มีสะพานทอดยาวแล้วแตกออกเป็นบ้านอยู่บนทะเลเลย
ราคาก็จะไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ แถมบางที่มีคอลเลกชั่นบ้านกลางน้ำให้เลือกแยกไปอีก
เช่น หันฝั่งพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก มีจากกุชชี่ตรงระเบียง มีสระน้ำตรงระเบียง
ก็พลัสๆๆๆเงินขึ้นไปอีกจ้า
เรียกได้ว่าระดับฟูลออฟชั่นก็หมดไปไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ก็แลกกับรูปสวยๆแล้วก็ประสบการณ์อ่ะเนาะ
มาต่อกัน
เราควรจะเลือกรีสอร์ทแบบไหนดี
อันนี้ให้ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของทางเราเลยว่าชอบแบบไหน งบเท่าไหร่
แล้วลองปรึกษาเหล่า Agency ได้ค่ะ
อาจจะชอบแนวบ้านพักสวยๆ ห้องสวยๆ แค่ถ่ายรูปบริเวณบ้านก็อิ่มแล้ว
อาจจะชอบแนวแพคเกจที่รวมกิจกรรมทางน้ำเยอะๆสนุกๆ ทั้งดำน้ำ ล่องเรือ พายเรือแคนู
หรือจะชอบดำน้ำแถวๆที่พักก็ต้องเลือกที่พักบริเวณที่มีแนวปะการังสวยๆ ล่ะก็ ดำยาวๆอยู่ได้ทั้งวันแน่นอน
ทุกอย่างนี้เราสามารถแอดไลน์ไปคุยกับเอเจนซี่เจ้าต่างๆมาได้เลยค่ะ เจ้าไหนบริการดี ชอบแบบไหนก็ซื้อกับเขาเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้All about Maldives : https://www.facebook.com/allaboutmaldives/
Maldive experts : https://www.maldives-experts.com/
เป็นสองเจ้าที่เราคุยนะคะ ซึ่งโอเคและประทับใจทั้งคู่ค่ะ แต่มีทัวร์อื่นและบริษัทเอเจนซี่อีกเยอะมากที่ขายแพคเกจค่ะ หรือจะลองไปเดินตามงานท่องเที่ยวก็ได้ค่ะ
และการเลือกรีสอร์ทก็ขึ้นกับความชอบส่วนบุคคล
ซึ่งที่เราต้องการคือ
1. ราคาไม่ถึง 30K ในแพคเกจ 3 วัน 2 คืน
2. บิน Seaplane (จากการชมช่อง อาสาพาไปหลงใน Youtube แล้วโดนพี่ว่านไฉเป่าหูมาค่ะ)
3. ต้องมีปะการังให้ดำเล่นรอบบ้านได้สวยงาม มีปลาเยอะๆยิ่งดี
โดยที่เราเลือกในตอนแรกก็คือ Villamendhoo ค่ะ ซึ่งอยู่บริเวณ South Ari Aroll
ลืมบอกไปว่า Atoll หรือ อะทอลล์ คือเหล่าหมู่เกาะ ลากูน พื้นที่ต่างๆในมัลดีฟส์ซึ่งจะมีหลายแห่งหลายที่
ตัวดังๆที่รีสอร์ทฮอตฮิตยอดนิยม กับแหล่งดำน้ำชื่อว่า Ari Atoll ค่ะ แบ่งเป็นฝั่งเหนือกับฝั่งใต้ ซึ่งไม่ไกลกันมาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ภาพจาก Google
ในภาพ ตัว Male มีขีด อ่านว่า มาเล่ เป็นเมืองหลวงของประเทศมัลดีฟส์ค่ะ
เป็นที่ตั้งของสนามบินที่ชื่อว่า Velana
โดยเราจะบินไปลง Male ก่อนจากนั้นค่อยนั่งเรือหรือเครื่องบินน้ำไปรีสอร์ทค่ะ
Ari Atoll จะอยู่ด้านซ้ายของ Male ค่ะ
