เมือเราต้องเลือก

สวัสดีค่ะ เรากำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนตัวเราทีแรกก็ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร เคยคุยกับพ่อแม่ไว้ว่าอยากเป็นอะไรให้บอกมาเดี๋ยวเรียนให้ พ่อเราก็เสนอเภสัช ส่วนแม่ก็บอกว่าถ้าไม่ได้เภสัชให้เรียนครูให้แม่ เราก็เฉยๆนะแต่แบบลึกๆในใจต้องเอาเภสัชให้ได้เพราะไม่อยากเรียนครู 
 เมือถึงวันที่ประกาศคะแนนต่างๆ คะแนนของเราไม่พอที่จะยื่นเภสัช สุดท้ายเราก็ต้องมาจมอยู่กับครูทั้งๆที่เราไม่อยากเป็น ระบบ tcas รอบ 3 เราติดคณะวิทย์จุลชีวะ กำแพงแสน ทีแรกทุกคนก็เห็นด้วยที่จะให้เราเรียนทั้ง ตา ยาย น้าชาย พ่อ แม่ แต่พอพวกเขาได้ออกไปคุยกับบคนข้างนอกมีคนบอกแม่เราว่าเรียนสาขานี้จบออกมาถ้าไม่มีเส้นสายก็หางานทำไม่ได้ สุดท้ายก็ตกงานนอนอยู่บ้าน พอเรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้จากที่ทุกคนโอเคกลายเป็นเหลือแค่น้าชายกับพ่อที่ไม่ว่าอะไรให้เรียนที่เราอยากเรียน 
 วันนึงหลังจากนั้นไม่นาน แม่โทรมาต่อว่าเรา และบังคับไม่ให้เรียนสาขาอ้างว่า แม่ขอแล้วนะว่าให้เรียนครูให้แม่ ทำไมเป็นแบบนี้และก็ต่อว่าอีกมากมาย 
เราก็เลยตัดสินใจว่าโอเคไม่ไปสัมรอบนี้ รอบ4 เอาใหม่ 
 ถึงวันที่เลือกอันดับรอบ 4 แม่บังคับให้เลือกคณะศึกษาศาสตร์ เอกการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ กำแพงแสน เราเลยบอกแม่ว่างั้นอันดับ 4 เราของเลือกจุลชีวะ กำแพงแสนไว้นะ แม่เราต่อว่าหนักมาก ว่าจะเรียนไปทำงานอะไร จะเข้าทำงานได้ไหม แม่ทำให้ทุกอย่างหาเงินให้เรียน ทำทุกอย่างทำไมเป็นครูให้ไม่ได้ เราก็โอเคยอม เพราะไม่คิดว่าจะติดคณะศึกษาศาสตร์ แต่เหมือนพระเจ้าเล่นตลก เราติดศึกษาศาสตร์มา เราไม่ดีใจเลย มันรุ้สึกเฉยๆ และมีความคิดมากมายเข้ามาในหัวเพราะถ้าเรียนอันนี้เราต้องเรียนฟิสิกส์ ไม่เถียงนะว่าคณะอื่นก็ต้องเรียนแต่คณะเรามันเรียนเยอะกว่าไง เราชอบชีวะ เคมี เราไม่ชอบฟอสิกส์ คณิต เรากลัวว่าถ้าเรามีความรู้ไม่มากพอเราจะสอนเด็กไม่ได้  ถึงแม่เราจะคิดแบบนี้แต่เราก้ได้แต่คิดในใจเพราะเราพูดออกไปเราจะต้องโดนด่าแน่ๆ เราเลยเงียบและยอมไปสัม และถึงตอนนี้เราก็มีสิทธิ์เรียนที่คณะนี้เรียบร้อยแล้ว 
 แต่ ... มันก็มีรอบ 5 มาซึ่งจุลชีวะเปิดรับ 25 คน เราว่าถ้าเราสมัครเราก็ติด เราเลยลองขอแม่อีกครั้ง ทายสิว่าจะยอมไหม 5555 ไม่ค่ะ แม่ไม่ยอมแม่โทรมา บอกว่าแม่ทำให้ขนาดนี้แล้ว เรียนให้แม่หน่อยไม่ได้เหรอ ใช่ แม่พูดกับเรา เรียนให้แม่หน่อยได้ไหม แบบนี้หลายรอบมากพร้อมกับร้องไห้ เราเลยบอกแม่ว่าเดี๋ยวเรียนให้แต่ว่าถ้าเรียนไม่ไหวปีหน้าหนูขอสอบใหม่นะ แล้วแม่ก็โมโหและว่าเรามาว่า คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่คิดถึงพ่อแม่บ้างเลยยเหรอไงทำไมถึงเป็นแบบนี้ทำให้ตั้งเท่าไรเรียนให้แค่นี้ทำไม่ได้หรือไง  ไม่สงสารพ่อแม่ที่หาเงินส่งให้เหรอ ค่าเทอม ค่าหอ 1 ปีไม่เสียดายเงินเหรอ แล้วแม่ก็ทิ้งท้ายว่า จะเอายังไงก็เรื่องของเลย อยาเรียนอะไรก็เรียน จะไม่ยุ่งแล้ว แล้วก็ตัดสายไป 
 แม่พุดของเราเรียน เหมือนกับเราไปค่ายธรรมดาๆ ไม่ใช่อาชีพในอนาคตเลย แม่ไม่นึกถึงเราบ้างเหรอว่าเราจะต้องอยู่กับอาชีพนี้ไปตลอดชีวิต แม่บอกว่าเราไม่นึกถึงเขาแล้วเขาละนึกถึงเราหรือป่าว ความคิดหลายอย่างเขามาในหัวเราเยอะมาก ว่าเราจะเป็นลูกที่ดีเรียนให้เขาถวายชีวิตนี้ทั้งชีวิตให้เขา เพื่อตอบแทนบุญคุณ หรือ จะทำตามใจตัวเองแต่จะเป็นลูกอตกัญญูต่อผู้มีพระคุณ 
และความคิดที่ไม่เคยออกไปจากหัวเลยคือ สิ่งที่เราเลือกวันนี้ไม่ว่าจะทางนี้หรือทางไหน มันจะดีใช่ไหม และถ้ามันไม่ดีละจะทำยังไง 
ทุกอย่างทุกทาง เราไม่เคยลองมันเลย เราไม่เคยโอเคกับการให้เด็ก อายุ 18-19 มาเลือกอาชีพเพราะโรงเรียนหรือระบบการศึกษาไม่เคยให้เด็กได้รู้จักอาชีพ หรือลองลงมือทำเลย ทุกคนอาจจะบอกว่าใหห้เราหาทำนอกห้องเรียน...แต่..บางโรงเรียน เรียนสะจนไม่มีเวลาให้เด็กค้นหาประสบการณ์ด้วยซ้ำ
เด็กในโรงเรียนตอนนี้รู้จักจริงๆก็แค่ คณิต ภาษา วิทยาศาสตร์ แล้วถามจริงๆ เด็กรู้จักแค่นี้จะไปเอาอะไรมาตัดสินอาชีพในอนาคตได้ยังไง
  
 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่