สวัสดีค่ะ วันนี้พิกกี้รีวิวทุกหย่อมหญ้า จะมารีวิวหูฟังค่ะ สำหรับสายยูทูปที่ชอบดูคลิป ระหว่างเดินทางไปทำงาน ฝนตก รถติด หาอะไรทำแก้เบื่อ ดูคลิปในยูทูปวนไปค่ะ ซึ่งตัวที่เราจะนำมารีวิวในวันนี้คือ เป็นหูฟังยี่ห้อ Sennheiser รุ่น Momentum True Wireless ยังไงลองมาดูกันเลยจ้า ว่าเป็นอย่างไร สำหรับรุ่นนี้
รุ่นนี้จะเป็นแบบ True Wireless เป็นแบบไร้สายเลยจ้า แต่พิกกี้ขอรีวิวแบบบ้านๆ นะ เพราะอาจจะไม่ได้มีความรู้ในเรื่องหูฟังมากนัก ลองมาดูกันเลยว่าแกะกล่องมาแล้วจะมีอะไรให้บ้าง
แกะกล่องมาแล้ว สิ่งที่ได้มาก็มี
1. 1 x Sennheiser Momentum True Wireless
2. 1 x เคสสาหรับเก็บและชาร์จแบตเตอรี่
3. 4 x จุกหูฟังไซส์ SS, S, M, L
4. 1 x สาย USB-C
5. 1 x คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
เรามาดูตัวหลัก น้องหูฟังกันก่อนจ้า ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
เราชอบดีไซน์มาก น่ารัก เหมาะกับสาวๆ ดีค่ะ จุดนี้คือพิกกี้ปลื้มปริ่มมาก เป็นหูฟังแบบไร้สาย จะสวมใส่เป็นแบบ in ear มันแนบกับหูไปเลยนะคะ เราว่ามันกันเสียงรบกวนภายนอกได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ใส่หูฟังเข้าที่หูทั้งสองแล้วจึงเริ่มใช้งาน เราชอบที่รูปทรงมันมีความโค้งมน มันทำมาเพื่อให้รับกับรูปทรงช่องหูได้ดี เสียงที่ได้คือชัดเจนดีมากค่ะ
สำหรับตัวกล่องเก็บหูฟัง มีขนาดกระทัดรัด พกพาง่าย และสามารถชาร์ตแบตเตอรี่ผ่านทาง USB-G คล้ายๆ กับพวกที่ชาร์ตแบตของ samsung นะคะ มันสามารถเช็คปริมาณแบตเตอรี่คงเหลือได้ด้วยนะคะ ที่ด้านหลังตัวเคสจะมีปุ่มให้เช็คได้
ตัวกล่องเก็บสามารถชาร์ตสำหรับเวลาเร่งรีบที่ออกไปข้างนอก คือใช้สายเสียบเข้ากับหัวชาร์ตได้เลยค่ะ สะดวกมากทีเดียว
มาเริ่มลองใช้กันเลยดีกว่าค่ะ ก่อนอื่นต้องโหลดแอปที่ใช้ร่วมกับหูฟังมาก่อนนะค่ะ เราใช้ Huawei P30 Pro ซึ่งจะเป็นระบบ Android ในการทดสอบก็เข้าไปใน GoogleStoreแล้วโหลดมาใช้ได้เลยค่ะ พิมพ์คำว่าMomentum มันก็จะขึ้นมาให้โหลดเลยหน้าตาจะประมาณนี้ใครใช้IOS น่าจะขึ้นแบบเดียวกัน ไว้เพื่อลองกับ IOS แล้วจะมาแปะรูปเพิ่มนะคะ ตัวเครื่องจะเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0 และ Qualcomm®aptXTMLowLatencysupportคือจะชว่ยให้เสียงไม่ดีเลย์เช่นเวลาดูหนัง
พอติดตั้งแล้วเรียบร้อย หน้าตาก็จะประมาณนี้นะคะ มันจะมีคำอธิบาย ว่าต้องใส่ยังไง ขั้นตอนเป็นอย่างไร การใช้ระบบสัมผัสกับตัวอย่าง อันนี้ต้องจำกันให้ได้นะ เพราะว่าทั้งสองข้างฟังก์ชั่นการใช้งานมันจะไม่เหมือนกัน
