คืองี้ค่ะ เราอยู่กับแฟนเรามา 4 ปี มีน้องหมา 1 ตัว และแมว 2 ตัว หมาเนี้ย จะเป็นของแฟนเราค่ะ ส่วนน้องแมวจะเป็นของเรา และเราเลี้ยงด้วยกัน อยู่ด้วยกันทั้ง 3 ตัว
ปกติเราจะไปเที่ยว ตปท ค่อนข้างบ่อย แล้วน้องหมาน้องแมวของเรา จะไม่มีคนอยู่เป็นเพื่อนใช่ไหมคะ แต่เราใช้วิธี เอาน้องแมวของเราไปฝากที่บ้านพ่อแม่ค่ะ เพราะพ่อแม่น้องชายเรารักแมวมากกก ส่วนน้องหมา แฟนเราจะเอาไปฝากเลี้ยงที่ รพ.สัตว์ค่ะ เราทำแบบนี้มาตลอด ก็ไม่มีปัญหาอะไร
จนมาล่าสุด (เข้าเรื่อง) เราต้องเดินทางไป ตปท เป็นเวลา 8 วัน แฟนเราบอกว่า เค้าจะให้น้องชายของเค้ามาเฝ้าหมาเราที่บ้าน โดยให้เหตุผลว่า เอาเงินค่าฝาก มาให้น้องดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเงินหลายทาง (น้องยังเรียนมหาลัยอยู่และแฟนเราเป็นคนส่ง คชจ ทุกอย่างค่ะ) เราก็โอเค เพราะน้องเคยมาค้างบ้านเราบ่อยๆ เราคิดว่าก็ดี หมาจะได้ไม่เหงา แต่ในความคิดเรา เราคิดว่าน้องมาคนเดียว หรือมากับคู่แฝดของเค้า แต่ !!! มันเกินที่เราคิดไว้ค่ะ น้องไม่ได้มาคนเดียว พาแฟนมาด้วย ซึ่งแฟนน้องคนนี้ ทั้งเราและแฟนก็ไม่เคยเจอมาก่อน ไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเลยค่ะ แม่เค้าเล่าให้พวกเราว่า แฟนน้องคนนี้มาอยู่บ้านแม่ได้ 2-3 สัปดาห์แล้ว มาช่วยน้องทำโปรเจค (แฟนน้องเค้าเรียนเพิ่งจบค่ะ แต่ยังไม่ได้หางานทำ) เราทั้งคู่ก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะน้องชายบอกว่าจะมาแค่วันเว้นวัน และจะมาแค่ช่วงเย็น เพราะต้องไปทำโปรเจคที่มหาลัยด้วย
ช่วงก่อนวันเดินทาง เราได้จัดแจงเก็บบ้าน ทำความสะอาด ดูดฝุ่นเรียบร้อย ตามความเหมาะสม กะว่ามาถึงจะได้ไม่ต้องรก พร้อมนอนพร้อมอยู่ได้เลย เราค่อนข้างมั่นใจว่าเราทำจนสะอาดมากแล้ว แทบไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเลย พอถึงวันที่เราเดินทางจริง เราก็ฝากฝังว่า ฝากเก็บกวาด อาบน้ำหมา รดน้ำต้นไม้ด้วยนะ ซักผ้าได้ ทำกับข้าวได้ คอมเปิดใช้งานได้ ตามสบายเลย เราก็หมดห่วงกันละ พร้อมออกเดินทาง