แต่เนื่องจากว่าราคาแพคเกจที่หามาเกิน 30K แม้จะเป็นช่วงเดือนที่ถูกที่สุดแล้วก็ตาม T_T
ก็เลยอดค่ะ
และแล้วก็ได้ที่ใหม่ ที่เดียวที่คุ้นเคย และเป็นที่ๆทำให้เราอยากรู้จักมัลดีฟท์
ที่เดียวกับพี่ว่านไฉ อาสาพาไปหลง
Safari Island นั่นเองค่ะ
- ทริปนี้เราใช้กล้อง Oymplus EM10 Mark 1 กับเลนส์ M4/3 Panasonic 15mm. f1.7 ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยได้เลือกแพคเกจ All Inclusive ในราคา 25,xxx
เนื่องจากเราคึกคะนอง อยากลองทำทุกอย่างเอง
จึงเลือกที่จะไม่จองผ่านเอเจนซี่ไทยค่ะ
และได้ติดต่อกับเว็บไซต์รีสอร์ทโดยตรง
อีเมลล์ติดต่อกันไปมาอยู่ซักพัก ทางรีสอร์ทก็บอกเราว่า
ปกติแล้วหน้าที่ขายจะเป็นของเอเจนซี่ค่ะ เลยส่งเรื่องกับข้อมูลเราต่อไปให้เอเจนซี่ที่นั่น
ชื่อว่า Splendidasia
ไอเราก็คิดว่าคงได้ราคาถูกกว่าไทยแน่ ก็เราจองโดยตรงนี่เนอะ
มโนหนักมาก เป็นตุเป็นตะ
สรุปยอดมา ราคาแพงกว่าไทยประมาณ 900 กว่าบาท หลังจากแปลงค่าเงินแล้ว
ร้องห้ายสิคะ
เอาเป็นว่าไหนๆก็คุยซะตั้งนาน ตอบไว บริการดี เห้อ ก็เลยซื้อกับเค้าเลยแล้วกัน
รวมค่าบริการซีเพลนไปกลับ นอนกลางน้ำ 2 คืน และแพคเกจ อาหาร 5 มื้อรวมทั้งบาร์เครื่องดื่มแล้วค่ะ
พอใกล้ๆวันจะไปเริ่มกังวลว่า จะมีคนมารับตูที่สนามบินมั้ย
เลยได้ถามในอีเมลล์คอนเฟิร์มอีกที
เขาก็บอกว่ามี ถ้าไม่เจอก็มาหาที่เคาน์เตอร์ทัวร์เบอร์ 15
เราก็โอเค สบายใจ
เรื่องเงินเราไม่แลกไปเลยค่ะ กะว่าจะไม่ซื้ออะไรอยู่แล้ว
แต่ถ้าแลก ให้แลกเป็น US Dollar นะคะ
ซิมโทรศัพท์ก็ไม่ซื้อค่ะ เราจะไม่ยอมเสียเงินมากไปกว่านี้อีก !!!
หวังพึ่ง Wifi สนามบินกับโรงแรมค่ะ 5555+
พอลงเครื่องปุ๊บ
ไหนวะ คนมารับ
มองหาป้ายชื่อเรา
มองหาป้ายโรงแรม
เวร ไม่มี
ไวไฟสนามบินนี่ก็กากด้วยตรงบริเวณนั้นเพราะออกมาด้านนอกแล้ว
เดินไปเคาน์เตอร์ 15 ก็ไม่มีคน
ผีแล้วไง เอาไงล่ะทีนี้
สบตาจนท.เคาน์เตอร์ 14 ซึ่งเป็นของรีสอร์ทอื่น พร้อมขอให้ช่วย
นางบอกโอเคแปปนึงๆ แล้วโทรศัพท์ให้
รอประมาณ 5 นาที จนท.ก็มาถึง
พาเราไปยื่นพาสปอร์ตที่เคาน์เตอร์ซีเพลน ยี่ห้อ Maldivian
ได้บอร์ดดิ้งพาสแล้วก็จับขึ้นรถตู้ แล้วนั่งไปเรื่อยๆ
ไอเราก็ตามน้ำไป ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
พอไปถึงน่าจะเป็นท่าเรือ บอกว่าเครื่องบินจะออกอีกประมาณ 1.30 ชม.
ให้ชั้นนั่งรอไปอีก ร้อนมาก พัดลมมาไม่ถึง แถมยุงกัด
เดชะบุญที่ห้องน้ำดี มีที่ฉีดก้น หรูหราสบาย เอาไว้รับรองนักบิน
ขับถ่ายเสร็จ ออกมาชาร์จไฟเตรียมพร้อม
อ้อ เค้ามีบริการน้ำดื่มนะ ตรงที่นั่งรอ เราต้องไปขอเขา แจกฟรี
และแล้วก็ถึงเวลา...