ตัวหูฟังด้านซ้าย เมื่อเราสัมผัสหนึ่งครั้งจะเป็นการเปิด/ปิดเพลง สัมผัสสองครั้งจะเป็นการเปลี่ยนเพลง เป็นเพลงใหม่ แต่ ถ้าสัมผัสสามครั้งจะเป็นจะกลับไปเล่นเพลงก่อนหน้านี้ และ สุดท้ายการสัมผัสค้างไว้จะเป็นการลดเสียงเพลงนั่นเอง ส่วนถ้าแตะหู ฟัง 2 รอบจะเข้าสู่โหมด Transparent hearing เพื่อรับเสียงข้างนอกมากขึ้น ประมาณนี้เนอะ
เรามาถึงเวลาทดสอบเสียงกันแล้วค่ะ หูฟังสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเสียงว่ามันดีหรือไม่ดี จกตารึไม่อย่างไรนะคะ
และเมื่อใส่หูจะเป็นประมาณนี้นะคะ สำหรับบางคนที่เคยใช้ของ Apple อาจจะรู้สึกว่าตัวนี้ใหญ่เกินไปรึเปล่า แต่สำหรับเราคิดว่าไม่นะ เราแอบชอบรูปทรงมันด้วยซ้ำ เรารู้สึกว่าขนาดมันกำลังพอดี แต่อาจจะมีน้ำหนักนิดนึง แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสเพราะเน้นที่เสียงและการได้ยินมากกว่าค่ะ
สำหรับฟังก์ชั่นการใช้งาน
สำหรับเวลากดรับมือถือ มันสามารถกดจากตัวหูฟังได้เลยค่ะ กดด้านขวามือก็สามารถรับได้แล้ว
ส่วนในเรื่องของการปรับลดเพิ่มเสียงนั้น เสียงมันแบ่งเป็น 2 ด้าน เพราะจะได้ไม่งงงวย และไม่ต้องไปกดที่มือถือให้ยุ่งยาก และมันดีตรงที่เวลาเราถอดหูฟังออก เราฟังเพลงอยู่ เพลงก็จะหยุดค่ะ ไม่ไปเสียงดังรบกวนชาวบ้านให้รำคาญใจ แต่มันก็ยังเชื่อมต่ออยู่นะคะ พอใส่หูฟังก็สามารถกลับมาฟังเพลงได้เหมือนเดิม ไฮเทคไปอีก
เราสามารถดูแบตเตอรี่คงเหลือได้ด้วยนะ ว่ามันคงเหลือกี่เปอร์เซ็นต์ สามารถใช้งานต่อเนื่องยาวนานได้ถึง 4 ชั่วโมงต่อรอบ และสามารถชาร์ตด้วยตัวเองได้อีก 2 รอบ และแต่ละรอบใช้เวลาชาร์ตประมาณ 40 นาทีนะคะ
มาถึงตรงนี้แล้ว ขอสรุปข้อดี - ข้อเสียกันบ้างนะคะ เผื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจ
ข้อดี
1.เราชอบที่มันที่มันแยกฟังก์ชั่นใช้งานชัดเจน แต่จะแอบงงหน่อยถ้าคนที่ไม่อ่านคู่มือ หรือกดข้ามขั้นตอนการใช้งาน เพราะตอน แรกเราก็ทาแบบนั้น5555 แต่พอจับทางได้ก็ไม่ได้ยากเกิน
2.ตัวหูฟังยึดกับโครงหูดีไม่หลุดง่าย อันนี้ลองสะบัดหัวแรงๆ กับวิ่งดูก็ยังไม่หลุด
3.เบสแน่นดีเร่งเสียงสูงๆเสียงไม่แตกเลยแล้วยังตัดเสียงรบกวนได้ด้วย
4.ที่เก็บหูฟังสามารถชาร์จได้ เหมาะสาหรับพกพาไปข้างนอก
ข้อเสีย
1.ราคาอาจสูงไปนิดหนึ่ง
2.ไม่มีหัวชาร์จมาให้+สายชาร์จคอ่นข้างสั้นตอนแรกแอบเซ็งนิดหน่อยแต่ยังดีที่มันเป็นแบบTypeCเลยใช้กับมือถือได้
เอาง่ายๆนะคะ คือถ้ามีทุนก็แนะนำ ให้ลองหามาใช้ดูค่ะ เพราะมันไม่เหมือนของตลาด ที่ใช้แป๊ปเดียวก็ลำโพงแตก แต่ใครไม่รู้ว่า จะชอบไหมก็ลองไปหาเทสเสียงกันดูนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามรีวิวบ้านๆ ของพิกกี้นะคะ วันนี้พิกกี้ไปก่อน เดี๋ยวไว้จะมารีวิวอีกเรื่อยๆนะคะ