ยังไม่ทันขึ้นเครื่อง น้องก็โทรมาหาแฟนเรา ว่า กุญแจบ้านอยู่ไหน ขอยืมผ้าเช็ดตัวหน่อยนะ เราก็บอกว่าให้ใช้ของแฟนเรา (เพิ่งซัก) แขวนอยู่ในห้องน้ำ เหตุการณ์ก็ปกติดี จนเราเดินทางไปถึง ตปท แม่เค้าโทรหาแฟนเรา บอกว่า ให้ซื้อของมาฝากแฟนน้องหน่อย เค้าดีกับครอบครัวฝั่งแม่มาก มาอยู่ดูแล ทำกับข้าว หุงหาอาหาร เอาใจใส่ทุกอย่างสารพัด ให้เราซื้อของมาฝากเค้าหน่อยนะ น้องเค้าชอบเครื่องสำอาง ชอบแต่งหน้า แล้วแฟนน้องเค้าก็ส่งรูปมา บอกว่า ถ้าจะซื้อฝาก ขอชิ้นนี้นะคะ (เป็นลิปสติก 3 แท่ง ยี่ห้อดัง+อายแชโดวยี่ห้ออะไรก็ได้ สีทอง) ซึ่งมูลค่าโดยรวมก็หลายพันบาท แฟนเราก็มาเล่าให้เราฟังว่า แม่บอกมาแบบนี้ ทำไงดี เราก็อึ้งๆ นะคะ พูดไม่ค่อยออก ก็เลยบอกว่า บอกเค้าไป ถ้าเจอเดี๋ยวซื้อไปให้ ถ้าไม่มีจะหาแบบที่ใกล้เคียงไปให้แทน แต่ให้หมดนี้เลยหรอ ไม่ไหวนะ (อารมณ์แบบเธอเป็นใคร ชั้นยังไม่รู้จักเลย) แฟนเราเลยตัดสินใจให้แค่ชิ้นเดียว เพราะมันมากเกิน
ผ่านไปสัก 2-3 วัน น้องแฟนโทรมาหา บอกว่าขอยืมรถกลับบ้านหน่อย เราแบบ !!! ตกใจมากค่ะ ปกติรถเราเราใช้คนเดียว ไม่เคยให้ใครขับเลย ยกเว้นแฟน แต่ด้วยความที่เราก็พูดไรมากไม่ได้ก็เลยบอกที่วางกุญแจรถไป แต่ในใจแอบหวงและห่วงมากๆ (ของส่วนตัวอะเนอะ) แต่ทำไงได้อะเนอะ ก็ได้แต่คิดว่า อื้มม ! ช่างมันเหอะ แฟนเราก็ถามเรานะ เราโอเคไหม ห่วงไหม เราก็ได้แต่บอก อ่อ ... ไม่หรอก ดูแลดีๆแล้วกัน
ผ่านไปอีกสักพัก แม่เค้าโทรมาอีกค่ะ ย้ำว่าอย่าลืมซื้อเครื่องสำอางนะ รองเท้าพ่อ+แม่ หมวกให้แม่ด้วย น้องมันอุตส่าห์เก็บบ้านให้เลี่ยมเลย จัดเก็บทุกอย่างให้ใหม่หมดเลย เราเริ่มรู้สึกว่า เห้ย ! มันเยอะไปแล้วนะ เธออยู่ เธอก็ต้องเก็บกวาดสิ จะให้ผู้ใหญ่แบบเรามาเก็บตามหลังได้ยังไง แล้วที่จัดให้ใหม่คืออะไร แอบรู้สึกไม่โอเคแล้วค่ะ เพราะในห้องนอนเรามันมีของที่ค่อนข้างจะส่วนตัวมากๆ อยู่หลายอย่าง แม้แต่เพื่อนสนิทเราก็ยังไม่รู้ไม่เคยเห็น (เราใจแคบรึเปล่า) แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรมากค่ะ กะว่าจะกลับไปดูเองอีกที เราก็เริ่มพูดกับแฟนว่า ถ้าแบบนี้ครั้งต่อไปเราต้องซื้อฝากเค้าแบบนี้ทุกรอบเลยหรอ (เราบินเดือนเว้นเดือน) แฟนบอกว่า ก็แม่เค้าบอกว่าน้องมันอุตส่าห์ทำให้ ให้ทำยังไง (แฟนเราเป็นคนไม่ค่อยขัดแม่ค่ะ) เราเลยบอกว่า เอางี้ไหม เรากลับไปดูก่อนว่ามันเป็นยังไง ถ้าโอเค เราค่อยซื้อในห้างให้เค้าไปแทน แฟนเราก็แถมเสนอความคิดว่า ถ้าเป็นแบบที่ว่าจริงๆ จะรวมทุกทริปในปี แล้วซื้อให้ชิ้นใหญ่ไปเลย เราดีลที่ความคิดนี้ทั้งคู่ค่ะ
