.
.
สังเกตได้ว่าช่วงนี้ digital lock เริ่มเป็นที่สนใจในบ้านเรามากขึ้น อีกทั้งยังมีให้เลือกซื้อ หลากหลายรุ่น หลากหลายยี่ห้อ
ตัวผมเองเริ่มสนใจเจ้า digital lock มาตั้งแต่ 3 ปีก่อน สมัยไปเยี่ยมบ้านพี่ชายที่อเมริกา แล้วเห็นเค้าใช้อยู่
รู้สึกได้ว่ามันสะดวกสบายดี ก็เลยหาข้อมูลมาเรื่อยๆ จนกระทั่งได้มีโอกาสใช้งาน
Digital Door Lock ของ " dormakaba " M Series รุ่น M5 และเป็นที่มาของการรีวิวครั้งนี้ครับ
ก่อนอื่นขอเล่าถึงแบรนด์ " dormakaba " สักนิดนึงก่อน dormakaba
เป็นแบรนด์เก่าแก่ของยุโรป มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และอายุเกิน 150 ปีแล้วครับ
เป็นแบรนด์อันดับต้นๆ ของโลก แต่ในบ้านเรา หลายๆ ท่านอาจจะไม่คุ้นชื่อยี่ห้อนี้ กันสักเท่าไหร่
เพราะโดยปกติเค้าจะขายเข้าโปรเจคใหญ่ๆ เป็นหลัก
แต่ไม่ได้ทำการตลาดโดยตรงกับ end user เหมือนยี่ห้ออื่นๆ ที่เราคุ้นๆ หูกันดี
ตัวอย่างโปรเจคในบ้านเราที่ร่วมงานกับ dormakaba ก็เช่นตึก MAHA NAKHON , MRT, ICON SIAM, EMQUARTIER
หรือแม้กระทั่งสนามบินอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Changi Airport ของสิงคโปร์
เพราะฉะนั้นในเรื่องของระบบความปลอดภัยของแบรนด์นี้ ถือว่าเป็นจุดแข็งมากๆ ครับ
สำหรับรุ่น M5 ที่ผมมารีวิวในกระทู้นี้ ถือเป็นรุ่นเกือบ Top ของ dormakaba
แต่ยังไม่ใช่รุ่นที่เป็น full option ยังมีรุ่น M6 ที่อยู่ใน MSeries เหมือนกัน ถือเป็นตัว Top สุด
นี่คือภาพหน้าตา ของรุ่น M6 ที่เป็นตัว Top ครับ โดยรุ่น M6
จะเป็นรุ่นที่ full option มี Scan นิ้วมือมาให้ด้วย ( ตรงช่อง Scan นิ้วมือสามารถเปิดปิดได้ )
ซึ่งทั้งรุ่น M5 และ M6 จะมีให้เลือก 2 สี คือสีขาวและสีดำ
.
.
.
.
.
.
** ส่วนรุ่น M5 ที่เรามารีวิว ในกระทู้นี้ จะหน้าตาแบบนี้ครับ ต่างกันตรงที่ไม่มี Scan นิ้วมือ **
.
.
.
.
โดยส่วนตัวแล้ว .. ด้วยความที่ตัวเองจบ interior design มา
สิ่งที่ผมประทับใจเป็นอย่างแรก คือ Design & Material ครับ สำหรับผม
การออกแบบที่เรียบหรู ดู minimal บวกกับการใช้วัสดุชั้นดี คือสิ่งที่ถูกใจมาก
เพราะมันเข้ากันกับรูปแบบประตูที่หลากหลาย นำไปใช้ได้ง่ายกว่า
และที่โดดเด่นกว่ายี่ห้ออื่นๆ น่าจะเป็นเรื่องความแข็งแรง ทนทาน
เพราะวัสดุเกือบทั้งหมดเป็นโลหะที่มีความหนาและแข็งแรงมาก
ก่อนจะพูดถึงเรื่องการใช้งาน เรามาดู ภาพรวมของ product กันแบบละเอียดๆ กันก่อน
มาลองแกะกล่องไปด้วยกันนะครับ ^^
.
.
.
.
.
.
ในกล่องจะมี Card ให้ 2 แบบ แบบละ 2 ใบ และกุญแจ อีก 3 ดอกครับ
.
.
*** กรณีที่เราทำ Card ใบไหนหาย เราสามารถ ลบ Card ใบนั้น ออกจากระบบได้ครับ เลยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย ***
.
.
