กลัวเหลือเกินกับการเป็น กบที่อยู่ในหม้อต้มน้ำ ที่รอวันและเวลาที่น้ำเดือด จะพอรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว ...............

เครดิตภาพ :โดย...จักรพงษ์ เมษพันธุ์ THE MONEY COACH.... อ่านต่อได้ที่ : https://www.posttoday.com/finance/money/508274
ผมกลัวเหลือเกินกับการ เป็น กบที่อยู่ในหม้อต้มน้ำ ที่รอวันและเวลาที่น้ำเดือด จะพอรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว ...............อมยิ้ม14

สวัสดีครับ ผมกลุ้มและเครียดและก็เก็บเรื่องราวต่างๆไว้แต่ภายในใจของตัวเองมาตลอด หลายเดือน คิดแล้วคิดอีกหาทางเลือกที่ลงตัวให้กับตัวผมเอง เข้ามาสู่ปัญหาเลยนะครับ เริ่มจากผมเป็นคนต่างจังหวัดครับ และเป็นพนักงานออฟฟิสกินเงินเดือนธรรมดาคนนึง ที่ทำงานด้านสาย IT ชีวิตการทำงานเริ่มจากการทำงานใช้ทุนการศึกษาที่ได้รับจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับ (System Integretor) และได้รับเงินเดือน 18K ได้ทำและเก็บประสบการณ์ทำงานที่แห่งนี้มา 2 ปี และได้เรียนรู้สิ่งต่างมากมาย และด้วยความที่ผมเองใช้เงินเก่งเงินเลยแทบจะไม่มีเก็บเลย และประกอบกับฐานะที่บ้านก็พอมีผมเลยติดนิสัยเสียที่ไม่ชอบเก็บเงิน และใช้เงินเก่งตั้งแต่เริ่มทำงาน  และตอนนั้นมีไฟแรงที่อยากจะหาความก้าวหน้าให้กับตนเอง และเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น จึงได้ตัดสินใจลาออกจากที่ทำงานที่แรก และไปหาเงินทำเปลี่ยน Business Model จาก System Integrator => Financial Business มาสมัครเข้าทำงานที่ บลจ.แห่งหนึ่ง เป็นพนักงานไอทีที่ บลจ.แห่งนี้ ค่าตอบแทน *2 แต่ก็ต้องแลกกับเวลาชีวิตและร่างกายที่ทรุดโทรม โดยเป็นพนักงาน IT System ที่จะต้อง Stand by server 24/7 ที่ต้องดูและ Monitor system ทั้งหมด 4 จอ และแทบจะบอกได้เลยว่าพี่ๆและเพื่อนๆที่นี่แทบจะกินและนอนที่โต๊ะ ช่วงนั้นร่างกายเหนื่อยมาก แต่ก็รู้สึกดีที่ได้เงินเพิ่มขึ้น แต่ก็กลับมาคิดว่าร่างกายเราแย่แน่ๆถ้าจะปักหลักทำที่นี่ ผมเลยทำงานที่นี่ เก็บเงินเพื่อหางานใหม่ต่อ ผมก็ทำได้ครบปีนึง เก็บได้สักก้อนและตอนนั้นร่างกายก็โทรม และคิดอยากจะหางานเกี่ยวกับ IT แถวบ้านต่างจังหวัด มีความคิดอยากจะทำงานแถวบ้านมากขึ้นในช่วงนั้น ถึงแม้เงินเดือนจะลดลง เลยตัดสินใจลาออก และหางานได้แถวจังหวัดใกล้เคียงกับบ้าน โดยสามารถขับรถกลับบ้านได้ทุกอาทิตย์ ช่วงนั้นผมดีใจมากๆและมีความสุขที่สุดที่ได้ใกล้ชิดกับคุณแม่ ผมมาทำงานที่องค์กรไม่แสวงผลกำไร NGO ครับ ซึ่งบรรยากาศแตกต่างกับองค์กรเอกชน เป็นอย่างมาก ทำเพื่อปชช. ไม่หวังผลกำไร แรงกดดันไม่มีและเพื่อนทำงานเป็นมิตรเพราะเป็นคนจังหวัดเดียวกัน เป้าหมายองค์กรนี้คือ ช่วยเหลือผู้อพยพหลี้ภัยสงคราม ซึ่งมาพักพิงตามตะเข็บชายแดนจนกว่าผ็อพยพจะสามารถกลับบ้านเขาเองได้ เมื่อบรรลุเป้าหมายองค์กรก็จะยุบตัวลง ผมมีหน้าที่ เป็น IT Support ลดตำแหน่งหน้าที่ลงมา รวมทั้งเงินเดือนด้วย แต่ซื้อกับความสุขและการกลับบ้านพาคุณแม่ไปเที่ยวและทานข้าวกับท่านทุกอาทิตย์ผมก็ยอม และผมก็ทำงานที่นี่ ได้ 5 ปีเต็ม และผมตอนนั้นได้ยินข่าวที่ผมเสียใจจากองค์กรว่าอีกประมาณ 5 ปีข้างหน้าองค์กรจะยุบตัวลงเพราะจะบรรลุตามเป้าหมายแล้ว ร้องไห้ ซึ่งนั่นก็คือไม่มีความมั่นคงเกิดขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้าผมอายุก็เกิน 30 ปี ซึ่งตอนนั้นผมจะเริ่มหางานยากขึ้นและสมัครเข้าทำงานยากขึ้นเพราะผมทำงานที่นี่มาเกือบ 5 ปี ความรู้ด้าน IT ผมตอนนั้นก็ไม่ค่อยได้อัพเดท