X-Men: Dark Phoenix (Simon Kinberg, 2019) คะแนน C (6/10)
"ค่อนข้างน่าผิดหวังเพราะหนังไม่มีอะไรให้น่าจดจำ" X-Men: Dark Phoenix มีเหล่านักแสดงมากฝีมือและเต็มไปด้วยเสน่ห์หลายคนเป็นทุนเดิมจากภาคก่อน ๆ เพิ่มเติมมาคือตัวร้ายรับบทโดย เจสสิกา แชสเทน ซึ่งเป็นบทบาทที่ไม่มีอะไรน่าจดจำจนน่าเสียดาย หนังเปิดเรื่องราวมาค่อนข้างน่าสนใจเกี่ยวกับความเป็นฮีโร่ และต้องการให้คนธรรมดายอมรับความแปลกแยกของมนุษย์กลายพันธุ์ ไดอะล็อกของหนังค่อนข้างเข้มข้นในช่วงต้นเรื่อง และดูมีประเด็นสาระที่น่าสนใจอยู่พอสมควร แต่หลังจาก จีน เกรย์ ตัวละครนำของภาคนี้กลายเป็นหญิงสาวใจแตก หนีออกจากบ้าน ควบคุมพลังไม่ได้ หนังก็เข้าสู่โหมดความเชยและไม่มีอะไรให้น่าจดจำ ไม่ทำให้เรารู้สึกอยากติดตามเอาใจช่วย ยิ่งไปกว่านั้น ฉากแอคชั่นต่อสู้ก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่และจำเจซ้ำซาก ฉากแอคชั่นหลากฉากดูเชยและดูพิลึกพิลั่นขาดเสน่ห์ มีความกั๊กไม่เต็มที่ในฉากแอคชั่นอย่างเห็นได้ชัดเพราะอาจจะด้วยเรทของภาพยนตร์
ดังนั้น ประเด็นในความเป็นฮีโร่และการยอมรับตัวตนเพื่ออยู่ในสังคมที่แปลกแยก ความพยายามเป็นที่ยอมรับที่หนังเลือกใช้เปิดเรื่องของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ ไม่ได้ถูกต่อยอดจนขยายประเด็นเหล่านั้นให้สอดคล้องไปกับเส้นเรื่อง หนังเลือกที่จะทิ้งประเด็นความต้องการเป็นฮีโร่และให้สังคมยอมรับทิ้งไป เหลือเพียงแค่ประเด็นของมนุษย์กลายพันธุ์สาวที่ได้รับพลังไม่พึงประสงค์ ไม่สามารถควบคุมพลังนั้นได้ ประกอบด้วยตัวร้ายที่ไม่มีสาระ ไม่มีประเด็นอะไรในอุดมการณ์ที่รองรับการกระทำหรือน่าค้นหา ทั้งหมดดูตื้นเขินไร้น้ำหนักในทุกแง่มุม อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของหนังก็ไม่ได้แย่เกินไปหรือเป็นงานที่ทำแบบขอไปทีจนรู้สึกปวดหัวว่าจะทำมาทำไม ฉะนั้น ดูเพลิน ๆ ก็พอได้ในระดับหนึ่ง...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: X-Men: Dark Phoenix (Simon Kinberg, 2019) รีวิวโดย Form Corleone
"ค่อนข้างน่าผิดหวังเพราะหนังไม่มีอะไรให้น่าจดจำ" X-Men: Dark Phoenix มีเหล่านักแสดงมากฝีมือและเต็มไปด้วยเสน่ห์หลายคนเป็นทุนเดิมจากภาคก่อน ๆ เพิ่มเติมมาคือตัวร้ายรับบทโดย เจสสิกา แชสเทน ซึ่งเป็นบทบาทที่ไม่มีอะไรน่าจดจำจนน่าเสียดาย หนังเปิดเรื่องราวมาค่อนข้างน่าสนใจเกี่ยวกับความเป็นฮีโร่ และต้องการให้คนธรรมดายอมรับความแปลกแยกของมนุษย์กลายพันธุ์ ไดอะล็อกของหนังค่อนข้างเข้มข้นในช่วงต้นเรื่อง และดูมีประเด็นสาระที่น่าสนใจอยู่พอสมควร แต่หลังจาก จีน เกรย์ ตัวละครนำของภาคนี้กลายเป็นหญิงสาวใจแตก หนีออกจากบ้าน ควบคุมพลังไม่ได้ หนังก็เข้าสู่โหมดความเชยและไม่มีอะไรให้น่าจดจำ ไม่ทำให้เรารู้สึกอยากติดตามเอาใจช่วย ยิ่งไปกว่านั้น ฉากแอคชั่นต่อสู้ก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่และจำเจซ้ำซาก ฉากแอคชั่นหลากฉากดูเชยและดูพิลึกพิลั่นขาดเสน่ห์ มีความกั๊กไม่เต็มที่ในฉากแอคชั่นอย่างเห็นได้ชัดเพราะอาจจะด้วยเรทของภาพยนตร์
ดังนั้น ประเด็นในความเป็นฮีโร่และการยอมรับตัวตนเพื่ออยู่ในสังคมที่แปลกแยก ความพยายามเป็นที่ยอมรับที่หนังเลือกใช้เปิดเรื่องของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ ไม่ได้ถูกต่อยอดจนขยายประเด็นเหล่านั้นให้สอดคล้องไปกับเส้นเรื่อง หนังเลือกที่จะทิ้งประเด็นความต้องการเป็นฮีโร่และให้สังคมยอมรับทิ้งไป เหลือเพียงแค่ประเด็นของมนุษย์กลายพันธุ์สาวที่ได้รับพลังไม่พึงประสงค์ ไม่สามารถควบคุมพลังนั้นได้ ประกอบด้วยตัวร้ายที่ไม่มีสาระ ไม่มีประเด็นอะไรในอุดมการณ์ที่รองรับการกระทำหรือน่าค้นหา ทั้งหมดดูตื้นเขินไร้น้ำหนักในทุกแง่มุม อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของหนังก็ไม่ได้แย่เกินไปหรือเป็นงานที่ทำแบบขอไปทีจนรู้สึกปวดหัวว่าจะทำมาทำไม ฉะนั้น ดูเพลิน ๆ ก็พอได้ในระดับหนึ่ง...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/