-- รีวิว X-Men : Dark Phoenix -- 6/10 คะแนน 💥🌌☄️ ขุ่นแม่ฟีนิกซ์ทมิฬมหากาฬสะท้านพิภพ


-- รีวิว X-Men : Dark Phoenix -- 6/10 คะแนน 💥🌌☄️ ขุ่นแม่ฟีนิกซ์ทมิฬมหากาฬสะท้านพิภพ

❗เรียกได้ว่าเป็นหนังแนวยอดมนุษย์ไซไฟ ที่ไว้หากินของค่าย Fox เค้าล่ะครับ (ผูกสัญญากับ Marvel) มีหมดทั้งอดีต อนาคต หนังแยกเดี่ยว หนังรีเซ็ตไทม์ไลน์ แล้วก็มาถึงคราวของหนังภาคต่อสุดท้ายที่จะปิดตำนาน X-Men ซึ่งก็คือภาค Dark Phoenix อันนี้ นับตามไทม์ไลน์ก็ 7 ปีให้หลังจากเหตุการณ์ภาค Apocalypse (เส้นเวลาใหม่ที่ย้อนมาจาก Day of Future Past)

โดยหนังจะพาเราไปลงลึกในชีวิตวัยเด็กของ จีน เกรย์ ก่อนเธอจะได้รับพลังบัฟสุดโกง(ที่เสริมจากพลังจิต) หรือที่เรียกกันว่า "ฟีนิกซ์ฟอร์ช" จนกลายเป็นมิวแทนต์สุดแข็งแกร่ง พลังระดับคอสมิกบีอิ้ง ยากหาใครเทียมทาน

มาเอาใจช่วยกันว่าเหล่าทีม X-Men จะรับมือกับเธอผู้นี้ ที่กำลังถลำเข้าสู่ด้านมืดของฟีนิกซ์ได้อย่างไร

✳️ [ จุดขายหนัง ]

ไม่แปลกใจที่ฉากโชว์ซีจีส่วนใหญ่ของหนังจะเป็นพลัง ดาร์คฟีนิกซ์ ซึ่งทำออกมาได้สวยงามและทรงพลัง ยิ่งเวลาเห็นคนที่โดนเธอเสกเป็นฝุ่นสลายนี่เนียนตามากเลย ถึงฉากสู้ช่วงท้ายๆ เอฟเฟคจะดูลอยๆไปบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในมาตรฐาน X-Men

ต้องขอบคุณการแสดงอันน่าชื่นชม ที่ทำให้หนังที่บทค่อนข้างกลวงเรื่องนี้ ยังพาเราไปต่อได้จนจบเรื่อง คนแสดงได้ mvp ก็หนีไม่พ้นเรเว่น กับจีน เกรย์ ส่วนที่ยังไม่ค่อยโอเคกลับเป็น ชาร์ล เสียเอง ที่คาแรกเตอร์ยังดูสับสนในตัวเอง

หนังเล่าเรื่องเป็นลำดับเข้าใจง่ายดีไม่ซับซ้อน ไม่เฉพาะกลุ่มเกินไป มีการเล่าเกี่ยวกับ ฟีนิกซ์ฟอร์ช เผื่อคนที่ไม่ได้ตามคอมิคด้วย ถึงอย่างนั้นก็มีช่องโหว่ไทม์ไลน์อยู่ประปรายถ้าโยงกับภาค Apocalypse แต่ถ้านับแค่ในภาคนี้ก็ถือว่าดำเนินเรื่องใช้ได้เลยทีเดียว

หนังพยายามจะดึงเราไปทางดราม่าหม่นๆ นักแสดงทำได้ดีหมดแล้ว แต่มีปัญหาที่บทพูด กับการขยี้ที่ยังไม่สุด ยังดีที่ได้เพลงของ Hans Zimmer มาช่วย เลยพอมีอารมณ์ร่วมอยู่บ้างระดับนึง

องค์ประกอบฉาก การคุมโทน color script ดราม่าของหนังดูดีมีคลาสเลยทีเดียว มันให้บรรยากาศที่รู้สึกได้ถึงความหม่น ความหนักอึ้ง ความกดดันทั้งหมดที่จีน เกรย์ ต้องเผชิญในเรื่อง




✴️ [ จุดอ่อนหนัง ]

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า หนังบทกลวงอย่างน่าใจหาย ตัวละครแต่ละตัวมีบุคลิก การตัดสินใจที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เหตุผลที่มา ปมต่างๆตอนต้นเรื่องไม่ได้ตอบคำถาม หรือประกอบการกระทำได้มีน้ำหนักพอ จีน เกรย์ยังตัดสินใจอะไรแบบเด็กๆ คิดว่าการผูกปมพอโอเคนะ แต่ตอนแก้ปมนี่ไม่ไหวจริงๆ

ประเด็นฟีนิกซ์ ฟอร์ช หนังเอามาใช้แค่เพียงหยิบมือ ทำเหมือนขอไปทีให้มันจบๆไป ทั้งๆที่มันแทบจะเปิดจักรวาลใหม่ได้เลย แต่กลายเป็นว่ายังต้องมาขลุกๆ กับทีม X-Men หน้าเดิมๆ ไม่ได้มีอะไรว้าว แต่มีเพิ่มเติมคือความไซไฟต่างดาวที่ยัดเยียดเข้ามาได้ขัดธีมหนังเอามากๆ (แอดไม่รู้ว่าตามคอมิกเป็นไงนะ)

การตัดต่อซีนแอ็คชั่นต่อสู้ หรือตอนที่มันชุลมุนมีปัญหาหนักมาก ทั้งดูยากเวียนหัว ทั้งไม่มันส์จุใจ ทุกคนดูยั้งๆ พลังไม่ปล่อยของ โดยรวมฉากบู๊ทำได้แย่กว่า X-Men ทุกภาคที่เคยดูมา รวมถึงภาค Apocalypse ที่เคยคิดว่ามันบู๊แย่สุดแล้ว

พูดได้เต็มปากว่าไม่มีฉากที่น่าจดจำเลย หนังมันดูเฉยๆ แบนราบไปหมด ผูกปมแก้ปมไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์ มันไม่มีฉากสู้ที่ตราตรึงแบบ last stand ไม่มีฉากยกเรือดำน้ำแบบ first class ไม่มีฉากโชว์ของแบบ day of future past แถมการตายในหนังก็ไม่ได้น่าจดจำเลย อารมณ์แบบโอเคตายแล้วเนาะ บ๊ายบาย


===================
🏅คะแนนรวม 6/10
===================
🔻 การรีวิวนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวหลังรับชม Please have นานาจิตตัง in mind..

❗เอนเครดิตไม่มีนะจ๊ะ แอดยอมนั่งรอดูให้แล้ว รีบกลับบ้านๆ

❗หนังไม่ได้ห่วยบรมขนาดคะแนนเว็บมะเขือ แต่แค่มันดูราบเรียบ จุดขายพัง และเดาง่ายน่าเบื่อไปหน่อย

ราคาตั๋วที่คุ้มค่า : วันธรรมดา 140-180
.
#คนจริงไม่อวยหนัง #รีวิวรัวๆ
#XMen #DarkPhoenix


ติดตามรีวิวหนังเปิดอกจัดเต็ม ไม่มีอวย ได้อีกสองช่องทาง

เพจเฟสบุ้ค "คนจริงไม่อวยหนัง"

www.facebook.com/IndyMovieReviewer

และอินตาแกรม "indymoviereviewer"

www.instagram.com/indymoviereviewer
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่