หน้าตาของ dormakaba M5 ทั้งด้านที่อยู่ในห้อง และด้านที่อยู่นอกห้อง สำหรับรุ่นนี้ มีทั้งสีขาว และสีดำครับ
.
.
.
ตัวกรอบทั้งหมดเป็นโลหะ ที่มีความหนามาก แข็งแรงทนทาน
.
.
.
.
.
.
.
ตลับกุญแจ Mortise ใช้วัสดุที่แข็งแรง ทนทาน ตัวเหล็กหนากว่าของเดิม ที่ติดมากับห้องผมพอสมควรเลยครับ
.
.
.
.
ซูมให้ดูความเนี๊ยบของวัสดุใกล้ๆ ครับ ^ ^ ส่วนประกอบทั้งหมดใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกหรูหรา และแข็งแรง
.
.
.
.
.
.
ด้านล่าง จะมี ช่องเสียบกุญแจ ขั้วถ่าน 9V และ port usb type c เพื่อเสียบกับ power bank ไว้ใช้กรณีฉุกเฉินเช่น แบตหมด
ซึ่งปกติ จะมีไฟโชว์ และเสียงเตือน เมื่อแบตเริ่มใกล้จะหมดอยู่แล้วครับ
.
.
.
.
ใช้ถ่าน AA จำนวน 4 ก้อน
.
.
.
.
สำหรับการติดตั้ง … ของผมวันที่ติดตั้ง ใช้เวลาไม่นานครับ ไม่เกิน 1 ชม
แถมตรงตลับกุญแจ Mortise ใส่แทนอันเดิมได้เลย แต่ต้องบากประตู ตรงหัวท้าย
และมีจุดที่ต้องเจาะเพิ่มอีกนิดหน่อย
.
.
.
.
.
.
เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว จะเป็นเช่นนี้ครับ
.
.
.
.
.
.
เวลาใช้งาน ให้เราเอา card ทาบไปตรง กรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆ // หรือ
เอามือแตะที่กรอบสี่เหลี่ยม แล้วจะขึ้นตัวเลขให้เราใส่ code ที่ตั้งไว้ครับ
.
.
.
.
อันนี้ผมทดลองทำเป็น Video วิธีการใช้งานแบบง่ายๆ ไว้ให้ดูกันครับ จะได้เห็นภาพ ^^
.
.
.
.
.
สำหรับคุณสมบัติเด่นๆ ที่น่าสนใจของ dormakaba M5 มีดังนี้ครับ
ตลับกุญแจ Mortise ซึ่งมีความแข็งแรงทนทานและมีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นระบบล็อค 2 ชั้น
มีระบบล็อคอัตโนมัติ Auto-lock ทุกครั้งที่ปิดประตู ไม่ต้องกลัวว่าจะลืม lock ห้องครับ
ปลดล็อคด้วย : Card Scan มีการ์ดให้ 4 ใบ (และสามารถใช้บัตร Rabbit, MRT ได้ด้วยนะครับ)
ปลดล็อคด้วย : Password
ปลดล็อคด้วย : Smart phone ผ่าน Bluetooth
สามารถตรวจสอบข้อมูลการใช้งานของประตูผ่านหน้าจอมือถือได้
ปลดล็อคด้วย : Master Key
มีระบบ scramble password หรือการกดรหัสหลอก เราสามารถกดเลขรหัสมั่วๆ
แต่มีรหัสจริงปนอยู่ในนั้นเผื่อเวลามีเพื่อนหรือคนอื่น (ที่เราไม่อยากให้จำpassword ได้) อยู่ใกล้ๆ เราก็สามารถปลดล็อคได้
สามารถตั้ง Passage mode
สำหรับใช้ในกรณีที่ต้องการเข้าออกได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องทำการปลดล็อค และ Privacy mode
ใช้ในกรณีที่ต้องการความเป็นส่วนตัวหรือไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้ามารบกวนได้
ทำงานด้วยแบตเตอรี่ขนาด AA จำนวน 4 ก้อน พร้อมด้วยระบบแจ้งเตือนเมื่อแบตใกล้หมด
และมีระบบปลดล็อคฉุกเฉินรองรับกรณีแบตหมด
สามารถใช้พลังงานจากถ่าน 9V หรือ Powerbank ผ่าน port usb type c หรือ Master Key
นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติกันละอองน้ำ (IP54) สามารถนำไปติดตั้งกับบานประตูหน้าตัวบ้าน (ที่ไม่โดนฝนตรงๆ)
*** ไม่สามารถเปียกน้ำตรงๆ ได้นะครับ IP54 นั้นกันแค่ระดับละอองน้ำ ***
.