หลังจากรอพรรคพวกมาสมทบที่เหลือ ซึ่งเป็นทัวร์คนไทยเช่นเดียวกัน
ทีดูทรงแล้วน่าจะเป็นรีสอร์ทเดียวกันอีก
ภาพที่เห็นคือ ว้าววว เครื่องบินน้ำจอดเรียงรายสวยงาม ท่ามกลางสีฟ้าสดใส
ไหนบอกมัลดีฟส์ฝนจะตก ไม่เห็นมีไรเลย สบาย โห อากาศดีแบบนี้สงสัยไปถึงต้องเล่นน้ำเลยแหงๆ
บนตั๋วเครื่องบินจะมีที่นั่งระบุอยู่ค่ะ เราก็นั่งตามที่
เขาจะเอากระเป๋าลากเราไปตั้งแต่ก่อนขึ้นรถตู้นะ
พอตอนขึ้นเครื่องเขาจะให้เราเอาเป้ไปฝากเข้าไว้ท้ายลำด้วย
เนื่องเพราะที่นั่งค่อนข้างแคบมาก นั่งแบบ 1:2 เบียดกว่ารถเมล์อีก
เหมือนรถตู้ที่ไม่มีแอร์อ่ะ แล้วพัดลมเป่าหล่อเลี้ยงลมหายใจคนบนเครื่องกันไป
อยากจะบอกว่าเครื่องแบบนักบินโคตะระเท่ ด้านบนเป็นยูนิฟอร์มแขนสั้น
ด้านล่างนี่ทีเด็ด กุงเกงสามส่วนสีดำ คีบแตะไม่ก็เหยียบส้น
พอขึ้นไปคาดเข็มขัดเรียบร้อย เขาก็จะประกาศบรี๊ฟแบบแร๊ปรัวๆ เรื่องข้อกำหนดบนเครื่องเสร็จไม่ถึง 30 วินาที
แล้วบอกที่เหลือไปอ่านเองอยู่ในใบหน้าที่นั่ง
บนเครื่องมีน้ำให้ที่นั่งละขวดค่ะ
บรรยากาศห้องนักบินเปิดโล่งให้เราเห็นกันไปเลย
บ๊ายบายมาเล่ เดี๋ยวมะรืนนี้เจอกันใหม่จ้า
ตอนออกตัวก็เท่มาก พอเห็นวิวด้านล่างแล้วคือสวยมาก ถ้านั่งสปีดโบ๊ทไม่เห็นแบบนี้นะ ก็จะเห็นวิวทะเลด้านล่างแทน
พอใกล้จอดเริ่มเห็นลางละ
ฟ้าเริ่มมืด เมฆเริ่มมารอ
พอลงมาเท่านั้นฝนตกเปาะแปะ และเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ
เดี๋ยวมันคงผ่านไปมั้ง เหมือนที่รีวิวบอกไว้
ได้แต่นั่งรอในเครื่อง
เครื่องบินลำน้อยบนผิวน้ำ ที่เต็มไปด้วยคลื่นลมกรรโชกแรง
ไม่มีหน้าต่างไว้หายใจ มีแต่ประตูซึ่งนักบินปิดไว้เพื่อกันฝน
พัดลมที่เปิดพัดกลิ่นน้ำมันเครื่องบินให้ไหลวนเวียนในนั้น
และรอคอยเรือจากเกาะมารับอย่างมีความหวัง
สิ่งที่เริ่มเข้าสู่สมองเรื่อยๆมันเริ่มเป็นภาพชัดเจนขึ้น
ตาเริ่มเหลือบไปมองถุงอ้วกที่ไม่เคยคิดจะใช้บนที่ใส่ของด้านหน้า
ความรู้สึกคือ โคตร จะ แย่ เลย
พยายามมองไกล พยายามหายใจเข้าออก
มันดีขึ้นแต่ก็ทรมานมากๆ
ติดอยู่กันหลายสิบนาที ได้แต่เฝ้านับเวลารอคอย หลับตา
ยิ่งกว่ารถตู้เชียงใหม่-ปาย ที่พาวนเก็บทุกโค้ง
อันนี้คือมันตีขึ้น ตีเอียง ตีเฉียง ตีเบี้ยว
มันมาทุกทิศทาง ทั้งลมทั้งคลื่น
รู้ซึ้งแล้วในช่วงหน้าฝนของมัลดีฟท์หรือที่ไหนก็ตามที่ต้องลอยเท้งเต้งในทะเล
ไหนใครบอกฝนผ่านมาแล้วผ่านไปแปปเดียว
หลอกตูชัดๆ T^T
คนข้างๆคุยกันบอกถ้ามีคนอ้วกนี่อ้วกกันทั้งลำตามๆกันไปแน่
สภาพจากสดใสดี๊ด๊าถ่ายคลิปตอนเครื่องบินขึ้นนี่คือกลายเป็นสภาพผู้ประสบภัย