ผมระหว่างนั้นจึงฉุกคิดและเริ่มฝึกฝนตนเองมากขึ้นทุกวันเพื่อสอบเข้าองค์กรที่มั่นคงและทำให้ครอบครัวได้ภูมิใจ และล่าสุดตอนนี้ที่ยังทำอยู่คือ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจในกทม. ที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค ซึ่งผมก็เครียดมากกก ระหว่างการเลือกและตัดสินใจของผมตอนนี้ ระหว่างที่ต้องเลือกความภาคภูมิใจของครอบครัวที่ผมได้เปนหน้าเปนตาให้ครอบครัวที่ทำงานกับองค์กรแห่งนี้ แต่หารู้ไหมว่าผมทุกข์ใจเป็นอย่างมากกับการที่เข้ามาโดนในแผนกและฝ่ายที่เฮงซวยที่สุด เพราะเพื่อนๆที่ทำงานรุ่นเดียวที่เข้ามาทำงานพร้อมกันนั้นเข้ามาอยู่ในแผนกที่ดีและมีนายที่เข้าใจลูกน้องและไม่ใช้อำนาจมากดขี่ข่มเหงลูกน้อง ซึ่งผมทำมาได้ ปีนึง แต่ปีนึงนั้นเป็นอะไรที่ผมทรมานมากเหมือน 10 ปี แต่เพราะที่บ้านกดดันและสังคมครอบครัวผม ใจจริงผมอยากจะออกมาตั้งนมนานแล้ว  แต่ผมเองเงินเก็บติดตัวตอนนี้แทบจะติดลบติดหนี้บัตรที่ต้องจ่าย ยังดีที่ผมผ่อนรถหมดก่อนเข้ามาทำงานกับองค์กรนี้ ซึ่งเป็นองค์กรที่ใครๆก็เห็นก็ว่ามันดี เท่าที่ถามข้อมูลเพื่อนๆที่เข้ามาทำแผนกอื่นนั้น เพื่อนบอกมาว่า เข้ามาโดนในแผนกนี้ซวยแล้วเพื่อน...Facepalm ซึ่งผมก็คิดในใจตอนแรกไม่อคติและรองปรับปรุงตัวให้เข้ากับนาย แต่เหมือนกับว่า ผลลัพธ์ยังเหมือนเดิม ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าไปทำอะไรให้หัวหน้าเคืองหรือไม่ เพราะผมรู้ว่าองค์กรนี้มันการงานมั่นคง แต่ผมไม่มีความสุขเอาเสียเลย และอีกอย่างผมเป็นลูกคนโตและก็เป็นความหวังของครอบครัว    อีกด้วย ผมตอนนี้ก็ได้แต่อดทนและอดกลั้นมากๆที่เก็บตังใช้หนี้ของผม และภาระทางครอบครัวที่ต้องส่งน้องเรียน และเก็บตังเพื่อหางานใหม่ที่ต้องให้ดีหรือเทียบเท่ากับงานนี้ที่ทำอยู่เพื่อให้ครอบครัวผมภูมิใจ ผมร็สึกเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องหางานใหม่และตั้งต้นใหม่อีกรอบ ผมคิดมาตลอดนึกว่าชีวิตเด็กต่างจังหวัดผมนี้จะสามารถปักหลักและใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพและย้ายครอบครัวมาพักอยู่กรุงเทพแห่งนี้ และทำให้ครอบครัวภูมิใจ แต่กลับเป็นว่า ผมต้องหาทางเริ่มต้นใหม่อีกครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม ผมเหนื่อยและเสียใจเหลือเกิน  และถ้าผมลาออกจากพนง.รัฐวิสาหกิจแห่งนี้ผมคงทำให้ครอบครัวผมเสียใจมาก โดยเฉพาะคุณแม่ของผม ผมเหลือแต่ท่านคนเดียวแล้ว คุณพ่อผมเสียไปตั้งแต่ยังเด็ก สิ่งเดียวที่ผมจะสามารถตอบแทนท่านได้คือ ทำให้ท่านมีความสุขและภูมิใจในตัวผม ท่านก็อายุมากแล้ว ผมเองอายุก็จะ 30 ปีแล้ว สิ่งที่ผมคิดและความหวังสุดท้ายของผมที่พยายามสอบเข้าองค์กรที่ดีและมั่นคงกลับต้องสลาย และไม่มีความสุข ผมอยากถามทุกท่านว่าถ้าคุณเป็นผมคุณจะทำยังไงครับ มีวิธีแนะนำไหมครับ จะทำงานยังไงให้มีความสุข ในสถานการณ์ที่นาย หรือ หัวหน้าไม่ชอบเรา และถูกบีบให้ออกจากงาน ที่เราอยากทำและมั่นคง ทั้งๆที่พยายามปรับตัวและปรับใจกับนายแล้วก็ไม่บังเกิดผล และเพื่อนร่วมงานตอนนี้ก็หลีกเลี่ยงที่จะพูดคุยกับผม เพราะผมเองก็รู้ตัวว่าอาจจะทำให้นายไม่พอใจและพวกเขาก็อาจจะโดนพ่วงไปด้วย ผมทุกวันจึงต้องทำงานลำพังคนเดียวตามงานที่รับผิดชอบให้ดีที่สุด และต้องทานข้าวเหงาๆคนเดียวในยามพักเที่ยง แต่สิ่งที่ผมบอกมานั้นมันทำให้ผมอึดอัดที่จะทำงานให้มีความสุขได้ ผมจึงพยายามที่จะไม่คิดมากและทำงานของผมไปในทุกๆวัน ผมอยากถามว่าจะทำอย่างไรดี ผมวางแผนแบบนี้ดีไหม ช่วยตอบผมทีนะครับ