.
.
ในเรื่องของการใช้งานทั่วไป .. แรกๆ ถ้ายังไม่ชิน อาจจะงงๆ กับการตั้งค่านิดนึงครับ
แนะนำให้อ่านคู่มือให้ละเอียดๆ + ฟังเสียงที่ระบบแนะนำแล้วค่อยๆ ทำตามครับ
การจะเข้าไปตั้งค่าใดๆได้นั้น ต้องใช้ admin password เสมอ ซึ่งมีความปลอดภัยมาก
แต่ตรงนี้ ต้องจำรหัส admin ที่ตั้งไว้ให้ดีๆ นะครับ ถ้าลืมขึ้นมานี่งานเข้าเลยครับ
ในเรื่องการปลดล็อค ทำได้รวดเร็วทันใจมาก ไม่มีหน่วงเลย แตะการ์ดปุ๊บ หรือใส่ code ปุ๊บ พอผ่านแล้วก็เปิดได้ทันทีเลยครับ
การใช้งานผ่าน App
เราสามารถ ใช้ App ในการ ล็อค / ปลดล็อค จะด้วยการ กดที่หน้าจอ หรือ เขย่าๆ มือถือ ก็ได้ครับ
อาจจะเอาไว้ใช้กรณีที่ เรานั่งทำงานหรืออยู่ในจุดที่ไกลจากประตู แล้วมีเพื่อนมาหา
เราก็สามารถปลดล็อคให้เค้าเข้ามาได้ โดยไม่ต้องเดินไปเปิดประตูด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ เรายังสามารถดูข้อมูลได้หมดครับว่า มีการล็อค / ปลดล็อค เวลาไหน ด้วยวิธีไหน การ์ดอะไร user อะไร
.
.
.
.
อีกคุณสมบัติ ที่ผมชอบมากคือ
เราสามารถแชร์ดิจิตอลคีย์หรือรหัสผ่านชั่วคราว (OTP-One Time Password)
จาก Smart Lock App ให้คนใช้งานอื่นใช้ปลดล็อคประตูได้ เพิ่มความสะดวกสบายและรวดเร็ว
เช่น ในกรณีที่มีแขกมาเยี่ยมบ้านหรือมีการอนุญาตให้คนอื่นมาพักที่บ้านตอนที่เจ้าของบ้านไม่อยู่
อันนี้ผมลองทดสอบ ส่ง digital key ให้แฟน ผ่านทาง Line ครับ โดยเราสามารถจำกัดเวลา ของ Key นั้นๆได้
หรือจะเป็นแบบใช้ครั้งเดียวก็ได้ครับ
.
.
.
.
สำหรับรายละเอียดอื่นๆ สามารถดูได้ตามนี้ครับ
.
.
.
.
โดยสรุปแล้ว จากที่ผมเคยหาข้อมูล + ได้ทดลอง digital door lock ยี่ห้อต่างๆ มาพอสมควร
ผมรู้สึกว่า ในเรื่องของ function ต่างๆ เอาจริงๆแล้ว ก็ไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่ครับ ในแต่ละยี่ห้อ
ที่แตกต่างกันจริงๆน่าจะเป็นเรื่องของ ความน่าไว้ใจ ความแข็งแรง และเรื่องของวัสดุ มากกว่า
บางยี่ห้อบางรุ่น ที่ราคาถูกหน่อยตัวกรอบยังเป็นพลาสติกอยู่เลยครับ
ในขณะที่ระบบล็อคก็อาจจะยังไม่แน่นหนาหรือแข็งแรงเท่าที่ควร
เมื่อมันเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ยังไงก็ควรเลือกใช้ สินค้าที่มีความน่าเชื่อถือ
และมีความเสถียรของระบบการทำงาน ไว้จะดีกว่าครับ
ก็หวังว่ารีวิวนี้ คงพอจะมีประโยชน์ ต่อผู้ที่กำลังสนใจ digital door lock บ้างนะครับ
^___^
.
.
สำหรับท่านที่สนใจผลิตภัณฑ์ ของ dormakaba สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/dormakabathailand
Line @ : @dormakaba
Tel. : 02-059-2612 (Mon.-Fri.)
https://www.dormakaba.com
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ dormakaba ที่สนับสนุน มาติดตั้ง Digital Door Lock รุ่น M5 มาให้ได้ใช้นะครับ
^^
.
.
.