เอนตัวหลับตาหน้าซีดกลั้นอ้วกกันทุกคน
และแล้วพอรอฝนซา...แค่ซานะ ไม่ได้หมด
เจ้าเรือก็มารับ เป็นเรือขนาดใหญ่นั่งได้สบาย เบาะนุ่มมาก คือดีกว่าอิเครื่องบินน้ำเยอะ
รอดตายแล้วตู
เรือค่อยๆแล่นเข้ารีสอร์ท ภาพเริ่มสวย แต่เมฆยังคงไม่หายไป
พี่ว่านไฉ น้องคงมาผิดเดือนจริงๆ ได้แต่สวดมนตร์ว่าให้ฝนฟ้าผ่านไปโดยเร็วไว ตรูอยากจะเล่นน้ำแล้วว้อย
พอขึ้นมาเดินตากฝนไปรอตรงล๊อบบี้กัน ก็มี welcome drink มาแจกคนละแก้ว พร้อมทั้งผ้าเย็นเช็ดหน้า
มารู้ชื่อที่หลังว่าเป็นคอกเทลแบบไม่มีแอลกอฮอร์ ชื่อว่า Cinderella เป็นสัปปะรด ส้ม และสตรอเบอร์รี่ผสมกัน อร่อยชื่นใจหายเวียนหัวมาทันที
Tips : แนะนำว่าควรเอา
ยาดมพกติดตัวไปด้วย อย่าลืมไว้ในเป้แบบเรานะ เพราะเค้าจะเก็บเป้ไปตอนขึ้นเครื่อง T^T ลุกไปเอาทีหลังก็ลำบากแล้ว
ต่อมาก็เขาจะรอให้เราเช็คอิน ซึ่งไม่รู้ว่าซวยหรือเป็นมาตรการของเขา
ทุกกระบวนการเราต้องทำพร้อมทัวร์ไทยที่มาด้วย
มันไม่ใช่ว่าคนไทยไม่ดีนะ คือมันเสียเวลาเว้ยยยย
เราไม่ได้มากับเขาไง แต่ต้องรอขนกระเป๋า เช็คกระเป๋า แจกเบอร์ห้อง
สรุปรายละเอียด รอเซ็นชื่อ ตรวจพาสปอร์ต บลาๆ
รอคนนำเดินแนะนำไปพร้อมๆกัน รอพาไปส่งหน้าห้อง
เอาเถอะ ก็คือนั่งตบยุงรอกันในล๊อบบี้นั่นแหละ ฮือๆ
สรุปคือใช้ระยะเวลาทั้งหมดตั้งแต่ออกจากดอนเมืองจนเหยียบเข้าห้องพักเนี่ย
ประมาณเกือบ 7 ชั่วโมงได้อ่ะ เสียเวลาไอตรงรอเครื่องบินน้ำออก รอติดฝนในเครื่องบินน้ำ
รอเช็คอินโน่นนี่ เห้อ เพลีย แหกขี้ตาตื่นก็เช้าละ พอเดินทางถึงอีกไม่กี่ชม.ก็มืด ไม่มีไรให้ทำเลย หมดไปวันนึงจริงๆอ่ะ
รู้สึกคิดผิดมากๆที่มาแค่ 3 วัน 2 คืน แล้วแบบขากลับ ในวันที่3 สายการบินราคาประหยัดของเราก็คือรอบ 12.25 ไม่อยากจะคิดว่าต้องออกกี่โมง
ต่อในความเห็นที่ 1 นะคะ
ตะลุยมัลดีฟส์หน้าฝน สวดมนตร์ให้ได้ไปดำน้ำ ลางานหนึ่งวันก็ไปได้นะ
เราจะมารีวิว การเตรียมตัว ที่พัก และข้อแนะนำเล็กๆน้อยๆสำหรับผู้สนใจจะไปมัลดีฟท์ด้วยเวลาจำกัด 3 วัน
ซึ่งเราไปมาเมื่อวันที่ 7-9 มิ.ย. 2562 ที่ผ่านมานี้เองค่ะ
คันปากอยากจะรีวิว กลัวจะลืม 55555+
โดยเห็นสายการบินหางแดงโปรโมตจังช่วงปีที่แล้ว ก็เลยกดตั๋วมาในราคาคนละ 6,xxx บาทค่ะ
เห็นน้องที่ทำงานไปมาสิ้นปีบอกตั๋ว 9,xxx กว่าเลยคิดว่าหูยอันนี้ก็ไม่แพงแล้วนา
หลังจากซื้อเสร็จ สบายใจ เฝ้ารอวันเวลาที่จะไปอย่างใจจดใจจ่อ
หลังจากมาศึกษาช่วงฤดูกาลเท่านั้นแหละ
เอ๊ะ มันหน้าฝนนี่นะ
แต่หลายๆรีวิวท่องเที่ยวก็ได้บอกเราว่า
