พระอธิการคึกฤทธิ์ ไม่ได้นำเงินบริจาคของญาติโยม มาใช้ตามวัตถุประสงค์ในการบริจาค???

กระทู้คำถาม
นายจักร์กริช กล่าวว่า ตนได้เข้าไปเป็นลูกศิษย์พระคึกฤทธิ์ เมื่อประมาณปี 2557-2559 และได้ร่วมบริจาคเงินให้กับวัดนาป่าพงเป็นจำนวนมากถึงประมาณ 15 ล้านบาท แต่ที่มาทำให้เกิดข้อสงสัย และนำไปสู่การยื่นฟ้องต่อศาล คือ พระคึกฤทธิ์ ได้ขอรับบริจาคเงินในการจัดพิมพ์หนังสือ และซื้อที่ดิน แต่กลับพบว่าในการจัดพิมพ์หนังสือนั้น มีหนังสือที่จะจัดพิมพ์อยู่แล้วในโกดัง แต่พระคึกฤทธิ์ ก็ยังบอกบุญคณะศิษย์ของบฯ ไปจัดพิมพ์หนังสือใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องที่ดินนั้น พบว่า ทางพระคึกฤทธิ์ได้บอกบุญคณะศิษย์ไปว่า จะขอรับบริจาคเพื่อที่ทางวัดจะซื้อที่ดินเพิ่มข้างวัดจำนวน 80 ไร่ แต่เมื่อมีการบริจาคไปแล้ว กลับพบว่าเงินไปเข้าบัญชีของมูลนิธิพุทธโฆษณ์ที่ทางพระคึกฤทธิ์ตั้งขึ้น ซึ่งเท่ากับว่าเมื่อมีการซื้อที่ดินไปจะเป็นที่ดินของมูลนิธิฯ ไม่ได้เป็นที่ดินของวัด 
อดีตศิษย์วัดนาป่าพง

กล่าวต่อว่า ตนและทางกลุ่มพุทธพจน์ฯ ยังตรวจพบหลักฐานสำคัญว่า พระคึกฤทธิ์ ได้เปิดบัญชีในนามวัดนาป่าพง กับธ.ไทยพาณิชย์ สาขาคลอง 10 ธัญบุรี และธ.สิกรไทย สาขาคลอง 6 ธัญบุรี เพื่อรับเงินบริจาคจากญาติโยม แต่เมื่อมีการบริจาคผ่านทั้ง 2 บัญชีดังกล่าวแล้ว จะมีการโอนเงินเข้าบัญชีของพระผู้ช่วยของพระคึกฤทธิ์ทุกครั้ง โดยช่วงปี 2555-2559 มีการโอนจากธ.ไทยพาณิชย์ กว่า 272 ล้านบาท และจากธ.กสิกรไทย กว่า 243 ล้านบาท รวมเป็นเงินกว่า 515 ล้านบาท โดยที่ไม่มีหลักฐานการที่พระคึกฤทธิ์ นำเงินสดที่เบิกถอนดังกล่าว ไปใช้ตามความประสงค์ของญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาในการจัดพิมพ์หนังสือ และซื้อที่ดินแต่อย่างใด ขณะเดียวกันยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าพระคึกฤทธิ์นำเงินจำนวนดังกล่าวไปทำอะไรบ้าง

แต่เท่าที่ทราบเจ้าหน้าที่ของวัดนาป่าพงบางคนมีโบนัสประจำปีสูงถึง 300,000-500,000 บาทต่อคน

ขณะที่พระคึกฤทธิ์ ยังมีรถประจำตัวราคาสูงถึงคันละ 9-10 ล้านบาทด้วย

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1494666
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่