[SR] REVIEW : dormakaba digital door lock : ความเรียบหรู ที่แข็งแรงปลอดภัย
.
สังเกตได้ว่าช่วงนี้ digital lock เริ่มเป็นที่สนใจในบ้านเรามากขึ้น อีกทั้งยังมีให้เลือกซื้อ หลากหลายรุ่น หลากหลายยี่ห้อ
ตัวผมเองเริ่มสนใจเจ้า digital lock มาตั้งแต่ 3 ปีก่อน สมัยไปเยี่ยมบ้านพี่ชายที่อเมริกา แล้วเห็นเค้าใช้อยู่
รู้สึกได้ว่ามันสะดวกสบายดี ก็เลยหาข้อมูลมาเรื่อยๆ จนกระทั่งได้มีโอกาสใช้งาน
Digital Door Lock ของ " dormakaba " M Series รุ่น M5 และเป็นที่มาของการรีวิวครั้งนี้ครับ
ก่อนอื่นขอเล่าถึงแบรนด์ " dormakaba " สักนิดนึงก่อน dormakaba
เป็นแบรนด์เก่าแก่ของยุโรป มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และอายุเกิน 150 ปีแล้วครับ
เป็นแบรนด์อันดับต้นๆ ของโลก แต่ในบ้านเรา หลายๆ ท่านอาจจะไม่คุ้นชื่อยี่ห้อนี้ กันสักเท่าไหร่
เพราะโดยปกติเค้าจะขายเข้าโปรเจคใหญ่ๆ เป็นหลัก
แต่ไม่ได้ทำการตลาดโดยตรงกับ end user เหมือนยี่ห้ออื่นๆ ที่เราคุ้นๆ หูกันดี
ตัวอย่างโปรเจคในบ้านเราที่ร่วมงานกับ dormakaba ก็เช่นตึก MAHA NAKHON , MRT, ICON SIAM, EMQUARTIER
หรือแม้กระทั่งสนามบินอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Changi Airport ของสิงคโปร์
เพราะฉะนั้นในเรื่องของระบบความปลอดภัยของแบรนด์นี้ ถือว่าเป็นจุดแข็งมากๆ ครับ
สำหรับรุ่น M5 ที่ผมมารีวิวในกระทู้นี้ ถือเป็นรุ่นเกือบ Top ของ dormakaba
แต่ยังไม่ใช่รุ่นที่เป็น full option ยังมีรุ่น M6 ที่อยู่ใน MSeries เหมือนกัน ถือเป็นตัว Top สุด
นี่คือภาพหน้าตา ของรุ่น M6 ที่เป็นตัว Top ครับ โดยรุ่น M6
จะเป็นรุ่นที่ full option มี Scan นิ้วมือมาให้ด้วย ( ตรงช่อง Scan นิ้วมือสามารถเปิดปิดได้ )
ซึ่งทั้งรุ่น M5 และ M6 จะมีให้เลือก 2 สี คือสีขาวและสีดำ
.
.
.
.
.
.
** ส่วนรุ่น M5 ที่เรามารีวิว ในกระทู้นี้ จะหน้าตาแบบนี้ครับ ต่างกันตรงที่ไม่มี Scan นิ้วมือ **
.
.
.
.
โดยส่วนตัวแล้ว .. ด้วยความที่ตัวเองจบ interior design มา
สิ่งที่ผมประทับใจเป็นอย่างแรก คือ Design & Material ครับ สำหรับผม
การออกแบบที่เรียบหรู ดู minimal บวกกับการใช้วัสดุชั้นดี คือสิ่งที่ถูกใจมาก
เพราะมันเข้ากันกับรูปแบบประตูที่หลากหลาย นำไปใช้ได้ง่ายกว่า
และที่โดดเด่นกว่ายี่ห้ออื่นๆ น่าจะเป็นเรื่องความแข็งแรง ทนทาน
เพราะวัสดุเกือบทั้งหมดเป็นโลหะที่มีความหนาและแข็งแรงมาก
ก่อนจะพูดถึงเรื่องการใช้งาน เรามาดู ภาพรวมของ product กันแบบละเอียดๆ กันก่อน
มาลองแกะกล่องไปด้วยกันนะครับ ^^
.
.
.
.
.
.
ในกล่องจะมี Card ให้ 2 แบบ แบบละ 2 ใบ และกุญแจ อีก 3 ดอกครับ
.
.
*** กรณีที่เราทำ Card ใบไหนหาย เราสามารถ ลบ Card ใบนั้น ออกจากระบบได้ครับ เลยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย ***
.
.