จนวันที่เราถึงบ้าน อันดับแรก คือบ้านสะอาดมากจริงๆค่ะ (แต่ไม่แตกต่างจากที่เราทำไว้ก่อนไป) แต่ไม่รก ไม่สกปรก โดยรวมโอเค แต่ !!!! ที่เราไม่โอเคคือ ของในห้องนอนของเราถูกรื้อและจัดใหม่หมดเลยค่ะ ทุกอย่างถูกย้ายแม้กระทั่งตะกร้าถุงเท้า เสื้อผ้าของเรา ถูกเอามาใส่ ไม้แขวนในตู้ออกมาอยู่บนตะกร้าข้างนอก ของบนโต๊ะเครื่องแป้งเราก็ถูกย้าย (ของส่วนตัวที่เราว่า ดีที่แฟนเราเอาไปเก็บบนตู้ชั้นบน ซึ่งปกติมันวางอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ) มาดูที่ห้องน้ำ สะอาดใช้ได้ แต่ !! ของใช้ในห้องน้ำเราหมดทุกขวดเลยค่ะ (ไม่ทิ้งด้วยนะคะ) ทรีทเม้นท์ที่เพิ่งแกะกระปุกของเราก็หมดค่ะ แม้กระทั่งน้ำยาคอนแทคขวดใหญ่ที่เพิ่งเปิด ก็เหลือไม่ถึงครึ่ง ช็อคค่ะ ! ช็อคมากกก อารมณ์แบบเหนื่อยมาอะ อยากอาบน้ำ แต่ของหมดแบบนี้ไม่มีให้ใช้เลยค่ะ หงุดหงิดขึ้นมาทันที พีคไปกว่านั้น ผ้าเช็ดตัวนางก็ใช้ของเราค่ะ หยิบผืนใหม่ในตู้มาใช้ (ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นแฟนน้องเอามาใช้) ตู้เสื้อผ้านี่มันค่อนข้างส่วนตัวนะเราว่า ผ้าปูเตียงเราก็ถูกเปลี่ยนค่ะ หูเราเริ่มดับละ ! อะ ไม่เป็นไร นิดหน่อยๆ ข่มใจไว้ลึกๆ ตัดมาที่ห้องครัวค่ะ อารมณ์หิว เปิดมาข้าวสารหมดจ้า เครื่องปรุงหมด ของในตู้เย็นก็หมด หม้อหูพัง กระทะเทฟล่อนก็ล่อน เราแบบ ! พูดไม่ออกจริงๆ ไม่ออกแบบไม่ออกมากๆ เราก็คิดว่า เห้ย ! ใจแคบน่าาา อย่าคิดเล็กคิดน้อย แต่อีกใจนึงมันแบบ เห้ย ! มันมากเกินไปนะ นี่มาแต่ตัวทัวร์ยกแก๊งกันเลยใช่ไหม เราไม่ใช่คนหวงของนะคะ แต่เราว่าแบบนี้มันมากเกินไปอะ เราต้องตามซื้อของเข้าบ้านเยอะมาก มันคือค่าใช้จ่ายอะค่ะ
อยากถามเพื่อนๆว่า เราเป็นแบบนี้เราใจแคบไหม เราควรคุยกับแฟนเราไหมคะ แล้วแฟนเราจะคิดว่าเราเห็นแก่ตัวไหม (มันเกินข้อตกลงที่คุยกันไว้แล้วอะค่ะ) แล้วเราต้องซื้อของฝากน้องเค้าทุกทริปเลยไหมคะ เพราะดูแล้วแฟนเราน่าจะให้น้องชายมาเฝ้าหมาทุกครั้งที่เราไม่อยู่ เพื่อนๆเราก็บอกงว่า ให้ฝากร้านเถอะ ตัดปัญหาไปเลย เราเลยอยากถามความเห็นของหลายๆคนค่ะ ถ้าเราใจแคบเราจะได้เปลี่ยนทัศนคติใหม่ เพราะเราก็ยังต้องเจอครอบครัวแฟนเราไปอีกนาน ยังอยู่ตรงนี้ไปอีกนาน ไม่อยากมีปัญหากับคนรอบข้างเพราะเรื่องแค่นี้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
เป็นควรหวงของมาก ถือว่าเราเป็นคนใจแคบไหมคะ ?
