สวัสดีครับ กลับมาเจอกันอีกครั้งนะครับ คราวนี้เป็นหนังแนวที่ตัวเองไม่ค่อยได้เข้าไปดูในโรงเท่าไหร่ แต่อย่างว่าครับ อายุมากขึ้น
การไปดูหนังในโรงก็กลายเป็นงานอดิเรกไปเลย5555

มอนสเตอร์เวิร์สเป็นจักรวาลที่จะยิ่งใหญ่ก็ว่าได้ จะเล็กน้อยก็ไม่ผิด เพราะหนังที่ออกมาแต่ละเรื่องในจักรวาลส่วนใหญ่ลูกผีลูกคนทั้งนั้น
ไม่ใช่ว่าไม่ดี มันก็มีเสน่ห์ตามโทนเรื่องไป แต่ปัญหาส่วนใหญ่ที่ผมมองมุมผมคือ "การไม่ทำให้เรารู้สึกว่าเรากำลังดูมอนสเตอร์ตีกัน"
ไม่ว่าจะ ก็อดซิลล่า 2014 ที่ตีความให้เราเห็นพี่ก็อดผ่านมุมมองของมนุษย์ หรือ คอง มหาภัยเกาะกะโหลก
ที่ทำให้เราเห็นความยิ่งใหญ่ของคองท่ามกลางความอันตรายของสัตว์ประหลาด
ซึ่ง "ก็อดซิลล่า 2 : ราชันแห่งมอนสเตอร์" เป็นหนังเรื่องที่ 3 ของจักรวาลที่ทางผู้กำกับ ไมเคิล โดเฮอร์ตี้ บอกเลยว่า จะเคารพต้นฉบับ เวอร์ชั่นยุค 1900 ให้มากที่สุด แต่มันจะออกมาดีหรือไม่นั้น เชิญอ่านเรื่องย่อก่อนเลยครับ

"โลกต้องเผชิญกับความวุ่นวายอีกครั้งหลังจาก 5 ปีที่ผ่านมา เมื่อมีองค์กรผู้ก่อการร้ายไม่ทราบนาม ได้มีแผนที่จะปลุกมอนสเตอร์ขึ้นมา เพื่อคืนความสมดุลแก่ธรรมชาติ โดยไม่รู้เลยว่า ผลที่ตามมาอาจเกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ องค์กรโมนาร์ชเพื่อมอนสเตอร์จึงต้องระดมสมองเหล่าผู้มีความรู้เพื่อหาทางรับมือกับภัยที่มาจากโลกเอง ในสภาวะที่มอนสเตอร์ต้องออกห้ำหั่นกันเพื่อแย่งชิงความเป็นราชัน และแน่นอนว่า ก็อดซิลล่า มอนสเตอร์ใหญ่ยักษ์ผู้เคยปกป้องซานฟรานซิสโกไว้ ก็เข้าร่วมสงครามนี้ด้วย แล้วมนุษย์ล่ะจะเป็นอย่างไร จะเข้าร่วมกับมอนสเตอร์หรือจะต่อต้านมันอย่างสุดกำลัง"
 
เรื่องราวของภาคนี้จะกล่าวถึงภาคแรก 2014 นิดหน่อย ซึ่งถ้าไม่ได้ดูมาก็ไม่เป็นไรแต่จะงงในเหตุการณ์บางเหตุการณ์ แถมมีอีสเตอร์เอ้กจากหนังในจักรวาลที่โผล่มาให้เห็นพอจำ ๆ กันได้มั้งนะ แต่เนื้อเรื่องจะพูดถึงการปะทะกันระหว่างผู้ก่อการร้าย โจนาห์ ชายแก่ทหารเก่าที่เกิดเพี้ยนอยากจะคืนสมดุลโลก จึงหาจังหวะลักพาตัว เอมม่า และ เมดิสัน รัสเซล สองแม่ลูกที่ทำงานให้องค์กรโมนาร์ชเพื่อที่จะได้ปลุกมอนสเตอร์ขึ้นมาอีกครั้ง เป็นหน้าที่ของมาร์คที่จะต้องหาทางแก้ไขปัญหาทุกอย่างที่อาจนำมาสู่การสูญพันธ์ของมวลมนุษยชาติ