หน้าตาของ dormakaba M5 ทั้งด้านที่อยู่ในห้อง และด้านที่อยู่นอกห้อง สำหรับรุ่นนี้ มีทั้งสีขาว และสีดำครับ
.
.
.
ตัวกรอบทั้งหมดเป็นโลหะ ที่มีความหนามาก แข็งแรงทนทาน
.
.
.
.
.
.
.
ตลับกุญแจ Mortise ใช้วัสดุที่แข็งแรง ทนทาน ตัวเหล็กหนากว่าของเดิม ที่ติดมากับห้องผมพอสมควรเลยครับ
.
.
.
.
ซูมให้ดูความเนี๊ยบของวัสดุใกล้ๆ ครับ ^ ^ ส่วนประกอบทั้งหมดใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกหรูหรา และแข็งแรง
.
.
.
.
.
.
ด้านล่าง จะมี ช่องเสียบกุญแจ ขั้วถ่าน 9V และ port usb type c เพื่อเสียบกับ power bank ไว้ใช้กรณีฉุกเฉินเช่น แบตหมด
ซึ่งปกติ จะมีไฟโชว์ และเสียงเตือน เมื่อแบตเริ่มใกล้จะหมดอยู่แล้วครับ
.
.
.
.
ใช้ถ่าน AA จำนวน 4 ก้อน
.
.
.
.
สำหรับการติดตั้ง … ของผมวันที่ติดตั้ง ใช้เวลาไม่นานครับ ไม่เกิน 1 ชม
แถมตรงตลับกุญแจ Mortise ใส่แทนอันเดิมได้เลย แต่ต้องบากประตู ตรงหัวท้าย
และมีจุดที่ต้องเจาะเพิ่มอีกนิดหน่อย
.
.
.
.
.
.
เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว จะเป็นเช่นนี้ครับ
.
.
.
.
.
.
เวลาใช้งาน ให้เราเอา card ทาบไปตรง กรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆ // หรือ
เอามือแตะที่กรอบสี่เหลี่ยม แล้วจะขึ้นตัวเลขให้เราใส่ code ที่ตั้งไว้ครับ
.
.
.
.
อันนี้ผมทดลองทำเป็น Video วิธีการใช้งานแบบง่ายๆ ไว้ให้ดูกันครับ จะได้เห็นภาพ ^^
.
.
.
.
.
สำหรับคุณสมบัติเด่นๆ ที่น่าสนใจของ dormakaba M5 มีดังนี้ครับ
ตลับกุญแจ Mortise ซึ่งมีความแข็งแรงทนทานและมีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นระบบล็อค 2 ชั้น
มีระบบล็อคอัตโนมัติ Auto-lock ทุกครั้งที่ปิดประตู ไม่ต้องกลัวว่าจะลืม lock ห้องครับ
ปลดล็อคด้วย : Card Scan มีการ์ดให้ 4 ใบ (และสามารถใช้บัตร Rabbit, MRT ได้ด้วยนะครับ)
ปลดล็อคด้วย : Password
ปลดล็อคด้วย : Smart phone ผ่าน Bluetooth
สามารถตรวจสอบข้อมูลการใช้งานของประตูผ่านหน้าจอมือถือได้
ปลดล็อคด้วย : Master Key
มีระบบ scramble password หรือการกดรหัสหลอก เราสามารถกดเลขรหัสมั่วๆ
แต่มีรหัสจริงปนอยู่ในนั้นเผื่อเวลามีเพื่อนหรือคนอื่น (ที่เราไม่อยากให้จำpassword ได้) อยู่ใกล้ๆ เราก็สามารถปลดล็อคได้
สามารถตั้ง Passage mode
สำหรับใช้ในกรณีที่ต้องการเข้าออกได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องทำการปลดล็อค และ Privacy mode
ใช้ในกรณีที่ต้องการความเป็นส่วนตัวหรือไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้ามารบกวนได้
ทำงานด้วยแบตเตอรี่ขนาด AA จำนวน 4 ก้อน พร้อมด้วยระบบแจ้งเตือนเมื่อแบตใกล้หมด
และมีระบบปลดล็อคฉุกเฉินรองรับกรณีแบตหมด
สามารถใช้พลังงานจากถ่าน 9V หรือ Powerbank ผ่าน port usb type c หรือ Master Key
นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติกันละอองน้ำ (IP54) สามารถนำไปติดตั้งกับบานประตูหน้าตัวบ้าน (ที่ไม่โดนฝนตรงๆ)
*** ไม่สามารถเปียกน้ำตรงๆ ได้นะครับ IP54 นั้นกันแค่ระดับละอองน้ำ ***
.