ปกติเราจะไปเที่ยว ตปท ค่อนข้างบ่อย แล้วน้องหมาน้องแมวของเรา จะไม่มีคนอยู่เป็นเพื่อนใช่ไหมคะ แต่เราใช้วิธี เอาน้องแมวของเราไปฝากที่บ้านพ่อแม่ค่ะ เพราะพ่อแม่น้องชายเรารักแมวมากกก ส่วนน้องหมา แฟนเราจะเอาไปฝากเลี้ยงที่ รพ.สัตว์ค่ะ เราทำแบบนี้มาตลอด ก็ไม่มีปัญหาอะไร
จนมาล่าสุด (เข้าเรื่อง) เราต้องเดินทางไป ตปท เป็นเวลา 8 วัน แฟนเราบอกว่า เค้าจะให้น้องชายของเค้ามาเฝ้าหมาเราที่บ้าน โดยให้เหตุผลว่า เอาเงินค่าฝาก มาให้น้องดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเงินหลายทาง (น้องยังเรียนมหาลัยอยู่และแฟนเราเป็นคนส่ง คชจ ทุกอย่างค่ะ) เราก็โอเค เพราะน้องเคยมาค้างบ้านเราบ่อยๆ เราคิดว่าก็ดี หมาจะได้ไม่เหงา แต่ในความคิดเรา เราคิดว่าน้องมาคนเดียว หรือมากับคู่แฝดของเค้า แต่ !!! มันเกินที่เราคิดไว้ค่ะ น้องไม่ได้มาคนเดียว พาแฟนมาด้วย ซึ่งแฟนน้องคนนี้ ทั้งเราและแฟนก็ไม่เคยเจอมาก่อน ไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเลยค่ะ แม่เค้าเล่าให้พวกเราว่า แฟนน้องคนนี้มาอยู่บ้านแม่ได้ 2-3 สัปดาห์แล้ว มาช่วยน้องทำโปรเจค (แฟนน้องเค้าเรียนเพิ่งจบค่ะ แต่ยังไม่ได้หางานทำ) เราทั้งคู่ก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะน้องชายบอกว่าจะมาแค่วันเว้นวัน และจะมาแค่ช่วงเย็น เพราะต้องไปทำโปรเจคที่มหาลัยด้วย
ช่วงก่อนวันเดินทาง เราได้จัดแจงเก็บบ้าน ทำความสะอาด ดูดฝุ่นเรียบร้อย ตามความเหมาะสม กะว่ามาถึงจะได้ไม่ต้องรก พร้อมนอนพร้อมอยู่ได้เลย เราค่อนข้างมั่นใจว่าเราทำจนสะอาดมากแล้ว แทบไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเลย พอถึงวันที่เราเดินทางจริง เราก็ฝากฝังว่า ฝากเก็บกวาด อาบน้ำหมา รดน้ำต้นไม้ด้วยนะ ซักผ้าได้ ทำกับข้าวได้ คอมเปิดใช้งานได้ ตามสบายเลย เราก็หมดห่วงกันละ พร้อมออกเดินทาง
ยังไม่ทันขึ้นเครื่อง น้องก็โทรมาหาแฟนเรา ว่า กุญแจบ้านอยู่ไหน ขอยืมผ้าเช็ดตัวหน่อยนะ เราก็บอกว่าให้ใช้ของแฟนเรา (เพิ่งซัก) แขวนอยู่ในห้องน้ำ เหตุการณ์ก็ปกติดี จนเราเดินทางไปถึง ตปท แม่เค้าโทรหาแฟนเรา บอกว่า ให้ซื้อของมาฝากแฟนน้องหน่อย เค้าดีกับครอบครัวฝั่งแม่มาก มาอยู่ดูแล ทำกับข้าว หุงหาอาหาร เอาใจใส่ทุกอย่างสารพัด