เนื้อเรื่องก็ประมาณนี้ล่ะครับ ไม่ได้หวือหวาอะไร มีหักมุมนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้มีอะไรตื่นตกใจมาก แต่ตัวละครมนุษย์ในเรื่องเป็นเหมือนเหยื่อให้มอนสเตอร์ถล่มใส่มากกว่า5555 เพียงแต่ตามลักษณะหนังแนวนี้เราจะได้เห็นการวางแผนการหาทางเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์ต่าง ๆ ที่บางครั้งก็ดูไม่สมเหตุสมผล ตามประสามนุษย์ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยโลก ไหนจะดราม่าครอบครัวซึ่งผมไม่ได้มองว่าแย่นะ แต่บางทีมันก็ผิดจังหวะไปหน่อย แถมมันเป็นฉากที่เราเห็นในหนังหายนะหลายเรื่องแล้วด้วย จนเราอาจจะรู้สึกรำคาญบ้าง แต่ก็รับได้แหล่ะ อย่างน้อยตัวละครมันก็พยายามสุด ๆ เท่าที่บทจะให้แล้วล่ะนะ แต่มันก็ออกจะเรื่อย ๆ ไปหน่อย

แต่ฝั่งมอนสเตอร์นี่อยากจะกริ๊ดลั่นโรง อยากเห็นมอนสเตอร์เหรอจัดไป แต่ละตัวเปิดตัวได้โคตรอลังการงานสร้างมาก แถมมีเอกลักษณ์ และพลังที่น่าสนใจ จนเราลืมไปเลยว่านี่มันหนังมอนสเตอร์ นึกว่าหนังอเวนเจอร์ ทั้งน่ากลัวและน่ารัก? แถมเวลามันฟาดฟันกันมันก็สนุกด้วย การห้ำหั่นกันแต่ละที แลนด์มาร์คพังไปกี่แห่งก็ยังไม่หนำใจ เท่าฉากไคลเเมกซ์ เรียกได้ว่ายอมแล้วครับ ซีจีก็ดูดีเลย เห็นแล้วแบบ มันอาจจะมีจริงก็ได้มั้งบนโลก (ในหนัง)

ทั้งนี้ด้วยความที่ไม่ได้คาดหวังอะไรด้วยล่ะ ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าหนังมันแย่สักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่พอใจในบทบาทของตัวละครบางตัว ที่คิดจะหายก็หาย คิดจะจบแบบดื้อ ๆ บางตัวน่าจดจำ บางตัวก็อะไรว้า? เหมือนกับจงใจทำเพื่อจะส่งให้ตัวละครใหม่ที่จะมาใน คอง ปะทะ ก็อดซิลล่า แน่ ๆ ซึ่งเราก็ไม่ได้รู้สึกผูกพันหรือรู้จักอะไรเขามากด้วย เลยค่อนข้างจะเสียดาย แต่ฉากที่น่าจดจำก็เป็นหนึ่งในการคารวะของหนังยุคเก่าตามที่ผู้กำกับบอกจริง ๆ

เสียงประกอบนี่อลังการ กระหึ่มมาก เพลงประกอบก็มีเอกลักษณ์ของแต่มอนสเตอร์ แถมตูมตามมาก ๆ ทำให้คล้อยตามหนังได้ระดับนึง
แต่ GO GO GODZILLA คือที่สุด!


หนังไม่ได้แย่ขนาดไม่ต้องไปดูนะ แต่ก็ไม่ได้ดีอะไร ถ้าอยากไปดูหนังบล็อคบัสเตอร์ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่แนะนำให้ไปดู
ดูเก็บรายละเอียด เอามัน เพลิน ๆ ก็ได้ แต่ถ้าซีเรียสกับเนื้อเรื่องก็ขอให้ทำใจล่วงหน้า หรือไม่ก็ทำใจสบาย คิดซะว่าหนังมอนสเตอร์ตีกันโครมคราม
ไม่มีมนุษย์มันก็เล่าเรื่องไม่ได้ล่ะนะ 

ปล. End Credit ท้ายหนังนี่ ทำเอาอยากเห็นเลยว่าจะเล่นยังไงต่อ