.
.
ในเรื่องของการใช้งานทั่วไป .. แรกๆ ถ้ายังไม่ชิน อาจจะงงๆ กับการตั้งค่านิดนึงครับ
แนะนำให้อ่านคู่มือให้ละเอียดๆ + ฟังเสียงที่ระบบแนะนำแล้วค่อยๆ ทำตามครับ
การจะเข้าไปตั้งค่าใดๆได้นั้น ต้องใช้ admin password เสมอ ซึ่งมีความปลอดภัยมาก
แต่ตรงนี้ ต้องจำรหัส admin ที่ตั้งไว้ให้ดีๆ นะครับ ถ้าลืมขึ้นมานี่งานเข้าเลยครับ
ในเรื่องการปลดล็อค ทำได้รวดเร็วทันใจมาก ไม่มีหน่วงเลย แตะการ์ดปุ๊บ หรือใส่ code ปุ๊บ พอผ่านแล้วก็เปิดได้ทันทีเลยครับ
การใช้งานผ่าน App
เราสามารถ ใช้ App ในการ ล็อค / ปลดล็อค จะด้วยการ กดที่หน้าจอ หรือ เขย่าๆ มือถือ ก็ได้ครับ
อาจจะเอาไว้ใช้กรณีที่ เรานั่งทำงานหรืออยู่ในจุดที่ไกลจากประตู แล้วมีเพื่อนมาหา
เราก็สามารถปลดล็อคให้เค้าเข้ามาได้ โดยไม่ต้องเดินไปเปิดประตูด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ เรายังสามารถดูข้อมูลได้หมดครับว่า มีการล็อค / ปลดล็อค เวลาไหน ด้วยวิธีไหน การ์ดอะไร user อะไร
.
.
.
.
อีกคุณสมบัติ ที่ผมชอบมากคือ
เราสามารถแชร์ดิจิตอลคีย์หรือรหัสผ่านชั่วคราว (OTP-One Time Password)
จาก Smart Lock App ให้คนใช้งานอื่นใช้ปลดล็อคประตูได้ เพิ่มความสะดวกสบายและรวดเร็ว
เช่น ในกรณีที่มีแขกมาเยี่ยมบ้านหรือมีการอนุญาตให้คนอื่นมาพักที่บ้านตอนที่เจ้าของบ้านไม่อยู่
อันนี้ผมลองทดสอบ ส่ง digital key ให้แฟน ผ่านทาง Line ครับ โดยเราสามารถจำกัดเวลา ของ Key นั้นๆได้
หรือจะเป็นแบบใช้ครั้งเดียวก็ได้ครับ
.
.
.
.
สำหรับรายละเอียดอื่นๆ สามารถดูได้ตามนี้ครับ
.
.
.
.
โดยสรุปแล้ว จากที่ผมเคยหาข้อมูล + ได้ทดลอง digital door lock ยี่ห้อต่างๆ มาพอสมควร
ผมรู้สึกว่า ในเรื่องของ function ต่างๆ เอาจริงๆแล้ว ก็ไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่ครับ ในแต่ละยี่ห้อ
ที่แตกต่างกันจริงๆน่าจะเป็นเรื่องของ ความน่าไว้ใจ ความแข็งแรง และเรื่องของวัสดุ มากกว่า
บางยี่ห้อบางรุ่น ที่ราคาถูกหน่อยตัวกรอบยังเป็นพลาสติกอยู่เลยครับ
ในขณะที่ระบบล็อคก็อาจจะยังไม่แน่นหนาหรือแข็งแรงเท่าที่ควร
เมื่อมันเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ยังไงก็ควรเลือกใช้ สินค้าที่มีความน่าเชื่อถือ
และมีความเสถียรของระบบการทำงาน ไว้จะดีกว่าครับ
ก็หวังว่ารีวิวนี้ คงพอจะมีประโยชน์ ต่อผู้ที่กำลังสนใจ digital door lock บ้างนะครับ
^___^
.
.
สำหรับท่านที่สนใจผลิตภัณฑ์ ของ dormakaba สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/dormakabathailand
Line @ : @dormakaba
Tel. : 02-059-2612 (Mon.-Fri.)
https://www.dormakaba.com
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ dormakaba ที่สนับสนุน มาติดตั้ง Digital Door Lock รุ่น M5 มาให้ได้ใช้นะครับ
^^
.
.
.
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้