1. ผมอยากจะออกจาก Comfort Zone แล้ว แต่ใจไม่กล้าสักที + ทางครอบครัวกดดันไม่ให้ออกจาก Comfort Zone ทำให้ตอนนี้เครียดตลอดเวลา สิ่งแวดล้อมไม่ดี เหมือนรู้สึกโดน Bully กับคนที่ทำงานตลอดเวลา ผมจะทำยังไงดี พาพันเศร้า

2. ถ้ามาทำเอกชนผมก็เกรงว่าจะวนลูปเข้าวงโคจรเดิม ที่ชีวิตไม่มีเวลา เพราะผมทำงานสาย IT หรือ ผมเก็บตังสักก้อนแล้วออกมาขายของทำธุรกิจนี่ควรทำอะไรดีครับในสถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้ ที่กรุงเทพนะครับ และตอนนี้อายุ 32 แล้ว กลัวออกจาก Comfort Zone แล้วหางานยากขึ้น แต่ผมก็อยากทำงานที่สบายใจด้วย และอีกอย่างถ้าผมลาออกจากงานรัฐวิสหกิจองค์กรนี้จริงๆ ผมคงไม่มีหน้ากลับบ้านต่างจังหวัด และไม่อยากให้แม่ผมรับร็จนกว่าผมจะสำเร็จในชีวิตอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเริ่มทำธุรกิจเอง หรือ สอบเข้าทำงานที่ดีและมั่นคงให้คุณแม่ผมภูมิใจ มีใครเคยออกจาก Comfort Zone บ้างไหมครับ

ผมกลัวและกังวลมากๆกับ ประโยคนี้ ===>>> กลัวเหลือเกินกับการ เป็น กบที่อยู่ในหม้อต้มน้ำ ที่รอวันและเวลาที่น้ำเดือด จะพอรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว ........
ที่ทำงานอยู่ตอนนี้ ก็เหมือนทำงานตามคำสั่ง อยู่ไปวันๆ และเงินเดือนและ C ก็ขึ้นตามสเต็ป คงไปสุดได้แค่ C 6 เพราะโดนนายกด ไม่มีผลงาน  U __ U 
ผมอยากถามเพิ่มเติม ถ้าเป็นเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่อยู่สถานการณ์แบบนี้ จะลาออกไหมจะทำยังไงได้บ้าง 
.
.
.
ช่วยผมทีครับผมคิดไม่ตกจริงๆ อมยิ้ม08
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่