ฝนมัลดีฟส์น่ะ ตกแป๊ปเดียวเท่านั้น ผ่านมาละก้ผ่านไป
แถมช่วงเดือนนี้แพคเกจรีสอร์ทราคาถูกกว่าช่วงอื่นประมาณ 1,000 - 4,000 ได้
ก็เลยคิดว่า เอาวะ มันคงไม่ตกหรอก ไงก็คงได้เห็นภาพสวยๆแบบตามรูปในเว็บไซต์แน่เลย อิอิ
ไม่รอช้า นั่งหารีสอร์ทเลยจ้ะ
คีย์สำคัญของการไปเที่ยวมัลดีฟท์ในใจใครหลายๆคน ก็คือรีสอร์ทที่พักนี่แหละ
ถ้าจะให้ดีไหนๆไปแล้วก็ต้องห้องกลางน้ำที่มีทางเดินยื่นทอดยาวไปในทะเลถูกมะ
แต่ทว่า ราคามันก็จะพลัสๆขึ้นไปอีกค่ะ
โดยส่วนใหญ่ที่พักจะแบ่งเป็น
1. บนบก บนชายหาด ซึ่งราคาจะถูกสุด
2. แบบครึ่งน้ำครึ่งบก คือตัวทางเข้าบ้านอยู่บนบก แต่ระเบียงจะติดทะเลเลย หรือบางที่มีบันไดลงทะเลเลย
3. แบบกลางน้ำ ก็คือแบบในรูปที่เราเห็น มีสะพานทอดยาวแล้วแตกออกเป็นบ้านอยู่บนทะเลเลย
ราคาก็จะไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ แถมบางที่มีคอลเลกชั่นบ้านกลางน้ำให้เลือกแยกไปอีก
เช่น หันฝั่งพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก มีจากกุชชี่ตรงระเบียง มีสระน้ำตรงระเบียง
ก็พลัสๆๆๆเงินขึ้นไปอีกจ้า
เรียกได้ว่าระดับฟูลออฟชั่นก็หมดไปไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ก็แลกกับรูปสวยๆแล้วก็ประสบการณ์อ่ะเนาะ
มาต่อกัน
เราควรจะเลือกรีสอร์ทแบบไหนดี
อันนี้ให้ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของทางเราเลยว่าชอบแบบไหน งบเท่าไหร่
แล้วลองปรึกษาเหล่า Agency ได้ค่ะ
อาจจะชอบแนวบ้านพักสวยๆ ห้องสวยๆ แค่ถ่ายรูปบริเวณบ้านก็อิ่มแล้ว
อาจจะชอบแนวแพคเกจที่รวมกิจกรรมทางน้ำเยอะๆสนุกๆ ทั้งดำน้ำ ล่องเรือ พายเรือแคนู
หรือจะชอบดำน้ำแถวๆที่พักก็ต้องเลือกที่พักบริเวณที่มีแนวปะการังสวยๆ ล่ะก็ ดำยาวๆอยู่ได้ทั้งวันแน่นอน
ทุกอย่างนี้เราสามารถแอดไลน์ไปคุยกับเอเจนซี่เจ้าต่างๆมาได้เลยค่ะ เจ้าไหนบริการดี ชอบแบบไหนก็ซื้อกับเขาเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และการเลือกรีสอร์ทก็ขึ้นกับความชอบส่วนบุคคล
ซึ่งที่เราต้องการคือ
1. ราคาไม่ถึง 30K ในแพคเกจ 3 วัน 2 คืน
2. บิน Seaplane (จากการชมช่อง อาสาพาไปหลงใน Youtube แล้วโดนพี่ว่านไฉเป่าหูมาค่ะ)
3. ต้องมีปะการังให้ดำเล่นรอบบ้านได้สวยงาม มีปลาเยอะๆยิ่งดี
โดยที่เราเลือกในตอนแรกก็คือ Villamendhoo ค่ะ ซึ่งอยู่บริเวณ South Ari Aroll
ลืมบอกไปว่า Atoll หรือ อะทอลล์ คือเหล่าหมู่เกาะ ลากูน พื้นที่ต่างๆในมัลดีฟส์ซึ่งจะมีหลายแห่งหลายที่