ให้เราซื้อของมาฝากเค้าหน่อยนะ น้องเค้าชอบเครื่องสำอาง ชอบแต่งหน้า แล้วแฟนน้องเค้าก็ส่งรูปมา บอกว่า ถ้าจะซื้อฝาก ขอชิ้นนี้นะคะ (เป็นลิปสติก 3 แท่ง ยี่ห้อดัง+อายแชโดวยี่ห้ออะไรก็ได้ สีทอง) ซึ่งมูลค่าโดยรวมก็หลายพันบาท แฟนเราก็มาเล่าให้เราฟังว่า แม่บอกมาแบบนี้ ทำไงดี เราก็อึ้งๆ นะคะ พูดไม่ค่อยออก ก็เลยบอกว่า บอกเค้าไป ถ้าเจอเดี๋ยวซื้อไปให้ ถ้าไม่มีจะหาแบบที่ใกล้เคียงไปให้แทน แต่ให้หมดนี้เลยหรอ ไม่ไหวนะ (อารมณ์แบบเธอเป็นใคร ชั้นยังไม่รู้จักเลย) แฟนเราเลยตัดสินใจให้แค่ชิ้นเดียว เพราะมันมากเกิน
ผ่านไปสัก 2-3 วัน น้องแฟนโทรมาหา บอกว่าขอยืมรถกลับบ้านหน่อย เราแบบ !!! ตกใจมากค่ะ ปกติรถเราเราใช้คนเดียว ไม่เคยให้ใครขับเลย ยกเว้นแฟน แต่ด้วยความที่เราก็พูดไรมากไม่ได้ก็เลยบอกที่วางกุญแจรถไป แต่ในใจแอบหวงและห่วงมากๆ (ของส่วนตัวอะเนอะ) แต่ทำไงได้อะเนอะ ก็ได้แต่คิดว่า อื้มม ! ช่างมันเหอะ แฟนเราก็ถามเรานะ เราโอเคไหม ห่วงไหม เราก็ได้แต่บอก อ่อ ... ไม่หรอก ดูแลดีๆแล้วกัน
ผ่านไปอีกสักพัก แม่เค้าโทรมาอีกค่ะ ย้ำว่าอย่าลืมซื้อเครื่องสำอางนะ รองเท้าพ่อ+แม่ หมวกให้แม่ด้วย น้องมันอุตส่าห์เก็บบ้านให้เลี่ยมเลย จัดเก็บทุกอย่างให้ใหม่หมดเลย เราเริ่มรู้สึกว่า เห้ย ! มันเยอะไปแล้วนะ เธออยู่ เธอก็ต้องเก็บกวาดสิ จะให้ผู้ใหญ่แบบเรามาเก็บตามหลังได้ยังไง แล้วที่จัดให้ใหม่คืออะไร แอบรู้สึกไม่โอเคแล้วค่ะ เพราะในห้องนอนเรามันมีของที่ค่อนข้างจะส่วนตัวมากๆ อยู่หลายอย่าง แม้แต่เพื่อนสนิทเราก็ยังไม่รู้ไม่เคยเห็น (เราใจแคบรึเปล่า) แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรมากค่ะ กะว่าจะกลับไปดูเองอีกที เราก็เริ่มพูดกับแฟนว่า ถ้าแบบนี้ครั้งต่อไปเราต้องซื้อฝากเค้าแบบนี้ทุกรอบเลยหรอ (เราบินเดือนเว้นเดือน) แฟนบอกว่า ก็แม่เค้าบอกว่าน้องมันอุตส่าห์ทำให้ ให้ทำยังไง (แฟนเราเป็นคนไม่ค่อยขัดแม่ค่ะ) เราเลยบอกว่า เอางี้ไหม เรากลับไปดูก่อนว่ามันเป็นยังไง ถ้าโอเค เราค่อยซื้อในห้างให้เค้าไปแทน แฟนเราก็แถมเสนอความคิดว่า ถ้าเป็นแบบที่ว่าจริงๆ จะรวมทุกทริปในปี แล้วซื้อให้ชิ้นใหญ่ไปเลย เราดีลที่ความคิดนี้ทั้งคู่ค่ะ