#พิกกี้รีวิวทุกหย่อมหญ้า
รีวิวหูฟัง Sennheiser รุ่น Momentum True Wireless
รุ่นนี้จะเป็นแบบ True Wireless เป็นแบบไร้สายเลยจ้า แต่พิกกี้ขอรีวิวแบบบ้านๆ นะ เพราะอาจจะไม่ได้มีความรู้ในเรื่องหูฟังมากนัก ลองมาดูกันเลยว่าแกะกล่องมาแล้วจะมีอะไรให้บ้าง
แกะกล่องมาแล้ว สิ่งที่ได้มาก็มี
1. 1 x Sennheiser Momentum True Wireless
2. 1 x เคสสาหรับเก็บและชาร์จแบตเตอรี่
3. 4 x จุกหูฟังไซส์ SS, S, M, L
4. 1 x สาย USB-C
5. 1 x คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
เรามาดูตัวหลัก น้องหูฟังกันก่อนจ้า ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
เราชอบดีไซน์มาก น่ารัก เหมาะกับสาวๆ ดีค่ะ จุดนี้คือพิกกี้ปลื้มปริ่มมาก เป็นหูฟังแบบไร้สาย จะสวมใส่เป็นแบบ in ear มันแนบกับหูไปเลยนะคะ เราว่ามันกันเสียงรบกวนภายนอกได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ใส่หูฟังเข้าที่หูทั้งสองแล้วจึงเริ่มใช้งาน เราชอบที่รูปทรงมันมีความโค้งมน มันทำมาเพื่อให้รับกับรูปทรงช่องหูได้ดี เสียงที่ได้คือชัดเจนดีมากค่ะ
สำหรับตัวกล่องเก็บหูฟัง มีขนาดกระทัดรัด พกพาง่าย และสามารถชาร์ตแบตเตอรี่ผ่านทาง USB-G คล้ายๆ กับพวกที่ชาร์ตแบตของ samsung นะคะ มันสามารถเช็คปริมาณแบตเตอรี่คงเหลือได้ด้วยนะคะ ที่ด้านหลังตัวเคสจะมีปุ่มให้เช็คได้
ตัวกล่องเก็บสามารถชาร์ตสำหรับเวลาเร่งรีบที่ออกไปข้างนอก คือใช้สายเสียบเข้ากับหัวชาร์ตได้เลยค่ะ สะดวกมากทีเดียว
มาเริ่มลองใช้กันเลยดีกว่าค่ะ ก่อนอื่นต้องโหลดแอปที่ใช้ร่วมกับหูฟังมาก่อนนะค่ะ เราใช้ Huawei P30 Pro ซึ่งจะเป็นระบบ Android ในการทดสอบก็เข้าไปใน GoogleStoreแล้วโหลดมาใช้ได้เลยค่ะ พิมพ์คำว่าMomentum มันก็จะขึ้นมาให้โหลดเลยหน้าตาจะประมาณนี้ใครใช้IOS น่าจะขึ้นแบบเดียวกัน ไว้เพื่อลองกับ IOS แล้วจะมาแปะรูปเพิ่มนะคะ ตัวเครื่องจะเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0 และ Qualcomm®aptXTMLowLatencysupportคือจะชว่ยให้เสียงไม่ดีเลย์เช่นเวลาดูหนัง
พอติดตั้งแล้วเรียบร้อย หน้าตาก็จะประมาณนี้นะคะ มันจะมีคำอธิบาย ว่าต้องใส่ยังไง ขั้นตอนเป็นอย่างไร การใช้ระบบสัมผัสกับตัวอย่าง อันนี้ต้องจำกันให้ได้นะ เพราะว่าทั้งสองข้างฟังก์ชั่นการใช้งานมันจะไม่เหมือนกัน