ตัวดังๆที่รีสอร์ทฮอตฮิตยอดนิยม กับแหล่งดำน้ำชื่อว่า Ari Atoll ค่ะ แบ่งเป็นฝั่งเหนือกับฝั่งใต้ ซึ่งไม่ไกลกันมาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่เนื่องจากว่าราคาแพคเกจที่หามาเกิน 30K แม้จะเป็นช่วงเดือนที่ถูกที่สุดแล้วก็ตาม T_T
ก็เลยอดค่ะ
และแล้วก็ได้ที่ใหม่ ที่เดียวที่คุ้นเคย และเป็นที่ๆทำให้เราอยากรู้จักมัลดีฟท์
ที่เดียวกับพี่ว่านไฉ อาสาพาไปหลง
Safari Island นั่นเองค่ะ
- ทริปนี้เราใช้กล้อง Oymplus EM10 Mark 1 กับเลนส์ M4/3 Panasonic 15mm. f1.7 ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยได้เลือกแพคเกจ All Inclusive ในราคา 25,xxx
เนื่องจากเราคึกคะนอง อยากลองทำทุกอย่างเอง
จึงเลือกที่จะไม่จองผ่านเอเจนซี่ไทยค่ะ
และได้ติดต่อกับเว็บไซต์รีสอร์ทโดยตรง
อีเมลล์ติดต่อกันไปมาอยู่ซักพัก ทางรีสอร์ทก็บอกเราว่า
ปกติแล้วหน้าที่ขายจะเป็นของเอเจนซี่ค่ะ เลยส่งเรื่องกับข้อมูลเราต่อไปให้เอเจนซี่ที่นั่น
ชื่อว่า Splendidasia
ไอเราก็คิดว่าคงได้ราคาถูกกว่าไทยแน่ ก็เราจองโดยตรงนี่เนอะ
มโนหนักมาก เป็นตุเป็นตะ
สรุปยอดมา ราคาแพงกว่าไทยประมาณ 900 กว่าบาท หลังจากแปลงค่าเงินแล้ว
ร้องห้ายสิคะ
เอาเป็นว่าไหนๆก็คุยซะตั้งนาน ตอบไว บริการดี เห้อ ก็เลยซื้อกับเค้าเลยแล้วกัน
รวมค่าบริการซีเพลนไปกลับ นอนกลางน้ำ 2 คืน และแพคเกจ อาหาร 5 มื้อรวมทั้งบาร์เครื่องดื่มแล้วค่ะ
พอใกล้ๆวันจะไปเริ่มกังวลว่า จะมีคนมารับตูที่สนามบินมั้ย
เลยได้ถามในอีเมลล์คอนเฟิร์มอีกที
เขาก็บอกว่ามี ถ้าไม่เจอก็มาหาที่เคาน์เตอร์ทัวร์เบอร์ 15
เราก็โอเค สบายใจ
เรื่องเงินเราไม่แลกไปเลยค่ะ กะว่าจะไม่ซื้ออะไรอยู่แล้ว
แต่ถ้าแลก ให้แลกเป็น US Dollar นะคะ
ซิมโทรศัพท์ก็ไม่ซื้อค่ะ เราจะไม่ยอมเสียเงินมากไปกว่านี้อีก !!!
หวังพึ่ง Wifi สนามบินกับโรงแรมค่ะ 5555+
พอลงเครื่องปุ๊บ
ไหนวะ คนมารับ
มองหาป้ายชื่อเรา
มองหาป้ายโรงแรม
เวร ไม่มี
ไวไฟสนามบินนี่ก็กากด้วยตรงบริเวณนั้นเพราะออกมาด้านนอกแล้ว
เดินไปเคาน์เตอร์ 15 ก็ไม่มีคน
ผีแล้วไง เอาไงล่ะทีนี้
สบตาจนท.เคาน์เตอร์ 14 ซึ่งเป็นของรีสอร์ทอื่น พร้อมขอให้ช่วย
นางบอกโอเคแปปนึงๆ แล้วโทรศัพท์ให้
รอประมาณ 5 นาที จนท.ก็มาถึง
พาเราไปยื่นพาสปอร์ตที่เคาน์เตอร์ซีเพลน ยี่ห้อ Maldivian
ได้บอร์ดดิ้งพาสแล้วก็จับขึ้นรถตู้ แล้วนั่งไปเรื่อยๆ
ไอเราก็ตามน้ำไป ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
พอไปถึงน่าจะเป็นท่าเรือ บอกว่าเครื่องบินจะออกอีกประมาณ 1.30 ชม.