จนวันที่เราถึงบ้าน อันดับแรก คือบ้านสะอาดมากจริงๆค่ะ (แต่ไม่แตกต่างจากที่เราทำไว้ก่อนไป) แต่ไม่รก ไม่สกปรก โดยรวมโอเค แต่ !!!! ที่เราไม่โอเคคือ ของในห้องนอนของเราถูกรื้อและจัดใหม่หมดเลยค่ะ ทุกอย่างถูกย้ายแม้กระทั่งตะกร้าถุงเท้า เสื้อผ้าของเรา ถูกเอามาใส่ ไม้แขวนในตู้ออกมาอยู่บนตะกร้าข้างนอก ของบนโต๊ะเครื่องแป้งเราก็ถูกย้าย (ของส่วนตัวที่เราว่า ดีที่แฟนเราเอาไปเก็บบนตู้ชั้นบน ซึ่งปกติมันวางอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ) มาดูที่ห้องน้ำ สะอาดใช้ได้ แต่ !! ของใช้ในห้องน้ำเราหมดทุกขวดเลยค่ะ (ไม่ทิ้งด้วยนะคะ) ทรีทเม้นท์ที่เพิ่งแกะกระปุกของเราก็หมดค่ะ แม้กระทั่งน้ำยาคอนแทคขวดใหญ่ที่เพิ่งเปิด ก็เหลือไม่ถึงครึ่ง ช็อคค่ะ ! ช็อคมากกก อารมณ์แบบเหนื่อยมาอะ อยากอาบน้ำ แต่ของหมดแบบนี้ไม่มีให้ใช้เลยค่ะ หงุดหงิดขึ้นมาทันที พีคไปกว่านั้น ผ้าเช็ดตัวนางก็ใช้ของเราค่ะ หยิบผืนใหม่ในตู้มาใช้ (ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นแฟนน้องเอามาใช้) ตู้เสื้อผ้านี่มันค่อนข้างส่วนตัวนะเราว่า ผ้าปูเตียงเราก็ถูกเปลี่ยนค่ะ หูเราเริ่มดับละ ! อะ ไม่เป็นไร นิดหน่อยๆ ข่มใจไว้ลึกๆ ตัดมาที่ห้องครัวค่ะ อารมณ์หิว เปิดมาข้าวสารหมดจ้า เครื่องปรุงหมด ของในตู้เย็นก็หมด หม้อหูพัง กระทะเทฟล่อนก็ล่อน เราแบบ ! พูดไม่ออกจริงๆ ไม่ออกแบบไม่ออกมากๆ เราก็คิดว่า เห้ย ! ใจแคบน่าาา อย่าคิดเล็กคิดน้อย แต่อีกใจนึงมันแบบ เห้ย ! มันมากเกินไปนะ นี่มาแต่ตัวทัวร์ยกแก๊งกันเลยใช่ไหม เราไม่ใช่คนหวงของนะคะ แต่เราว่าแบบนี้มันมากเกินไปอะ เราต้องตามซื้อของเข้าบ้านเยอะมาก มันคือค่าใช้จ่ายอะค่ะ
อยากถามเพื่อนๆว่า เราเป็นแบบนี้เราใจแคบไหม เราควรคุยกับแฟนเราไหมคะ แล้วแฟนเราจะคิดว่าเราเห็นแก่ตัวไหม (มันเกินข้อตกลงที่คุยกันไว้แล้วอะค่ะ) แล้วเราต้องซื้อของฝากน้องเค้าทุกทริปเลยไหมคะ เพราะดูแล้วแฟนเราน่าจะให้น้องชายมาเฝ้าหมาทุกครั้งที่เราไม่อยู่ เพื่อนๆเราก็บอกงว่า ให้ฝากร้านเถอะ ตัดปัญหาไปเลย เราเลยอยากถามความเห็นของหลายๆคนค่ะ ถ้าเราใจแคบเราจะได้เปลี่ยนทัศนคติใหม่ เพราะเราก็ยังต้องเจอครอบครัวแฟนเราไปอีกนาน ยังอยู่ตรงนี้ไปอีกนาน ไม่อยากมีปัญหากับคนรอบข้างเพราะเรื่องแค่นี้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