ตัวหูฟังด้านซ้าย เมื่อเราสัมผัสหนึ่งครั้งจะเป็นการเปิด/ปิดเพลง สัมผัสสองครั้งจะเป็นการเปลี่ยนเพลง เป็นเพลงใหม่ แต่ ถ้าสัมผัสสามครั้งจะเป็นจะกลับไปเล่นเพลงก่อนหน้านี้ และ สุดท้ายการสัมผัสค้างไว้จะเป็นการลดเสียงเพลงนั่นเอง ส่วนถ้าแตะหู ฟัง 2 รอบจะเข้าสู่โหมด Transparent hearing เพื่อรับเสียงข้างนอกมากขึ้น ประมาณนี้เนอะ
เรามาถึงเวลาทดสอบเสียงกันแล้วค่ะ หูฟังสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเสียงว่ามันดีหรือไม่ดี จกตารึไม่อย่างไรนะคะ
และเมื่อใส่หูจะเป็นประมาณนี้นะคะ สำหรับบางคนที่เคยใช้ของ Apple อาจจะรู้สึกว่าตัวนี้ใหญ่เกินไปรึเปล่า แต่สำหรับเราคิดว่าไม่นะ เราแอบชอบรูปทรงมันด้วยซ้ำ เรารู้สึกว่าขนาดมันกำลังพอดี แต่อาจจะมีน้ำหนักนิดนึง แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสเพราะเน้นที่เสียงและการได้ยินมากกว่าค่ะ
สำหรับฟังก์ชั่นการใช้งาน
สำหรับเวลากดรับมือถือ มันสามารถกดจากตัวหูฟังได้เลยค่ะ กดด้านขวามือก็สามารถรับได้แล้ว
ส่วนในเรื่องของการปรับลดเพิ่มเสียงนั้น เสียงมันแบ่งเป็น 2 ด้าน เพราะจะได้ไม่งงงวย และไม่ต้องไปกดที่มือถือให้ยุ่งยาก และมันดีตรงที่เวลาเราถอดหูฟังออก เราฟังเพลงอยู่ เพลงก็จะหยุดค่ะ ไม่ไปเสียงดังรบกวนชาวบ้านให้รำคาญใจ แต่มันก็ยังเชื่อมต่ออยู่นะคะ พอใส่หูฟังก็สามารถกลับมาฟังเพลงได้เหมือนเดิม ไฮเทคไปอีก
เราสามารถดูแบตเตอรี่คงเหลือได้ด้วยนะ ว่ามันคงเหลือกี่เปอร์เซ็นต์ สามารถใช้งานต่อเนื่องยาวนานได้ถึง 4 ชั่วโมงต่อรอบ และสามารถชาร์ตด้วยตัวเองได้อีก 2 รอบ และแต่ละรอบใช้เวลาชาร์ตประมาณ 40 นาทีนะคะ
มาถึงตรงนี้แล้ว ขอสรุปข้อดี - ข้อเสียกันบ้างนะคะ เผื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจ
ข้อดี
1.เราชอบที่มันที่มันแยกฟังก์ชั่นใช้งานชัดเจน แต่จะแอบงงหน่อยถ้าคนที่ไม่อ่านคู่มือ หรือกดข้ามขั้นตอนการใช้งาน เพราะตอน แรกเราก็ทาแบบนั้น5555 แต่พอจับทางได้ก็ไม่ได้ยากเกิน
2.ตัวหูฟังยึดกับโครงหูดีไม่หลุดง่าย อันนี้ลองสะบัดหัวแรงๆ กับวิ่งดูก็ยังไม่หลุด
3.เบสแน่นดีเร่งเสียงสูงๆเสียงไม่แตกเลยแล้วยังตัดเสียงรบกวนได้ด้วย
4.ที่เก็บหูฟังสามารถชาร์จได้ เหมาะสาหรับพกพาไปข้างนอก
ข้อเสีย
1.ราคาอาจสูงไปนิดหนึ่ง
2.ไม่มีหัวชาร์จมาให้+สายชาร์จคอ่นข้างสั้นตอนแรกแอบเซ็งนิดหน่อยแต่ยังดีที่มันเป็นแบบTypeCเลยใช้กับมือถือได้
เอาง่ายๆนะคะ คือถ้ามีทุนก็แนะนำ ให้ลองหามาใช้ดูค่ะ เพราะมันไม่เหมือนของตลาด ที่ใช้แป๊ปเดียวก็ลำโพงแตก แต่ใครไม่รู้ว่า จะชอบไหมก็ลองไปหาเทสเสียงกันดูนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามรีวิวบ้านๆ ของพิกกี้นะคะ วันนี้พิกกี้ไปก่อน เดี๋ยวไว้จะมารีวิวอีกเรื่อยๆนะคะ
#พิกกี้รีวิวทุกหย่อมหญ้า