ให้ชั้นนั่งรอไปอีก ร้อนมาก พัดลมมาไม่ถึง แถมยุงกัด
เดชะบุญที่ห้องน้ำดี มีที่ฉีดก้น หรูหราสบาย เอาไว้รับรองนักบิน
ขับถ่ายเสร็จ ออกมาชาร์จไฟเตรียมพร้อม
อ้อ เค้ามีบริการน้ำดื่มนะ ตรงที่นั่งรอ เราต้องไปขอเขา แจกฟรี
และแล้วก็ถึงเวลา...
หลังจากรอพรรคพวกมาสมทบที่เหลือ ซึ่งเป็นทัวร์คนไทยเช่นเดียวกัน
ทีดูทรงแล้วน่าจะเป็นรีสอร์ทเดียวกันอีก
ภาพที่เห็นคือ ว้าววว เครื่องบินน้ำจอดเรียงรายสวยงาม ท่ามกลางสีฟ้าสดใส
ไหนบอกมัลดีฟส์ฝนจะตก ไม่เห็นมีไรเลย สบาย โห อากาศดีแบบนี้สงสัยไปถึงต้องเล่นน้ำเลยแหงๆ
บนตั๋วเครื่องบินจะมีที่นั่งระบุอยู่ค่ะ เราก็นั่งตามที่
เขาจะเอากระเป๋าลากเราไปตั้งแต่ก่อนขึ้นรถตู้นะ
พอตอนขึ้นเครื่องเขาจะให้เราเอาเป้ไปฝากเข้าไว้ท้ายลำด้วย
เนื่องเพราะที่นั่งค่อนข้างแคบมาก นั่งแบบ 1:2 เบียดกว่ารถเมล์อีก
เหมือนรถตู้ที่ไม่มีแอร์อ่ะ แล้วพัดลมเป่าหล่อเลี้ยงลมหายใจคนบนเครื่องกันไป
อยากจะบอกว่าเครื่องแบบนักบินโคตะระเท่ ด้านบนเป็นยูนิฟอร์มแขนสั้น
ด้านล่างนี่ทีเด็ด กุงเกงสามส่วนสีดำ คีบแตะไม่ก็เหยียบส้น
พอขึ้นไปคาดเข็มขัดเรียบร้อย เขาก็จะประกาศบรี๊ฟแบบแร๊ปรัวๆ เรื่องข้อกำหนดบนเครื่องเสร็จไม่ถึง 30 วินาที
แล้วบอกที่เหลือไปอ่านเองอยู่ในใบหน้าที่นั่ง
บนเครื่องมีน้ำให้ที่นั่งละขวดค่ะ
บรรยากาศห้องนักบินเปิดโล่งให้เราเห็นกันไปเลย
บ๊ายบายมาเล่ เดี๋ยวมะรืนนี้เจอกันใหม่จ้า
ตอนออกตัวก็เท่มาก พอเห็นวิวด้านล่างแล้วคือสวยมาก ถ้านั่งสปีดโบ๊ทไม่เห็นแบบนี้นะ ก็จะเห็นวิวทะเลด้านล่างแทน
พอใกล้จอดเริ่มเห็นลางละ
ฟ้าเริ่มมืด เมฆเริ่มมารอ
พอลงมาเท่านั้นฝนตกเปาะแปะ และเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ
เดี๋ยวมันคงผ่านไปมั้ง เหมือนที่รีวิวบอกไว้
ได้แต่นั่งรอในเครื่อง
เครื่องบินลำน้อยบนผิวน้ำ ที่เต็มไปด้วยคลื่นลมกรรโชกแรง
ไม่มีหน้าต่างไว้หายใจ มีแต่ประตูซึ่งนักบินปิดไว้เพื่อกันฝน
พัดลมที่เปิดพัดกลิ่นน้ำมันเครื่องบินให้ไหลวนเวียนในนั้น
และรอคอยเรือจากเกาะมารับอย่างมีความหวัง
สิ่งที่เริ่มเข้าสู่สมองเรื่อยๆมันเริ่มเป็นภาพชัดเจนขึ้น
ตาเริ่มเหลือบไปมองถุงอ้วกที่ไม่เคยคิดจะใช้บนที่ใส่ของด้านหน้า
ความรู้สึกคือ โคตร จะ แย่ เลย
พยายามมองไกล พยายามหายใจเข้าออก
มันดีขึ้นแต่ก็ทรมานมากๆ
ติดอยู่กันหลายสิบนาที ได้แต่เฝ้านับเวลารอคอย หลับตา
ยิ่งกว่ารถตู้เชียงใหม่-ปาย ที่พาวนเก็บทุกโค้ง
อันนี้คือมันตีขึ้น ตีเอียง ตีเฉียง ตีเบี้ยว
มันมาทุกทิศทาง ทั้งลมทั้งคลื่น
รู้ซึ้งแล้วในช่วงหน้าฝนของมัลดีฟท์หรือที่ไหนก็ตามที่ต้องลอยเท้งเต้งในทะเล
ไหนใครบอกฝนผ่านมาแล้วผ่านไปแปปเดียว
หลอกตูชัดๆ T^T
คนข้างๆคุยกันบอกถ้ามีคนอ้วกนี่อ้วกกันทั้งลำตามๆกันไปแน่
สภาพจากสดใสดี๊ด๊าถ่ายคลิปตอนเครื่องบินขึ้นนี่คือกลายเป็นสภาพผู้ประสบภัย
เอนตัวหลับตาหน้าซีดกลั้นอ้วกกันทุกคน
และแล้วพอรอฝนซา...แค่ซานะ ไม่ได้หมด
เจ้าเรือก็มารับ เป็นเรือขนาดใหญ่นั่งได้สบาย เบาะนุ่มมาก คือดีกว่าอิเครื่องบินน้ำเยอะ
รอดตายแล้วตู
เรือค่อยๆแล่นเข้ารีสอร์ท ภาพเริ่มสวย แต่เมฆยังคงไม่หายไป
พี่ว่านไฉ น้องคงมาผิดเดือนจริงๆ ได้แต่สวดมนตร์ว่าให้ฝนฟ้าผ่านไปโดยเร็วไว ตรูอยากจะเล่นน้ำแล้วว้อย
พอขึ้นมาเดินตากฝนไปรอตรงล๊อบบี้กัน ก็มี welcome drink มาแจกคนละแก้ว พร้อมทั้งผ้าเย็นเช็ดหน้า
มารู้ชื่อที่หลังว่าเป็นคอกเทลแบบไม่มีแอลกอฮอร์ ชื่อว่า Cinderella เป็นสัปปะรด ส้ม และสตรอเบอร์รี่ผสมกัน อร่อยชื่นใจหายเวียนหัวมาทันที
Tips : แนะนำว่าควรเอายาดมพกติดตัวไปด้วย อย่าลืมไว้ในเป้แบบเรานะ เพราะเค้าจะเก็บเป้ไปตอนขึ้นเครื่อง T^T ลุกไปเอาทีหลังก็ลำบากแล้ว
ต่อมาก็เขาจะรอให้เราเช็คอิน ซึ่งไม่รู้ว่าซวยหรือเป็นมาตรการของเขา
ทุกกระบวนการเราต้องทำพร้อมทัวร์ไทยที่มาด้วย
มันไม่ใช่ว่าคนไทยไม่ดีนะ คือมันเสียเวลาเว้ยยยย
เราไม่ได้มากับเขาไง แต่ต้องรอขนกระเป๋า เช็คกระเป๋า แจกเบอร์ห้อง
สรุปรายละเอียด รอเซ็นชื่อ ตรวจพาสปอร์ต บลาๆ
รอคนนำเดินแนะนำไปพร้อมๆกัน รอพาไปส่งหน้าห้อง
เอาเถอะ ก็คือนั่งตบยุงรอกันในล๊อบบี้นั่นแหละ ฮือๆ
สรุปคือใช้ระยะเวลาทั้งหมดตั้งแต่ออกจากดอนเมืองจนเหยียบเข้าห้องพักเนี่ย
ประมาณเกือบ 7 ชั่วโมงได้อ่ะ เสียเวลาไอตรงรอเครื่องบินน้ำออก รอติดฝนในเครื่องบินน้ำ
รอเช็คอินโน่นนี่ เห้อ เพลีย แหกขี้ตาตื่นก็เช้าละ พอเดินทางถึงอีกไม่กี่ชม.ก็มืด ไม่มีไรให้ทำเลย หมดไปวันนึงจริงๆอ่ะ
รู้สึกคิดผิดมากๆที่มาแค่ 3 วัน 2 คืน แล้วแบบขากลับ ในวันที่3 สายการบินราคาประหยัดของเราก็คือรอบ 12.25 ไม่อยากจะคิดว่าต้องออกกี่โมง
ต่อในความเห็นที่ 1 นะคะ